Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 183 ไม่หวาดกลัวไม่ถอยหลัง
เทียบกับความเย็นชารังเกียจของจูจั้น จางเป่าถังจริงใจมีไมตรีอย่างยิ่ง“คุณหนูจวินท่านอย่ากลัว มีเรื่องก็ให้คนมาหาข้า บ้านข้าอยู่ที่เมืองฝั่งตะวันออก เจ้าหาตระกูลจางถามทีหนึ่งก็รู้” เขาเอ่ยตระกูลจางแห่งหลินชวน คุณหนูจวินย่อมรู้จักตระกูลแม่ทัพรุ่นแล้วรุ่นเล่า แม้เน้นพลเรือนไม่เน้นทหาร แต่เทียบกับตระกูลหนิงตระกูลขุนนางพลเรือนเช่นนี้ ตระกูลของตระกูลจางก็ไม่อาจดูแคลนอย่างไรการสืบตระกูลของขุนนางพลเรือนจำนวนหนึ่งอาศัยการสอบขุนนาง แต่แม่ทัพทหารอาศัยคุณงามความชอบทางการทหาร คุณงามความชอบทางการทหารเทียบกันแล้วง่ายกว่าสอบขุนนางอยู่บ้าง ตระกูลก็สืบทอดกันปลอดภัยมั่นคงมากกว่า ไม่เหมือนตระกูลบัณฑิตไม่มีจิ้นซื่อสองรุ่น ตระกูลก็ตกต่ำแล้วคุณหนูจวินยิ้มให้เขาพยักหน้าคำนับขอบคุณอีกครั้ง“ไปได้แล้ว ไปได้แล้ว” ซื่อเฟิ่งยิ้มเอ่ย เร่งจางเป่าถัง สองคนตามจูจั้นที่เดินออกไประยะหนึ่งแล้วไปหลังกลุ่มของจูจั้นจากไป บนถนนก็เปลี่ยนเป็นยิ่งคึกคักแล้ว ทุกคนออเข้ามาเอ่ยถาม บ้างใคร่รู้ บ้างห่วงใยสถานการณ์เช่นนี้คนของโรงหมอจิ่วหลิงไม่สะดวกอยู่ข้างนอกต่ออีก ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วให้พนักงานขวางชาวบ้านที่ออเข้ามาไว้ กันคุณหนูจวินเข้าไปคุณหนูจวินที่ในมือยังประคองป้ายโรงหมอของโรงหมอจิ่วหลิงกลับไม่ขยับ ก้มหน้ามองป้ายเพราะเมื่อครู่ถูกฟาดร่วงลงมาจากบนประตูจึงเปื้อนฝุ่นนางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาก้มตัวเช็ดถู“ยังไงก็เข้าไปเช็ด…” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยเสียงเบาเฉินชีกลับดวงตาเป็นประกายขัดเขา“เช็ดมันตรงนี้แหละ” เขาเอ่ยเสียงเบาเด็กสาวถูกรังแกน้ำตาคลอ อดกลั้นต่อความอับอายเช็ดป้ายโรงหมอที่ตกทอดมาในตระกูลของตนทีละนิดๆ ถึงจะยิ่งแลดูเศร้าสลด และยิ่งทำให้คนสงสารได้ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็คิดได้เหมือนกัน แต่เขาขมวดคิ้วอยู่ที่อื่นบางทีอาจได้ผลดียิ่ง แต่ที่เมืองหลวง คนที่เผชิญหน้ายังเป็นองครักษ์เสื้อแพรอีก หัวใจประชาชนสำหรับองครักษ์เสื้อแพรแล้วไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้นแต่มีอย่างไรก็ดีกว่าไม่มี นอกจากนี้บรรดาขุนนางที่ประสบหายนะเหล่านั้นก่อนหน้านี้สำหรับชาวบ้านแล้ว อย่างไรก็อยู่เบื้องบนสูงส่ง ไม่ได้สัมพันธ์โดยตรงอะไรกัน มากที่สุดก็มองด้านข้างทอดถอนใจเวทนาแต่คุณหนูจวินไม่ใช่ขุนนางใหญ่คนสูงศักดิ์ แต่เป็นหมอที่รักษาโรคช่วยเหลือผู้คน นี่เกี่ยวพันกับประโยชน์ของชาวบ้านทุกคนเอง อย่างไรก็ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าตนเองทั้งชีวิตจะไม่ป่วยนอกจากนี้วิชาแพทย์ของคุณหนูจวินสูงส่งขนาดนี้ ทั้งยังมีใจเมตตากรุณายิ่งใหญ่ให้ร้อยหมอรักษาคนทั่วใต้หล้า หัวใจประชาชนนี้หากได้มาแล้วบางทีอาจปกป้องนางได้จริงๆ ก็ได้ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วถอยไปยืนข้างหลังหลายก้าว หลบจากการบดบังสายตาของชาวบ้าน ทำให้ทุกคนมองเห็นการกระทำของคุณหนูจวินคุณหนูจวินไม่ได้สนใจความคิดการกระทำของเฉินชีกับผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว นางเพียงแค่มองฝุ่นที่เปื้อนบนป้ายชื่อ คิดถึงลู่อวิ๋นฉีแทบจะเหยียบทำลายป้ายโรงหมอของนาง นางลำบากมากกว่าจะได้ชื่อนี้กลับมาใหม่ นางไม่คิดอะไรทั้งนั้น แค่คิดจะเช็ดมันให้สะอาด“คุณหนู” หลิ่วเอ๋อร์โถมเข้ามา หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาด้วย เช็ดน้ำตาพลางเช็ดตามด้วยพลาง “นี่เป็นของนายท่าน นี่เป็นของนายท่านผู้เฒ่า นี่เป็นของตระกูลเรา”คนอื่นช่างเถิด นางเป็นถึงคนตระกูลเดียวกับคุณหนู นางเป็นคนตระกูลจวิน ป้ายโรงหมอของตระกูลจวินหวิดถูกคนทำลายแล้ว น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ“นายท่านไม่อยู่แล้ว นายท่านตายเปล่าแล้ว”หลิ่วเอ๋อร์ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ ร้องไห้เสียงดังออกมาเสียเลยชาวบ้านที่ล้อมดูอยู่มองเห็นฉากนี้ไม่มีใครสะดวกใจเข้าไปเอ่ยถามอีก ทั้งเวทนาทั้งเศร้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้นของหลิ่วเอ๋อร์ที่ว่านายท่านตายเปล่าแล้ว ผู้หญิงจำนวนหนึ่งก็อดไม่ได้น้ำตาร่วงตามไปด้วยคุณหนูจวินกลับคิดไม่ถึงว่าหลิ่วเอ๋อร์จะเสียใจปานนี้ เช็ดป้ายโรงหมอหลายทีหัวใจก็ฟื้นกลับมาสงบ รีบกอดนางไว้ปลอบประโลม“คุณหนู นี่จะทำอย่างไร?” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วอยู่ด้านข้างเอ่ยถามเสียงเบาคุณหนูจวินมองเขาชี้ป้ายโรงหมอในมือตน“แขวนขึ้นไป” นางเอ่ยจะแขวนขึ้นไปหรือ?เฉินชีลังเลนิดหนึ่ง“แขวนขึ้นไป” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ย กำชับพนักงานสองคน “ป้ายโรงหมอนี่เป็นถึงสิ่งที่บุตรชายเฉิงกั๋วกงปกป้องไว้”บุตรชายเฉิงกั๋วกงปกป้องป้ายโรงหมอให้พวกเขา พวกเขากลับไม่กล้าแขวน ใยไม่ใช่แสดงว่าพวกเขากลัวแล้ว นี่จะให้บุตรชายเฉิงกั๋วกงเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแม้เป็นคนทำการค้าคนหนึ่ง แต่ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วแต่ไหนแต่ไรไม่ศรัทธาความกลิ้งกลอก ไม่ดำก็ขาว ไม่สนับสนุนคนนี้ก็ฉีกหน้าคนนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีเรื่องสองหัวมีผลประโยชน์เอาได้หมดเพื่อป้ายโรงหมอแผ่นนี้ ลู่อวิ๋นฉีล้วนออกหน้าเองแล้ว ความขัดแย้งนี้ผูกแล้วแก้ไม่ง่าย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องแก้มันเสียเลยอาศัยบุตรชายเฉิงกั๋วกง หลังจากนั้นยังมีราชโองการของตระกูล ผนวกกับคุณหนูจวินทำลงไปมากมายขนาดนี้ ไม่เชื่อว่าเมืองหลวงแห่งนี้จะอยู่ไม่ง่ายจริงๆผู้ดูแลใหญ่หลิ่วตัดสินใจเด็ดขาด สั่งเสร็จตนเองก็ย้ายป้ายโรงหมอเสียเอง พนักงานสองคนยกบันไดมาแล้ว รับป้ายโรงหมอแขวนขึ้นไปผู้ดูแลใหญ่หลิ่วประสานมือให้ชาวบ้านที่ล้อมดูอยู่ พาพวกคุณหนูจวินเข้าไปข้างใน ชาวบ้านที่ล้อมดูอยู่ไม่ได้แยกย้ายไป มองดูป้ายโรงหมอที่แขวนขึ้นไปใหม่อีกครั้ง สีหน้าหลากอารมณ์วิพากษ์วิจารณ์เสียงเบาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเดิมทีต้องการปลอบคุณหนูจวิน แต่คุณหนูจวินปลอบตัวเองแล้ว“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วไม่ต้องกังวล” นางยังปลอบผู้ดูแลใหญ่หลิ่วด้วยผู้ดูแลใหญ่หลิ่วในใจถอนหายใจ ก็รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ เด็กสาวคนนี้เมื่อไรก็มีความคิดของตนเองเสมอ“ไม่รู้ว่าเพราะอะไร?” เขาเพียงเอ่ยถามคุณหนูจวินยิ้ม“เพียงเพราะชื่อ” นางเอ่ยเพียง เพราะชื่อ?นี่มีอะไรน่าขำ? นี่ควรค่าแก่การดีใจนักรึ?เมื่อครู่นางหวิดจะถูกลู่อวิ๋นฉีบีบคอตายแล้วนี่ย่อมควรค่าแก่การดีใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าวันนี้นางพบกับความตกใจกลัวมากเท่าไร ความกลัวจากการหายไปของพี่สาวปิงเอ๋อร์ หรือถึงขั้นตัวตนถูกเปิดโปง ตอนที่ได้ยินว่าลู่อวิ๋นฉีมาถึงด้านหน้าโรงหมอจิ่งหลิง นางหวาดกลัวจริงๆความหวาดกลัวอันไร้ทางช่วยเช่นนั้นดังนั้นนาทีนั้นที่ได้ยินว่าลู่อวิ๋นฉีต้องการให้ปลดป้ายโรงหมอ หัวใจของนางก็ร่วงลงไปที่พื้นแล้วที่แท้ไม่ใช่เพื่อตัวตนของนาง แต่เพียงเพื่อชื่อจิ่วหลิงชื่อนี้แม้เรื่องนี้ก็ทำให้โกรธนักเช่นกัน แต่ไม่ถึงขั้นไร้ทางถอย ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องโชคดีในความโชคไม่ดีก็นับว่าเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การดีใจผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยากจะเข้าใจ แต่ผ่านมาครึ่งปีกว่าเขาคุ้นชินกับการกระทำของคุณหนูจวินคนนี้แล้ว ก็เหมือนที่นายน้อยฟางกำชับมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างนั้น ปล่อยให้นางทำตามใจนางผู้ดูแลใหญ่หลิ่วขอตัวออกจากโรงหมอจิ่วหลิงบ้าง ชาวบ้านที่ยืนอยู่รอบนอกประตูยังไม่แยกย้ายไปหมด เขาเงยหน้ามองป้ายโรงหมอ ในใจหวาดกลัวทีหลังวูบหนึ่งอีกครั้งโชคดีเป็นล้นพ้นที่วันนี้บุตรชายเฉิงกั่วกงมา ไม่อย่างนั้นเรื่องไม่รู้จะจบอย่างไรนี่ก็บังเอิญจริงๆเขาลูบเครา บุตรชายเฉิงกั๋วกงบังเอิญปรากฏตัวได้อย่างไรเล่า? หรือเขาเหมือนกับตนวางคนไว้ด้านนี้เฝ้าดูคุณหนูจวิน?ถ้าอย่างนั้นคุณหนูจวินกับบุตรชายเฉิงกั๋วกงต้องรู้จักกันแน่ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ยังไม่ตื้นเขิน“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว” พนักงานคนหนึ่งออกมาจากด้านในโถงเข้ามาใกล้เขาอย่างระมัดระวังเอ่ยเสียงเบาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วถูกขัดความคิดมองพนักงานทีหนึ่ง“บุตรชายเฉิงกั๋วกงคนนี้ก็คือผู้ชายคนนั้นที่คุณหนูจวินส่งออกมาจากโรงหมอจิ่วหลิงเช้าตรู่วันนั้น” พนักงานกดเสียงเบาเอ่ยผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสูดปากทีหนึ่ง ดึงเคราหลุดหลายเส้นความสัมพันธ์นี่ไม่ตื้นเขินจริงๆ!……………………………………….
คอมเม้นต์