Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 177 เผยแพร่แนวคิด ถ่ายทอดความรู้ คลายข้อสงสัย
เหลวไหล!เฉินชีเอ่ยในใจ ยื่นมือมารับไป“แต่ก่อนหน้านี้เจ้าก็พูดเช่นนี้นี่” เขาเอ่ยเพียงเพราะไปออกตรวจกับท่านหมอเฒ่าเฝิงครั้งหนึ่ง ผลที่ประโยคนี้นำมาให้ก็เปลี่ยนไปแล้ว? นั่นย่อมไม่ใช่เพราะประโยคนี้เป็นเหตุแน่ แต่เพราะเกิดเรื่องอะไรที่พวกเขาไม่รู้ไปรักษาโรคที่บ้านหลังนั้นกับท่านหมอเฒ่าเฝิง พวกเขาไม่ได้ตามไปด้วย แต่หลังจากนั้นได้ยินว่าคุณหนูจวินยังคงไม่ได้รักษา เพียงแค่ดูท่านหมอเฒ่าเฝิงอธิบายว่ารักษาอย่างไรเท่านั้น“คงเป็นความเชื่อถือกับความเชื่อใจกระมัง” คุณหนูจวินเอ่ย ท่าทางติดจะล้อเล่นอยู่นิดๆการล้อเล่นนี้เฉินชีทำอันใดไม่ได้ เห็นชัดว่าคือการบอกว่าข้าไม่บอกเจ้ามีอะไรพูดไม่ได้งั้นหรือ? อย่างไรคนที่ขายหน้าก็ไม่ใช่นางท่านหมอเฒ่าเฝิงเฮือกเดียวเดินไปถึงมุมถนนถึงหยุดใช่สิ มีอะไรพูดไม่ได้เล่า คนขายหน้าก็ไม่ใช่นาง นอกจากนี้ตนเองเป็นคนที่เดิมต้องการให้นางขายหน้าแม้นางน้อยคนนี้ไม่รีบร้อนไม่ลนลานไม่โกรธเกรี้ยว หัวใจนิ่งสงบอ่อนโยนไม่เพียงตามเขาไป ยังช่วยเขาชี้และปกปิดความผิดพลาดด้วย รักษาหน้าของเขาไว้ท่านหมอเฒ่าเฝิงคิดถึงตอนคุณหนูจวินตรวจอาการที่บ้านหลังนั้น เห็นชัดๆ ว่าเป็นผู้หญิงกลับไม่ยอมเข้าไป เพียงแค่มองตรวจ เขาคาดเดาว่านางตั้งใจทำท่าให้ดูน่าอัศจรรย์แสดงว่าตัวนางร้ายกาจมาก ตอนนี้ถึงเข้าใจ นางทำเพื่อให้ทุกคนเห็นว่านางไม่ได้มองฟังถามจับ ดังนั้นคนป่วยคนนี้ตลอดมาล้วนเป็นเขารักษาไม่อย่างนั้นหากนางลงมือมองฟังถามจับด้วยตนเอง คนป่วยคนนี้หลังจากหายดีไม่แน่ว่าอาจถูกเล่ากลายเป็นความดีความชอบของนางท่านหมอเฒ่าเฝิงถอนหายใจอีกครั้ง คิดถึงท่าทีของเด็กสาวคนนั้นในเรื่องครั้งนี้ประโยคไม่กี่ประโยคนั่นที่นางเอ่ยออกมาโอหังจริงๆ แต่เรื่องที่นางทำกลับอ่อนโยนเช่นนี้เปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงรอแทบไม่ไหวชี้จุดผิดพลาดที่น่าขันนี่ออกมาเสียนานแล้ว เพื่อแสดงว่าตนเองร้ายกาจเท่าใด นางกลับไม่ทำ ยังช่วยตนชี้และปกปิดได้รอบคอบยอดเยี่ยมเช่นนี้ หลังเรื่องยิ่งไม่ป่าวประกาศสักนิดหัวใจเช่นนี้ทำให้ตนเองผู้เฒ่าคนนี้อับอายเขาสมควรอับอายจริงๆ คนป่วยคนนี้พังโรงหมอของเขาก็ไม่ใช่ผิดเขาเป็นหมอมานานปีขนาดนี้อาศัยประสบการณ์วิชาเก่าๆ จนกลายเป็นเกียจคร้าน เมื่อคนป่วยคนนั้นอธิบายอาการเจ็บขาหลายครั้งเข้าก็ไม่ค้นหาสาเหตุให้ละเอียด ดันเป็นปฏิกิริยาปกติ นอกจากนี้ยังเพราะประโยคหนึ่งของคนป่วยที่ว่าคุณหนูจวินบอกว่าท่านรักษาหายดีได้ก็โกรธ คิดถึงแต่ตนเองถูกหยาม โกรธฮึดฮัดวิ่งไปตั้งคำถามผู้อื่น กลับลืมตั้งคำถามตนเองก่อนว่าตนเองทุ่มใจทุ่มกำลังทำสุดความสามารถหรือยังคำสอนที่บิดาให้เขาจดจำยามเริ่มแรกถ่ายทอดวิชาให้ เขาลืมสิ้นแล้วโชคดีที่เด็กสาวคนนี้ยื่นมือชี้ ชี้ความผิดพลาดของเขาออกมา แล้วก็เรียกสติของเขาขึ้นมาด้วยนางคู่ควรเป็นอาจารย์ของเขา และคู่ควรแก่การคำนับของเขา“ท่านหมอเฝิง”มีคนขวางทางของเขาไว้ท่านหมอเฒ่าเฝิงได้สติกลับมามองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เขาจำได้ว่านี่คือศิษย์เอกของเจียงโหย่วซู่ จึงพยักหน้า“ท่านหมอเกิ่ง” เขาเอ่ยท่านหมอเกิ่งท่าทางห่วงใยอยู่บ้าง“ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” เขาเอ่ย ไม่รอท่านหมอเฒ่าเฝิงตอบก็เป็นฝ่ายอธิบาย “เรื่องของท่าน ข้าได้ยินมาแล้ว ครั้งนี้ท่านพบหายนะโดยไม่คาดคิดจริงๆ การรักษาที่เดิมทีเป็นไปด้วยดีทุกคนมีความสุข เพราะละครตลกตรงกลางนี่ทำพังเสีย”ท่านหมอเฒ่าเฝิงได้ยิน ไม่ได้โกรธแค้นเต็มอก ต่อว่าความวุ่นวายที่คุณหนูจวินก่อขึ้นด้วยอารมณ์รุนแรงอย่างที่เขาคาดคิด แต่สีหน้าไม่สบายใจโบกมือ“ไม่กล้า ไม่กล้า” เขาเอ่ยหลายที สีหน้ายากปิดบังความละอาย “อับอายแล้ว อับอายแล้ว”ท่านหมอเกิ่งตะลึงไปนิดหนึ่ง นี่มันปฏิกิริยาอะไร เขายังอยากจะพูด ท่านหมอเฒ่าเฝิงก็ยกมือขอตัวแล้ว“ข้ายังมีโรคหลายโรคต้องศึกษาให้ดีสักหน่อย” เขาเอ่ย สีหน้าจริงจังและจริงใจ “ทะเลความรู้ไม่มีสิ้นสุด ไม่ก้าวหน้าก็ถอยหลังนี่นะ”พูดจบก็ก้าวไวๆ เดินผ่านท่านหมอเกิ่งไปทะเลความรู้ไม่มีสิ้นสุด ไม่ก้าวหน้าก็ถอยหลังอะไร? ท่านหมอเกิ่งสีหน้าอึ้ง“ท่านหมอเฝิง..” เขาร้องเรียกท่านหมอเฒ่าเฝิงศีรษะไม่หันกลับเดินจากไปแล้วประหลาดจริงๆ ปฏิกิริยานี้หมายความว่าอย่างไร?ได้ยินคำบรรยายของท่านหมอเกิ่ง เจียงโหย่วซู่ก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง หัวเราะแล้ว“มีอะไรประหลาดได้เล่า” เขาเอ่ย “นอกเสียจากติดค้างน้ำใจคนแล้ว”ท่านหมอเกิ่งประหลาดใจเล็กน้อย“อาจารย์ ความหมายของท่านคือ ท่านหมอเฒ่าเฝิงรักษาโรคนี้ไม่หายดีจริงๆ” เขาเอ่ยถามเจียงโหย่วซู่พยักหน้า“เขาน่าจะทำผิดพลาดสักอย่าง ไม่ได้ตั้งใจตรวจซ้ำ ผลสุดท้ายพบกับกระดูกงอกแตก” เขาเอ่ยท่านหมอเกิ่งย่อมรู้จักกระดูกงอกแตกคืออะไร“ไม่ใช่กระมัง อาการป่วยง่ายดายเช่นนี้เขากลับค้นไม่พบ?” เขาเอ่ย“ก็เพราะง่ายดาย เรื่องมากมายจึงกลับถูกละเลย” เจียงโหย่วซู่เอ่ย วางหนังสือแพทย์ในมือลง หัวเราะ “คุณหนูจวินคนนี้ที่แท้ก็วางตัวเป็นนี่”นางย่อมต้องพบข้อผิดพลาดของท่านหมอเฒ่าเฝิงแล้วแน่นอน แต่ไม่เพียงไม่ชี้ออกมา ยังปกปิดแทนท่านหมอเฒ่าเฝิงด้วย ความสัมพันธ์นี้บังเกิดขึ้น เรื่องที่รักษาชื่อเสียงไว้ให้ท่านหมอเฒ่าเฝิงย่อมขอบคุณนางไม่จบสิ้น หรือก็คือไม่มีทางบอกว่าคุณหนูจวินไม่ถูกสักครึ่งประโยคอีกต่อไปท่านหมอเกิ่งคิดเข้าใจแล้ว ขมวดคิ้วอีกครั้ง“เป็นขยะคนหนึ่งจริงๆ” เขาพึมพำประโยคหนึ่งเป็นหมอชื่อดังคนหนึ่งแท้ๆ กลับดันทำผิดพลาดโง่เง่าเช่นนี้ ไม่เพียงกู้หน้ากลับมาไม่ได้ ตรงกันข้ามกลับยื่นด้ามดาบให้ผู้อื่น“คุณหนูจวินคนนี้ย่อมไม่ใช่ขยะแล้ว” เจียงโหย่วซู่เอ่ย มองข้อมูลเกี่ยวกับโรงหมอจิ่วหลิงเล่มนั้นที่อยู่กลางกองบันทึกการรักษากองหนึ่งคิดไม่ถึงโรคของนายน้อยคนนั้นของตระกูลฟางจะถูกรักษาหายดีจริงๆ ตั้งแต่อ่านสิ่งนี้เขาก็ตั้งใจศึกษาโรคของนายน้อยตระกูลฟางอย่างจริงจัง ตามสภาพเมื่อตอนนั้นเขาอับจนหนทางจริงๆโรงหมอจิ่วหลิงนี่มีความสามารถแท้จริงอยู่บ้างจริงๆ“กล้ามาเมืองหลวงอยู่ย่อมมีความสามารถจริง แต่นางจะโรคอะไรก็รักษาได้ได้อย่างไร” ท่านหมอเกิ่งเอ่ย พูดถึงประโยคนี้ไม่ทันรู้ตัวก็คิดถึงคนผู้หนึ่ง คนที่มาดุจเทพเซียนแล้วก็ล่องลอยจากไปไม่รู้อยู่หนใดดุจเทพเซียนอีกครั้ง คำพูดของเขาหลุดออกจากปากไป “นางก็หาใช่หมอเทวดาจาง”ชื่อนี้มักจะโผล่มาโดยไม่ทันสนใจเสมอ ข่าวคราวเงียบหายไปนานปีขนาดนั้นแล้วแท้ๆเจียงโหย่วซู่สีหน้าทะมึนไปเล็กน้อยพูดไปแล้วคุณหนูจวินคนนี้ก็เหมือนจางชิงซาน พิลึกพิลั่น ไม่ปกติ แต่ดันโชคดีครั้งแล้วครั้งเล่า“ครั้งนี้เป็นท่านหมอเฒ่าเฝิงผิดพลาดทำพังเอง” ท่านหมอเกิ่งเอ่ย “ทั้งเมืองหลวงหมอมากมายขนาดนี้ คำพูดของนางเอ่ยออกไป เรื่องเช่นนี้หลังจากนี้คงไม่ขาด นางจะพบความผิดพลาดในการตรวจของผู้อื่นได้หมดหรือ”เจียงโหย่วซู่ลูบเคราไม่พูดจา นั่นก็ต้องดูกันต่อไปแล้ว ดูว่านางจะเดินไปได้ไกลเท่าใดก็เหมือนกับที่ท่านหมอเกิ่งเอ่ย เรื่องเช่นนี้เริ่มปรากฏขึ้นไม่ขาดแล้วจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังท่านหมอเฒ่าเฝิงรักษาคนบ้านนั้นหายดี“คุณหนูจวินบอกว่ารักษาได้ก็รักษาได้ เจ้ารักษาไม่หาย เพราะไม่ทุ่มเทใจหรือเปล่า? ใช่อยากได้เงินเพิ่มหรือไม่?”ท่านหมออายุน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านในโรงหมอจิ่วหลิงเลียนแบบคำร้องตะโกนของคนป่วย เทียบกับท่านหมอเฒ่าเฝิงที่อายุมากไม่มีเรี่ยวแรง อารมณ์ของเขารุนแรงยิ่งกว่า เกลียดจนกระทืบเท้า“ก็ข้ารักษาไม่หาย ข้ารักษาไม่หาย เจ้าก็ไม่ใช่ข้า เจ้าอาศัยอะไรมาบอกว่าข้ารักษาได้?”เฉินชีกับพนักงานสองคนยื่นมือแคะหู วันนี้แม้กระทั่งตกใจพวกเขาก็คร้านจะตกใจแล้วคุณหนูจวินที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะสีหน้านิ่งสงบ“ท่านรักษาได้นะ ท่านทำได้” นางเอ่ย เสียงแผ่วเบาอ่อนโยนเหมือนกับเผชิญหน้าคนป่วยที่มาตรวจ “ร้านของพวกท่านเป็นสูตรยาก่อนสมัยฮั่น ท่านต้องเคยเรียนบทว่าด้วยโรคจากสิ่งภายนอก จับชีพจร รู้จุดฝืน รักษาตามอาการ ท่านจะบอกว่าทำไม่ได้ได้อย่างไรเล่า? ท่านเพียงแค่ชั่วขณะคิดไม่ออกเท่านั้น ข้าจำได้ในบทว่าด้วยโรคจากสิ่งภายนอกมีพูดถึงสูตรยาอันหนึ่ง พูดถึงโรคที่เสมหะเหลืองไม่หายชนิดนี้เหมือนกัน”ท่านหมอหนุ่มอึ้งไป“แต่คนป่วยคนนี้ไม่ใช่โรคเสมหะเหลืองนี่” เขาเอ่ยออกมาไม่ทันรู้ตัว “เขาไม่มีเสมหะเหลือง…”พูดถึงตรงนี้คนก็พลันชะงักไป จากนั้นก็เข้าใจดั่งบรรลุ“มี มี” เขาเอ่ยอย่างตื่นเต้น คำพูดไม่เป็นประโยค “ตอนแรกมีเสมหะเหลือง แรกสุดเป็นเสมหะเหลือง เป็นเสมหะเหลือง”เขาไม่รอเอ่ยจบหมุนตัวก็วิ่งไปแล้วเฉินชีกลอกตา หัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง“ข้าว่า ที่นี่เป็นโรงหมอเสียที่ไหน นี่เป็นโรงเรียนหมอแล้ว” เขาเอ่ยพูดถึงตรงนี้เขาก็พลันกระจ่าง ร้องอ้ออ้อหลายทีโรงเรียนแพทย์นี่เองที่แท้ที่บอกว่าเจ้ารักษาได้เจ้าก็รักษาได้ ก็ทำเช่นนี้ได้นี่แม้ดูไปแล้วเพียงแค่เอ่ยเตือนหนึ่งประโยค แต่บางครั้งเอ่ยเตือนหนึ่งประโยคก็สำคัญยิ่งนัก ไม่เช่นนั้นจะมีคำกล่าวว่าอาจารย์คำเดียวได้อย่างไรนี่เป็นการเผยแพร่ความรู้ถ่ายทอดวิชาแล้วรักษาโรคที่ผู้อื่นรักษาไม่ได้ปราดเปรื่อง แต่กลายเป็นอาจารย์คำเดียวของหมอทั้งเมืองยิ่งปราดเปรื่องยิ่งกว่าเช่นนี้ต่อไปใครยังสะดวกใจว่าร้ายนางอีก ขอบคุณยังแทบไม่ทันเลยเฉินชีมองคุณหนูจวินที่สีหน้านิ่งสงบนั่งอยู่หลังโต๊ะยกพู่กันเขียนอะไรอยู่ อดไม่ได้ยกนิ้วโป้งให้ปราดเปรื่อง ปราดเปรื่องจริงๆ……………………………………….
คอมเม้นต์