Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 168 เปลี่ยนชื่อนี่
ลู่อวิ๋นฉีพูดสองคำนี้ออกมา ทำให้ทั้งห้องตกหยุดนิ่งบรรดาหญิงสาวล้วนหยุดเอ่ยวาจา มองคุณหนูจวินสีหน้ายุ่งยาก ในดวงตาเผยความกังวลริษยาต้องตามาก่อนแล้วรึ?เหมือนกับที่พวกนางถูกต้องตาด้วยรักแรกพบอันประหลาดแบบนั้น“เจ้าเป็นคนตระกูลหนิงของเป่ยหลิวรึ?” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยเสียงทำลายบรรรยากาศนิ่งค้างในห้อง คุณหนูจวินรู้สึกเพียงหายใจคล่องขึ้นมาตระกูลหนิงแห่งเป่ยหลิวหนิงอวิ๋นเจาเคยเห็นด้วยกันร้านเต้าหูทอดรถม้าเล่นผ่านไปหนิงอวิ๋นเจาในฐานะคนที่โดดเด่นในหมู่ศิษย์ตระกูลหนิง ลู่อวิ๋นฉีย่อมต้องรู้จักเวลานั้นตนกับหนิงอวิ๋นเจายืนอยู่คู่กัน ดังนั้นเขาจึงจำได้ความจำของลู่อวิ๋นฉีดีนัก เรียกได้ว่าผ่านตาแล้วไม่มีวันลืม ตนเองฝึกมาจากการอ่านหนังสือร่ำเรียนกับอาจารย์ ส่วนเขาย่อมเพราะทำงานนี่ขององครักษ์เสื้อแพรบังคับตนเองฝึกออกมานางก้มศีรษะย่อเข่าอีกครั้ง แต่มีคนเอ่ยปากก่อนนาง“ไม่ใช่เจ้าค่ะ นางคือคุณหนูจวินท่านหมอของโรงหมอจิ่วหลิง” คุณนายสามรีบร้อนเอ่ยขึ้นสายตาของลู่อวิ๋นฉีไม่เคลื่อนออกไป กลับทะมึนขึ้นหลายส่วน“โรงหมอจิ่วหลิง” เขาเอ่ยสามคำนี้ออกมา มองเด็กสาวที่ก้มศีรษะอยู่ตรงหน้าบรรยากาศในห้องนิ่งค้างอีกครั้งบรรดาหญิงสาวสั่นเทาก่อนหน้านี้พวกนางได้ยินฉายาของลู่อวิ๋นฉีมาเท่าไร รู้ว่าเขาน่ากลัวมาเพียงใดทุกคนตอนเพิ่งถูกรับมาที่นี่ล้วนกลัวแทบตาย แต่กลับถูกปฏิบัติอย่างอ่อนโยน หน้าตาแย้มยิ้มอาหารอาภรณ์ฟุ่มเฟือย เงินทองใช้สอยตามใจ เป็นไก่สุนัขได้ขึ้นสวรรค์นี่เป็นคนดีที่สุดในใต้หล้าอย่างแท้จริงพวกนางถึงขนาดไม่เคยเห็นเขาโกรธพวกนางล้วนลืมคำเล่าลือก่อนหน้านี้เกียวกับลู่อวิ๋นฉีไปแล้ว จนกระทั่งตอนนี้นาทีนี้ถึงนึกขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้งไม่ต้องพูดอะไร เพียงแค่เขาไม่พูดไม่ยิ้ม สีหน้าเย็นชาก็เพียงพอทำให้คนหวาดกลัวสิ่งใดทำให้เขาไม่ชอบใจ?เป็นคุณหนูคนนี้หรือว่าโรงหมอแห่งนี้?บรรดาหญิงสาวในห้องไม่รู้ คุณหนูจวินรู้“เจ้าค่ะ โรงหมอจิ่วหลิงแห่งหรู่หนาน” นางเอ่ยเจ้าต่อให้ไม่พอใจอีกเท่าใด ไม่ชอบอีกเท่าใด ชื่อนี้ก็ยังปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้ง คงอยู่ต่อไปลู่อวิ๋นฉีไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง บรรดาหญิงสาวคนอื่นอดเปิดปากไม่ได้แล้วแม้ตามหลักแล้วพวกนางควรดีใจมากที่ลู่อวิ๋นฉีโกรธท่านหมอคนนี้ หลังจากนั้นพาลโกรธคุณนายสาม จากนี้ในเรือนนี้ผู้หญิงที่แย่งชิงความรักก็จะน้อยลงไปได้คนหนึ่งแต่คิดถึงว่าความโกรธของลู่อวิ๋นฉีเป็นเรื่องที่น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ ก็เกรงว่าเมืองไฟไหม้ปลาในบ่อจะพลอยตายตาม“ที่แท้ก็เป็นโรงหมอจิ่วหลิงนี่เอง”“เป็นโรงหมอจิ่งหลิงที่ร่ำลือว่ามหัศจรรย์นักแห่งนั้น”“ค่ารักษาครั้งหนึ่งพันตำลึง”“มิน่าครู่เดียวก็รักษาหายแล้ว ร้ายกาจมากจริงๆ นะ”“ที่แท้ท่านหมอเป็นแม่นางน้อยคนหนึ่งจริงๆ”พวกนางพากันเอ่ยขึ้น พยายามคลี่คลายบรรยากาศประหลาดนี้คำพูดของเหล่าหญิงสาวเหมือนจะเกิดประโยชน์ ลู่อวิ๋นฉีรั้งสายตากลับมา“ค่ารักษาหนึ่งพันตำลึง?” เขาเอ่ยคุณนายสามรีบขานรับ“ไม่ใช่” คุณหนูจวินเอ่ย “ค่ารักษาหนึ่งพันตำลึง ค่ายาหนึ่งพันตำลึง”บรรดาผู้หญิงในห้องล้วนจิ๊ปากแพงจริงๆ นะ“เอาหมื่นตำลึงให้นาง” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยหมื่นตำลึง!บรรดาหญิงสาวตื่นตะลึงอีกครั้ง“อั้ยยะ นี่เป็นใต้เท้าให้เกียรติท่าน” ป้าหวงเอ่ยเสียงเบากับคุณนายสาม คิ้วดวงตาล้วนยินดีใช่สิ รักษาเสียงของนางหายดี ลู่อวิ๋นฉีพอใจ ดังนั้นจึงให้รางวัลหนักกับท่านหมอคนนี้สินะเห็นได้ว่านี่ก็เป็นความใส่ใจที่ลู่อวิ๋นฉีมีต่อคุณนายสามบรรดาหญิงสาวในห้องสีหน้ายากปิดบังความริษยา ส่วนคุณนายสามตื่นเต้นดีใจจนทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง“ขอบคุณใต้เท้า เพียงแค่ควรเป็นเท่าไรก็ยังเป็นเท่านั้น” คุณหนูจวินเอ่ยลูกน้องหนิบตั๋วเงินออกมาแล้ว ป้าหวงถือเข้ามาด้วยตนเองยัดให้คุณหนูจวิน“คุณหนูจวินท่านก็อย่าเกรงใจเลย” นางได้ใจทั้งดีใจเอ่ยขึ้น “นี่เป็นใต้เท้าของพวกเราอารมณ์ดี ท่านก็อย่าขัดอารมณ์เลย”ตั๋วเงินถูกยัดเข้ามือคุณหนูจวิน“สองพันตำลึงเป็นค่ารักษา เงินที่เหลือให้เจ้าเปลี่ยนชื่อโรงหมอซะ” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยขึ้นสีหน้าคนทั้งหมดตะลึงอีกครั้งเปลี่ยนชื่อโรงหมอ?เพื่อเปลี่ยนชื่อโรงหมอ? ไม่ใช่เพื่อคุณนายสามหรือสายตาของบรรดาหญิงสาวมองไปทางคุณนายสาม ยากจะปิดบังการถากถางและความยินดีกับความโชคร้ายของผู้อื่นคุณนายสามสีหน้าอับอายอยู่ดีๆ เปลี่ยนชื่อโรงหมอทำอะไร?“อ้อ” ผู้หญิงคนหนึ่งพลันหลุดเสียงออกมา เอ่ยขึ้น “นั่นสินะ โรงหมอจิ่วหลิง นั่นล่วงเกินชื่อต้องห้ามขององค์หญิง”องค์หญิงองค์หญิงจิ่วหลิงนั่นเป็นภรรยาที่เสียไปของลู่อวิ๋นฉีบรรดาหญิงสาวพากันคิดตามทันที่แท้ก็เพื่อคนตายคนหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่งในพวกนาง ทุกคนล้วนมีความสุขขึ้นมา“ใช่แล้ว แบบนี้จะได้อย่างไร…”“เจ้ารีบเอาเงินไป เปลี่ยนชื่ออื่นเสีย”“ไม่ต้องใช้ชื่อนี้แล้ว นั่นเป็นถึงชื่อขององค์หญิงเชียวนะ”พวกนางพากันเอ่ยขึ้น แสดงออกว่าร้องรับและประจบคุณหนูจวินยิ้มล่วงเกินชื่อต้องห้าม แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีกฎล่วงเกินชื่อต้องห้ามขององค์หญิงประการนี้แค่ล่วงเกินเรื่องต้องห้ามของเจ้าเท่านั้น“ใต้เท้าลู่ โรงหมอจิ่วหลิงเป็นกิจการที่สืบทอดของตระกูลข้า” นางเอ่ย “ถึงวันนี้ก็สืบทอดมาร้อยปี…”คำพูดของนางเอ่ยยังไม่ทันจบก็ถูกลู่อวิ๋นฉีขัดแล้ว“เรื่องนี้ข้ารู้” เขาเอ่ย โบกมือ “เอาเงินไป เปลี่ยนชื่อ”เขาเอ่ยสั้นตรงประเด็น น้ำเสียงไม่ได้แข็งกระด้าง เสียงก็ไม่ได้น่ากลัวด้วย แต่ฟังแล้วกลับทำให้คนใจผวาบรรดาผู้หญิงในห้องท่าทางเคร่งเคียด“เจ้าผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรไปเล่า?”“รีบไปเถอะ”พวกนางเอ่ยไม่พอใจลู่อวิ๋นฉีไม่มองนางอีก ดึงคุณนายสามไปแล้ว“หายดีเล้วจริงหรือ?” เขาเอ่ยถามดวงหน้าปรากฏรอยยิ้มใหม่อีกครั้งคุณนายสามวางใจทันที“จริง” นางเอ่ยตอบเสียงอ่อนหวาน“ถ้าอย่างนั้นหนังสือที่ให้เจ้าเรียนอ่านได้แล้วหรือไม่?” ลู่อวิ๋นฉียิ้มเอ่ยถามคุณนายสามพยักหน้าหลายที“ไป” ลู่อวิ๋นฉีคล้องแขนนางเดินไปข้างนอกบรรดาผู้หญิงคนอื่นทั้งริษยาทั้งอิจฉาทั้งย่อมไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไป“อวิ๋นฉี ข้าก็อยากฟัง” พวกนางพากันตามไปคุณหนูจวินยืนเดียวดายอยู่ในห้องราวกับถูกทิ้ง แลดูกระอักกระอ่วนอยู่มากป้าหวงยิ้มพอใจเหมือนกัน ตอนที่มองไปทางคุณหนูจวินอีกครั้งก็กลายเป็นยโสอยู่บ้าง“คุณหนูจวิน ขอบคุณท่านมาก เชิญเถอะ” นางเอ่ยคุณหนูจวินสะพายหีบยาเดินไปข้างนอก“ครั้งนี้ท่านโชคดีแล้ว เจอใต้เท้าของพวกเราอารมณ์ดีขนาดนี้”“ท่านจำไว้เล่า หลังกลับไปต้องเปลี่ยนชื่อทันที”“ทำให้ใต้เท้าเคือง ต่อให้เป็นคุณนายสามของพวกเราขอร้องก็ไม่แน่ว่าจะปกป้องท่านได้นะ”หญิงรับใช้พร่ำพูดตลอดทางคุณหนูจวินเพียงเดินเงียบสงบไม่ได้เอ่ยตอบสักครึ่งประโยค นอกจากหญิงรับใช้คนนี้พูดกับตนเอง ด้านหลังก็มีเสียงหัวเราะของบรรดาหญิงสาว รวมถึงเสียงอ่านคัมภีร์กังวานใสคุณหนูจวินไม่ได้หันกลับไป มองกำแพงเงาเบื้องหน้ามีเด็กรับใช้หลายคนเลี้ยวเข้ามา ร่วมแรงยกโต๊ะกระจกสลักดอกไม้บานหนึ่ง ทองเงินอัญมณีประดับใต้แสงตะวันระยิบระยับจับตา“อั้ยยะ โต๊ะกระจกของคุณนายสามของพวกเราส่งมาแล้ว” ป้าหวงดีใจเอ่ยขึ้นมา สะบัดคุณหนูจวินทิ้งก้าวไวไปข้างหน้า วนรอบโต๊ะกระจกมองซ้ายมองขวางเอ่ยชมเจื้อยแจ้ว พลางกำชับเด็กรับใช้ “ระวังหน่อย ช้าหน่อย”คุณหนูจวินอยู่ข้างทางหยุดหลีกให้ มองโต๊ะกระจกผ่านข้างกายไป สายตาจับบนกระจกทองแดง มองตนเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกโฉมหน้าของเด็กสาวอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้า งดงามอ่อนหวานไร้เดียงสาทั้งยังสง่าอยู่บ้าง นี่คือจวินเจินเจินสีนะ หน้าตาไม่เหมือนกับตนเองจริงๆตนเอง…เสียงกึกดังขึ้น ราวกับมีสายฟ้าเส้นหนึ่งผ่าลงกลางศีรษะคุณหนูจวินหันหน้าขวับมองบรรดาหญิงสาวที่ล้อมลู่อวิ๋นฉีอยู่ตรงทางเดินนางรู้แล้วว่าทำไมรู้สึกว่าเหมือนเคยพบพวกนางที่ไหนมาก่อนสายตาของนางกวาดผ่านผู้หญิงเหล่านี้ นั่นดวงตาของนาง นั่นหน้าของนาง นั่นก็จมูกของนาง…“อวิ๋นฉี ข้าอ่านถูกหรือไม่?” คุณนายสามที่ถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่เอ่ยถามหวาดๆยังมี เสียงของนางคุณหนูจวินมองบรรดาหญิงสาวที่ทางเดิน มองท่าทางยิ้มแย้มของลู่อวิ๋นฉี ลมหายใจนางถี่เร็วขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ ฝีเท้าถอยหลังช้าๆ หันก้าวไวๆ พุ่งออกไปพุ่งออกประตูแล้ว ความรู้สึกที่ถาโถมตลบในร่างก็กดไว้ไม่อยู่อีกต่อไป นางยันกำแพงอาเจียนอยู่พักหนึ่งสารเลว สารเลวน่ารังเกียจ น่ารังเกียจ……………………………………….
คอมเม้นต์