Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 165 นางย่อมมีราคามีตลาด
สิ่งที่ลู่อวิ๋นฉีชอบไม่มาก สิ่งที่เขาไม่ชอบก็ไม่มากที่ชอบไปคว้ามา ส่วนที่ไม่ชอบก็ให้มันหายไปลูกน้องยืนอยู่อย่างนอบน้อม“พวกเราจะไปทำทันที” เขาเอ่ย“ไม่ใช่เจียงโหย่วซู่ต้องการทำหรือ?” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยเจียงโหย่วซู่เสียหายเพราะโรงหมอจิ่วหลิง แล้วยังพนันกับโรงหมอจิ่วหลิง ตอนนี้มาสืบความเป็นมาของโรงหมอจิ่วหลิง ย่อมต้องการรู้เขารู้เราจะปะทะกับโรงหมอจิ่วหลิงแล้วในเมื่อเจียงโหย่วซู่ออกหน้าแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาออกหน้าโรงหมอเล็กๆ แห่งหนึ่งไม่ต้องให้พวกเขาออกหน้าลูกน้องขานรับถอยออกไปในห้องเหลือเพียงลู่อวิ๋นฉีคนเดียว เขากำบันทึกแต่กลับไม่ได้พลิกอ่านอีก“ข้าไม่ชอบชื่อนี้” เขาเอ่ยอีกครั้ง…เจียงโหย่วซู่มองเอกสารที่องครักษ์เสื้อแพรส่งมาประหลาดใจนัก เขาคิดว่าองครักษ์เสื้อแพรจะเพียงพูดกับเขาสักหน่อยเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าถึงกับยังส่งเอกสารมาให้ด้วยข้อมูลที่บันทึกอยู่ในเอกสารนี่ละเอียดอย่างที่สุด เขาจำได้ว่าขุนนางบางพวกถกเรื่องนี้กันลับๆ องครักษ์เสื้อแพรเหล่านี้หน้าไม่อายสอดส่องความลับของผู้อื่น แม้กระทั่งคืนนี้นอนกับอนุคนนั้นเป็นเวลานานเท่าไรก็บันทึกไว้ในแฟ้ม“ข้อมูลเกี่ยวกับโรงหมอจิ่วหลิงไม่มาก หลักๆ ก็ไม่มีข้อมูลอะไร พวกเรายังไม่ได้สืบลึกลงไปอีก” ผู้ที่มาเอ่ยขึ้นแน่นอนโรงหมอเล็กๆ แห่งหนึ่ง ไม่คุ้มค่าให้สืบอย่างละเอียดจริงๆต่อให้เป็นเช่นนี้ บันทึกเหล่านี้ก็ไม่มีทางเอาออกมาให้คนดูง่ายๆลู่อวิ๋นฉีครั้งนี้ทำไมพูดง่ายเช่นนี้ได้?ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเขาดีขนาดนี้หรือ?“ใต้เท้าหัวหน้ากองพันบอกว่าหมอหลวงเจียงเป็นหัวหน้าสำนักแพทย์หลวง เกี่ยวพันกับองค์ฮ่องเต้ไทเฮาฮองเฮาบรรดาผู้สูงศักดิ์ แต่เรื่องทั่วไปที่เกี่ยวกับการแพทย์ก็ไม่อาจละเลย” ผู้มาเอ่ยขึ้นเช่นนี้หรือ ลู่อวิ๋นฉีเป็นสุนัขตัวหนึ่งของฮ่องเต้จริงๆ ขอเพียงเป็นเรื่องของฮ่องเต้เขาถึงสนใจเจียงโหย่วซู่ยิ้มรับเอ่ยขอบคุณในเวลาเดียวกัน เรื่องค่ารักษาแพงลิบลิ่วของโรงหมอจิ่วหลิงก็แพร่ออกไปแล้ว นี่ไม่ใช่แสดงชัดว่าไม่เห็นหัวคนจนหรือหวังเฉาซื่อที่เคยถูกหยามได้ยินข่าวนี้ก็โกรธแค้นโพนทะนาเป็นนานที่ถนนอีกครั้งหนิงอวิ๋นเจาได้ยินคำบอกเล่าของเสี่ยวติงก็ขมวดคิ้วเรื่องราวทำไมเปลี่ยนเป็นเช่นนี้?ที่จริงตอนเริ่มต้นก็ไม่ค่อยดี ขงจื่อไม่กล่าวถึงสิ่งลี้ลับ การใช้กำลังและกบฏชื่อเสียงเช่นนี้แม้เร็ว แต่ยากเลี่ยงถูกคนประณาม แต่สร้างชื่อโด่งดังดึงผู้ป่วยมาก่อน ค่อยสั่งสมชื่อเสียงให้มั่นคงช้าๆ ก็ดีแต่คิดไม่ถึงว่านางจะประกาศค่ารักษาสูงขนาดนี้รวมถึงเรื่องที่ผู้อื่นรักษาไม่ได้นางถึงรักษาต่อหน้าผู้คนเด็กสาวคนนี้กระทำการช่างดุดันทั้งไม่ถูกผูกมัดเหมือนก่อนหน้าจริงๆเขาไม่สงสัยวิชาแพทย์ของนาง ก็เหมือนครั้งนั้นที่หอจิ้นอวิ๋น นางลงสนามทำเรื่องท้าทายเช่นนั้นก็เพราะตนเองมีความเชื่อมั่น“คุณชาย ข้าไปพูดกับหวังเฉาซื่อสักคำให้นางอย่าพูดเหลวไหลดีไหมขอรับ?” เสี่ยวติงเอ่ยหนิงอวิ๋นเจาส่ายศีรษะ“นั่นก็ไม่เรียกพูดเหลวไหล” เขาเอ่ย “เจ้าไม่ให้นางพูด แล้วทำให้ทุกคนไม่พูดได้หรือ?”“ถ้าอย่างนั้นทำอย่างไรขอรับ?” เสี่ยวติวหน้านิ่วคิ้วขมวดเอ่ยขึ้นหนิงอวิ๋นเจาหัวเราะ“เจ้าวิตกอะไรเล่า นางยังไม่วิตกแลย” เขาเอ่ย “ทำอย่างไรได้ ทหารมาต่อต้านน้ำมากั้นเขื่อน”เสี่ยวติงร้องอ้อ“ข้าก็วิตกแทนคุณหนูจวินไหมเล่าขอรับ นางเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง แต่งงานให้แก่คนดีๆ จะดีสักเท่าไร ทรมานเช่นนี้ไปใยเล่า” เขาเอยเป็นเด็กสาว ก็ไม่ทำเรื่องบางเรื่องเพราะลำบากได้หรือ?“ดังนั้นนางถึงเป็นนาง” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ยขึ้นเสี่ยวติงเบะปากอย่างไรไม่ว่าคุณหนูจวินทำอย่างไร ในสายตาคุณชายก็ดีที่สุดไปหมด…“นี่คุณหนูจวินพูดเช่นนี้”ด้านในโรงน้ำชาหลังเที่ยงพวกกางเกงผ้าไหมลอยชายกลุ่มหนึ่งเอนซ้ายเอนขวา คู่กับหญิงนักดนตรีด้านข้างดีดบรรเลงคุยเล่นร่ำสุรา“ค่ารักษาหนึ่งพันตำลึงล่ะ”มีคนตบไหล่จางเป่าถัง“เจ้าหนูรวยเรอะ ถึงกับตัดใจไปหาหมอแพงขนาดนี้ลง”จางเป่าถังส่ายศีรษะ“ไม่นะ” เขาเอย “คุณหนูจวินไม่ได้เก็บเงินข้า”สายตาของผู้คนจึงมองไปทางจูจั้น“เป็นมิตรภาพจริงๆ?” ทุกคนเอ่ยถามจูจั้นแค่นเสียง โยนชามสุราในมือลงบนโต๊ะ“มิตรภาพผายลม” เขาเอ่ย “นางเป็นคนดีขนาดนั้นเรอะ?”หนึ่งพันตำลึงค่ารักษาต้นเซียนจื่ออิงต้นหนึ่งราคาสูงกว่านี้อีกที่สำคัญที่สุดก็คือของสิ่งนี้อยากได้ก็หาไม่ได้“ที่แท้พี่รองท่านก็จ่ายค่ายาแทนข้าหรือ?” จางเป่าถังรีบเอ่ยขึ้นจูจั้นรับคำงึมงำทีหนึ่ง จางเป่าถังดึงเขาจะให้เงินเขา ถูกจูจั้นไล่ออกไปท่าทางรำคาญ“แต่พูดจริงๆ” อีกคนหนึ่งเอ่ย “ค่ารักษาหนึ่งพันตำลึง นี่บอกชัดว่าไม่รักษาให้คนจน แม้ท่านหมอมากมายในใจอยากได้เงิน แต่กล้าพูดออกมาเปล่าเปลือยเช่นนี้ไม่มาก“ใครว่าเป็นหมอจำต้องช่วยโลกช่วยผู้คนเล่า?” จูจั้นเอ่ย “หน้าไม่อายอยากเอาเงินไม่ได้หรือ?”ชายหนุ่มในห้องมองเขา“ไม่รู้ว่าเจ้าชมหรือว่าด่า” ทุกคนหัวเราะเอ่ย“ไม่ใช่ชมแล้วก็ไม่ใช่ด่า สรุปคือไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา” จูจั้นเอ่ย “นอกจากนี้จุดสำคัญของเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ค่ารักษาของนางเท่าไรมีจิตเมตาของหมอหรือไม่ แต่เป็นประกาศว่าวิชาแพทย์ของนางสูงส่ง”ยื่นมือถือไหสุรารินสุราไปพลาง“อย่าลืมว่าบนโลกนี้ยังมีคนมากมายที่ไม่สนค่ารักษา”คนที่ควักค่ารักษาออกมาไม่ได้หลับตาโวยวายเหล่านั้นเกี่ยวอะไรกับนาง อย่างไรนางเดิมทีก็ไม่คิดคบหาคนเหล่านั้นอยู่แล้วเด็กสาวคนนี้ เจ้าเล่ห์นักล่ะที่เทศกาลโคมไฟกล้าใช้เงินห้าพันตำลึงหลอกคน เก็บต้นเซียนจื่ออิงไม่ต้องการชีวิต ยังใช้อาวุธลับระแวงป้องกันผู้มีพระคุณช่วยชีวิต ยังทำให้เขาขายหน้าเป็นสัตว์เลี้ยงคาบกิ่งไม้ ที่หรู่หนานทำท่าเป็นผู้เสียหายทำคนที่รังแกนางหน้าดำคล้ำเครียด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอาตัวมาเป็นเหยื่อล่อบุกฝ่ากองทัพสังหารอย่าได้ถูกท่าทางบอบบางของนางหลอกเอาล่ะเป็นจริงเช่นนั้น มีคนมากมายไม่สนใจค่ารักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข่าวแพร่ไปถึงในบ้านในเรือนใน“หมอหลวงเจียงคนใหญ่โตเช่นนี้ โกรธอะไรกับแม่นางน้อยคนหนึ่ง”“ใช่ อย่างไรก็มีโรคมากมายจริงๆ ที่พวกเขาหมอชายพวกนี้ตั้งแต่เริ่มก็ไม่สะดวกตรวจไหม”“โรคนี่ทรมานมากเพียงใด ผู้อื่นย่อมไม่รู้ คนเป็นหมอเหล่านี้เห็นมากเข้าก็มักพูดว่าโรคไปดุจสาวไหม”“หากทำให้โรคของข้าหายดีได้ทันที อย่าพูดถึงหนึ่งพันตำลึงเลยหนึ่งหมื่นตำลึงข้าก็ยินดี”บรรดาผู้หญิงอยู่ในบ้านตนคุยเล่นกัน ยามเยี่ยมครอบครัวมิตรสหายก็เอาเป็นเรื่องคุยสนุกสนานด้วย ชื่อเสียงคุณหนูจวินแห่งโรงหมอจิ่วหลิงรักษาเฉพาะโรคร้ายรักษายากยิ่งขจรขจายแล้วในห้องหรูหราแห่งหนึ่ง หญิงสาวที่หวีผมอยู่หน้ากระจกหันกลับมานางอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปี“ร้ายกาจเช่นนี้จริงหรือ?” นางเอ่ยถามเสียงของนางแหบพร่าอยู่บ้าง แหบราวกับถูกยัดผ้าขาดก้อนหนึ่งไว้“เจ้าค่ะ คุณนายสาม ล้วนบอกกันเช่นนี้ นอกจากนี้ภรรยาของติ้งหยวนโหวก็ได้นางรักษาหายดี ” หญิงรับใช้เอ่ยเสียงเบา “ภรรยาของติ้งหยวนโหวกินยาของหมอหลวงเจียงสิบวันครึ่งเดือนไม่ได้ผล นี่ถึงตามคุณหนูจวินคนนี้”นางยื่นมือออกมา“สามวันยาสามเทียบก็หายแล้ว”สามวันก็หายแล้ว?เด็กสาวที่ถูกเรียกว่าคุณนายสามยื่นมือจับลำคอ“ถ้าอย่างนั้นเสียงของข้าก็รักษาหายดีได้รวดเร็วเหมือนกันกระมัง” นางว่าหญิงรับใช้พยักหน้า มองถ้วยยาที่วางอยู่บนโต๊ะ“คุณนายสาม ยานี่ท่านดื่มมาหลายวันแล้วก็ไม่เห็นดีขึ้น ท่านหมอคนนั้นบอกแต่ว่าท่านต้องดื่มต่อไป” นางเอ่ยเสียงเบา ชี้ไปด้านนอก “แต่พวกเรารอไม่ได้นะเจ้าคะ”ด้านนอกเสียงหัวเราะแว่วหวานของบรรดาหญิงสาวลอยมา“นี่เป็นที่ใต้เท้าให้หรือ? ช่างเป็นปิ่นที่สวยจริงนะ เป็นของที่บรรดาสนมในวังถึงจะใส่ได้สินะ?”เสียงพูดคุยวุ่นวายของเหล่าหญิงสาวแทรกมาเสียงนี่เห็นได้ชัดว่าทำให้คุณนายสามสีหน้าไม่มีความสุข นางหงุดหงิดอยู่บ้างโยนหวีลงหน้าโต๊ะกระจก“คุณนายสาม ตั้งแต่เสียงของท่านแหบไป ใต้เท้าก็ไม่มาพบท่านหลายวันแล้ว” หญิงรับใช้เอ่ยต่อ หยิบหวีมาหวีผมแทนนาง “วันนี้คนในบ้านยิ่งเพิ่มยิ่งมาก ท่านมาแรกสุด อย่าได้ตกอยู่เบื้องหลังคนอื่น ท่านคิดดูใช้ชีวิตอย่างทุกวันนี้ นี่เป็นสิ่งที่คนเท่าไรปรารถนาแต่ไม่ได้มา”คุณนายสามก้มหน้ามองชายเสื้อของตนไม่เอ่ยวาจาชุดหรูหรานี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้นางไม่เคยได้เห็นมาก่อน วันนี้สวมบนร่างตนได้สบายๆ ยังมีสมบัติมีค่าเต็มหีบ กินดื่มใช้ล้วนเป็นของดีที่สุดทุกคนล้วนบอกว่าคนผู้นั้นน่ากลัว แต่เขาอยู่ต่อหน้าพวกนางอ่อนโยนสนิทสนม ขอสิ่งใดเป็นต้องรับปาก ไม่ขอสิ่งใดก็ล้วนคิดรอบคอบชีวิตเช่นนี้ ยังมีชีวิตที่ครอบครัวของตนเองได้รับไปด้วย เหมือนฝันอยู่ชัดๆฝันดีไม่มีผู้ใดปรารถนาจะตื่น“ได้ ไปบอกเวรยาม ข้าต้องการเชิญหมอผู้หนึ่งมา” นางเงยหน้าเอ่ยขึ้น……………………………………….
คอมเม้นต์