Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 162 คนเหล่านี้เสียสติ
บรรดาท่านหมอไม่เคยได้ยิน คนเดินถนนกลับรู้ชัดเจนกระจ่าง“คุณหนูจวินแรกเริ่มเป็นหมอเร่ล่ะ เดินถนนลัดเลาะตรอกซอกซอย ทุกคนใครไม่รู้จัก” พวกเขายังเอ่ยอย่างกระตือรือร้นหมอเร่หมอเร่มากมายพูดจริงๆ แล้วก็คือนักต้มตุ๋นแห่งยุทธภพบรรดาท่านหมอยิ่งมั่นใจแล้ว นักต้มตุ๋นเช่นนี้ในเมืองหลวงมากมายนัก เพียงแค่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมากะทันหันเช่นนี้โรงหมอจิ่งหลิงเป็นที่แรกผู้คนมาถึงด้านหน้าโรงหมอจิ่วหลิงอย่างรวดเร็ว แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้พวกเขาประหลาดใจอยู่บ้างที่นี่ไม่ได้มีคนมากมายแออัดลูกค้าเต็มร้าน แต่เงียบเชียบ พนักงานสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าประตูคุยเล่นไม่มีลูกค้าหรือ? ถ้าอย่างนั้นทำไมฟังแล้วเหมือนคนทั้งเมืองล้วนต้องมาที่นี่ตรวจโรคแล้วเล่า?“พวกเจ้าไม่รู้กฎสินะ” หาบเร่ที่หิ้วตะกร้าร้องขายของอยู่ด้านข้างมองเห็นพวกเขายืนอยู่ที่นี่สีหน้ามึนงงก็ยิ้มเอ่ยบอก “โรงหมอจิ่วหลิงไม่ได้ออกตรวจทุกวัน ทุกเดือนวันที่สาม หก เก้า ถึงรับตรวจ”คิดว่าตนเองเป็นพระพุทธจริงๆ เรอะ ยังแบ่งวันรับบูชาด้วย“นอกจากนี้ต่อให้วันที่สาม หก เก้า ทุกคนที่มาก็ไม่ใช่ว่าใครล้วนจะได้คุณหนูจวินตรวจ” พ่อค้าหาบเร่เอ่ยต่อ “นั่นต้องดูว่ามีวาสนารักษาโรคกับคุณหนูจวินหรือไม่”ถุยบรรดาท่านหมอในใจสบถพร้อมกัน“พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่เก้า พรุ่งนี้พวกเราค่อยมา ดูสินางจะเล่นกลอย่างไร” ผู้คนเอ่ยขึ้น สะบัดแขนเสื้อโกรธเกรี้ยวจากไปวันที่สองเมื่อพวกเขานัดกันมาถึงโรงหมอจิวหลิงอีกครั้ง แม้คาดเดาได้ว่าคนคงไม่น้อย แต่ก็ยังถูกแถวยาวที่ต่ออยู่ทำตกใจสะดุ้งโหยงแถวจากหน้าประตูจนไปถึงหัวถนน กวาดมองทีหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยคน ชายหญิงเฒ่าชราเด็กน้อยล้วนมีทั้งสิ้น นอกจากนี้แต่ละคนๆ สีหน้าเคารพเลื่อมใส เหมือนมาตรวจโรคที่ไหน เหมือนเข้าวัดไหว้พระเฉินชีมองจากหน้าต่างเห็นคนเหล่านี้ก็ขมวดคิ้ว“ข้ารู้สึกว่าวันที่สาม หก เก้ายังเหมาะสมไม่พอ” เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้น “ยังได้ผลไม่พอ”พนักงานสองคนมองแถวคนที่อยู่ด้านนอกแลบลิ้นนี่ยังไม่พอหรือ นี่เป็นครั้งที่สามที่กฎนี้ประกาศออกไป เทียบกับสองครั้งก่อนหน้านี้จำนวนคนมากกว่าเกือบครึ่งหนึ่งแล้วคิดดูก็รู้ต่อไปจะมีคนมามากยิ่งกว่า“หลังจากนี้ไม่เพียงแค่วันที่สาม หก เก้าถึงรับตรวจ นอกจากนี้ทุกครั้งยังต้องจำกัดจำนวนคนด้วย” เฉินชีเอ่ยยังจำกัดจำนวนคนด้วย?คนที่ต่อแถวนี่ ที่เข้ามากว่าครึ่งล้วนถูกคุณหนูจวินปฏิเสธการรักษา ทุกครั้งมีเพียงยี่สิบสามสิบคนที่ได้ตรวจรักษาก็ไม่เลวแล้วหลังจำกัดจำนวนคนที่ถูกตรวจรักษาก็คงยิ่งน้อยแล้ว“น้อยแล้วเป็นอย่างไร?” เฉินชีเอ่ย “ของหายากจึงล้ำค่า โรงหมอจิ่วหลิงของพวกเราก็คือล้ำค่า ก็คือหายาก”พนักงานสองคนมองเขาไม่กล้าโต้แย้งเฉินชีตอนนี้เป็นผู้ดูแลโรงหมอจิ่วหลิง กฎวันที่สาม หก เก้าก็เป็นเขากำหนด คุณหนูจวินก็ไม่ได้คัดค้านดูท่าหลังจากนี้โรงหมอจิ่วหลิงคงมีคำพูดเขาเป็นประกาศิตแล้ว“เช้าสั่งค่ำเปลี่ยน” เสียงฟางจิ่นซิ่วดังออกมาจากข้างใน คนก็เดินเข้ามาในโถงด้านหลัง “กฎที่เพิ่งตั้งจะเปลี่ยนอีกได้อย่างไร”เฉินชียิ้มประจบขานรับทันที“เจ้าพูดถูก” เขาเอ่ยพนักงานสองคนสบตากันทีหนึ่งพูดผิดแล้ว หลังจากนี้โรงหมอจิ่วหลิงเป็นคุณหนูนักบัญชีคนนี้ต่างหากคำพูดเป็นประกาศิต“กฎนี่ไม่จำเป็นต้องแก้” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย มองคุณหนูจวินที่เดินเข้ามาหลังร่างทีหนึ่ง “เพราะคนเข้าแถวมากอีกเท่าใด รับตรวจเท่าไรก็ล้วนมีนางเองควบคุม”คุณหนูจวินขานรับ ตรงไปนั่งหน้าโต๊ะเก้าอี้ตรวจรักษา“แต่ยาของพวกเราใช้กฏนี้ได้” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยต่ออีก มองตู้ยาทำไมตั้งกฎสาม หก เก้า น่ะหรือ ก็เพราะคุณหนูจวินกับหลิ่วเอ๋อร์ทุกวันล้วนวิ่งวุ่นคั่วสมุนไพร แต่ตู้ยาเหล่านี้ยังมีกว่าครึ่งยังเติมไม่เต็ม ดังนั้นถึงต้องเว้นเวลาว่างไว้มาเร่งทำยา“หากเป็นยาย่อมจำกัดจำนวนตลอดได้” นางว่า “ก่อนอื่นราคาแพงก็เป็นตัวกรองเองอยู่แล้ว”เฉินชีพยักหน้าต่อกัน“เจ้าพูดถูก เอาเช่นนี้แหละ” เขาเอ่ย “รอคุณหนูจวินทำยาเสร็จ พวกเขาก็หารือกำหนดจำนวนจำกัดตามราคาที่ต่างกัน”ฟางจิ่นซิ่วพยักหน้ามองท้องฟ้ารวมถึงฝูงชนด้านนอก“เปิดประตูเถอะ” นางเอ่ยพนักงานสองคนรับคำ ก้าวไปข้างหน้าผลักประตูเปิดฝูงชนที่ต่อแถวเบียดออกันทันที คนที่ต่ออยู่ด้านหน้าสุดยินดีอย่างยิ่ง ตอนที่ก้าวเข้าประตูหวิดสะดุดล้มบรรดาท่านหมอที่ยืนอยู่ด้านข้างมองดู สีหน้าทนดูไม่ได้คนที่มาโรงหมอตรวจรักษาล้วนเป็นคนสีหน้าทุกข์ตรมเพราะเจ็บป่วย ไหนเลยดีอกดีใจเช่นนี้คนที่เข้าไปออกมาอย่างรวดเร็วยิ่ง“เป็นอย่างไร?” ผู้คนที่รอคอยอยู่ในแถวรีบร้อนเอ่ยถาม“คุณหนูจวินบอกว่าไม่ตรวจโรคของข้า” คนผู้นั้นเอ่ยอย่างยินดี “ข้าไปตรวจที่อื่นได้แล้ว”พูดเช่นนี้จริงๆ เอาท่านหมอโรงหมออื่นอย่างพวกเราเป็นอะไรไปแล้ว? โรคนี้ง่ายเกินไปแล้วไม่คู่ควรให้นางตรวจ ดังนั้นให้พวกเราคนเหล่านี้รับมาหรือ? นี่เหยียดหยามจริงๆ บรรดาท่านหมอเห็นฉากนี้กับตายิ่งโกรธเกรี้ยวที่สุดคนที่สองก็เหมือนกับก่อนหน้าถูกไล่ออกมาเหมือนกัน ดีอกดีใจจากไปจนกระทั่งคนที่เจ็ดก็ดีอกดีใจเดินออกมาอีก ตอนที่คนสอบถามก็ตอบว่าได้รับการรักษาแล้ว“คุณหนูจวินบอกว่าให้กลับบ้านไปรอ พรุ่งนี้นางจะไปที่บ้านรักษาโรคให้นายหญิงบ้านข้า” คนผู้นั้นเอ่ยนี่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนรับใช้คนหนึ่ง คนป่วยที่บ้านอาการหนักจนลุกไม่ขึ้น หรือไม่สะดวกเปิดเผยหน้าตาถึงให้คนรับใช้มา“มีที่ไหนตรวจโรคอย่างนี้? ไม่เห็นคนป่วยก็ตรวจรักษาได้?” ท่านหมอคนหนึ่งขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นหาบเร่ด้านข้างจิ๊ปาก“บรรยายให้คุณหนูจวินฟังก็พอ” เขาเอย “ก่อนหน้านี้มีคนบรรยายเกินจริง วางแผนให้คุณหนูจวินรับตรวจแต่คุณหนูจวินไม่ติดกับสักนิด ไม่กี่ประโยคก็ชี้ช่องโหว่ของเขาออกมาได้”พูดถึงตรงนี้ก็พยักหน้าอีก“ก็บอกแล้วไง คุณหนูจวินรับตรวจต้องดูคนมีวาสนา หลอกไม่ได้สักนิด”ท่านหมอหลายคนกลอกตา นี่มันคือละครดูหน้าทำนายทายทักคนฝั่งนั้นที่ได้ยินคำตอบของคนรับใช้บ้านนี้ คนที่รอก็พากันแสดงความวิตก“นั่นดูแล้วหนักหนามากอยู่” ทุกคนเอ่ยขึ้น แต่จากนั้นสีหน้าก็อิจฉาอีก “ยังดีมีคุณหนูจวิน รักษาหายดีได้แน่”คนรับใช้บ้านนั้นก็ดีใจพยักหน้าเช่นกัน“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ข้าต้องรีบหน่อยไปบอกข่าวดีนี้กับนายหญิง” เขาเอ่ย วิ่งไปเร็วเหมือนบินเช่นกันถูกชี้ว่าป่วยหนักยังเป็นข่าวดี!เสียสติเรอะ!ถูกปฏิเสธรักษาก็ดีใจ ถูกวินิจฉัยว่าป่วยหนักก็ดีใจ คนเหล่านี้บ้าไปหมดแล้วหรือ?โรงหมอจิ่วหลิงนี่ทำให้คนมากมายขนาดนี้เป็นบ้าเช่นนี้ได้อย่างไร?บรรดาท่านหมอมองโรงหมอจิ่วหลิงรวมถึงแถวที่ยังต่อไม่ขาดสายอยู่สีหน้าตะลึงงัน“เฮ้ พวกเจ้าดู” ทันใดนั้นท่านหมอคนหนึ่งก็เอ่ยเสียงเบา ชี้ไปทิศทางหนึ่ง “หมอหลวงเจียง”บรรดาท่านหมอมองตามที่เขาชี้ เห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของถนนจริงๆ คือเจียงโหย่วซู่หัวหน้าสำนักแพทย์หลวงเจียงโหย่วซู่ไม่ได้มองฝูงชนที่ต่อแถวเหล่านี้ แต่สีหน้าทะมึนมองไปทางโรงหมอจิ่วหลิง ในหูของเขาเสียงหัวเราะยังมีเสียงของของบรรดาผู้หญิงเหล่านั้นในจวนติ้งโหวเหยียนดังก้องกังวาน
คอมเม้นต์