Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 157 เป็นรสชาติเก่านั่น
เป็นเจ้าอีกแล้วคุณหนูจวินก็อยากพูดประโยคนี้เหมือนกัน“ท่านชายจู บังเอิญจริงเชียว” นางมองจูจั้นเอ่ยขึ้นจูจั้นถลึงตามองนาง ยื่นมือชี้“เจ้าพอได้แล้ว” เขาเอ่ย “ข้าไม่สนใจผู้หญิงที่มีสามีแล้ว”คุณหนูจวินหลุดหัวเราะคำเปิดบทสนทนาแต่ละครั้งไม่รู้เขาคิดออกมาได้อย่างไร“ข้าไม่ใช่ผู้หญิงมีสามีแล้วสักหน่อย” นางหัวเราะเอ่ย “ท่านไปสืบข่าวเรื่องที่เกิดในหยางเฉิงดูก็รู้แล้ว”จูจั้นแค่นเสียงยืนห่างออกไป“เจ้าใช่ก็ช่างไม่ใช่ก็ช่าง ข้าไม่สนใจเรื่องราวของพวกเจ้า” เขาเอ่ย ถลึงตามองคุณหนูจวินทีหนึ่ง “อย่าตามข้าอีก”พูดจบก็หมุนตัวจากไปคุณหนูจวินหัวเราะ แต่เขามาที่นี่ทำอะไร?นางมองจูจั้นที่เดินออกไป แล้วมองตรอกด้านหลังศาลเทพเจ้ากวนอูที่อยู่ไม่ไกลออกไปอีกด้านทีหนึ่ง ตามไป“จูจั้น” นางร้องเรียกจูจั้นยังคงเหมือนไม่ได้ยิน เพิ่มความเร็วฝีเท้า“จูจั้น” คุณหนูจวินหัวเราะ ร้องเรียกอีกครั้ง แล้วก็เร่งฝีเท้าจูจั้นวิ่งขึ้นมาแล้ว คุณหนูจวินก็วิ่งขึ้นมาด้วย“จูจั้น ท่านหนีอีกข้าจะตะโกนแล้ว” นางร้องบอกตะโกน?ตะโกนอะไร?ตะโกนว่าผิดผี? ตอนนั้นที่หรู่หนานเขาเคยตะโกน ผลลัพธ์เล่า?“ที่นี่คือเมืองหลวง เจ้าอย่าคิดว่าเป็นหรู่หนาน” จูจั้นหยุดฝีเท้าหมุนตัวกลับมาหยุดยิ่งอยู่ตรงหน้าคุณหนูจวินเอ่ยขึ้นคุณหนูจวินมองเขาหัวเราะ“ใช่ ข้ารู้อยู่” นางเอ่ย“เจ้าคิดทำอะไร?” จูจั้นขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น“บังเอิญจริงเชียว เดินมาที่ไหนๆล้วนพบท่านได้อย่างไร” คุณหนูจวินหัวเราะเอ่ยถาม “นี่คือ วาสนาหรือ?”จูจั้นแค่นหัวเราะ“บนโลกนี้ไม่มีวาสนา มีเพียงจงใจกระทำ” เขาเอ่ยเก็บเสียงแค่นหัวเราะไป “เจ้าตามข้า ที่แท้คิดทำอะไร?”จงใจ?นางไม่ได้จงใจตามเขาสักหน่อย ใครจะรู้ว่าทำไมมักจะพบกันจงใจกระทำ หรือพวกเขาอยากกระทำสิ่งเดียวกันงั้นรึ?นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้คุณหนูจวินยิ้ม“ข้าไม่มีอะไร เพียงแค่อยากถามท่าน” นางเอ่ย “ท่านรู้ว่าขนมถั่วแดงร้านไหนในเมืองหลวงอร่อยที่สุดไหม?”จูจั้นถลึงตามองนาง หันไปสบถทีหนึ่ง“ข้าไม่รู้” เขาบอก หมุนตัวก้าวไวๆจากไปอีกครั้ง“ท่านรู้สินะ ท่านคุ้นเคยกับเมืองหลวงขนาดนั้น” คุณหนูจวินหัวเราะเอ่ยจูจั้นไม่หันกลับมาอีกทะลุเข้าตรอกเส้นหนึ่งแผ่นหลังหายไปคุณหนูจวินหัวเราะ จิตใจไม่เพียงไม่ถูกทำลาย แต่เพราะการขัดจังหวะครั้งนี้ ความหดหู่จึงสลายหายไป นางเดินตามถนนไปช้าๆขนมถั่วแดงสิ่งนี้ไม่อร่อยสักนิด ท่านพี่ดันชอบกินเจ้านี้ เป็นรสนิยมที่ประหลาดจริงๆ……………………………………….องค์หญิงจิ่วหลีมองสาวใช้คนหนึ่งวางจานใบน้อยไว้ด้านหน้า มองขนมถั่วแดงสี่เหลี่ยมก้อนน้อยๆที่ถูกหั่นแบ่งไว้ด้านในก็ยิ้ม“องค์หญิง ท่านลองชิมดูเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้คนหนึ่งยิ้มแย้มเอ่ยประจบองค์หญิงจิ่วหลีหยิบตะเกียบคีบชิ้นน้อยชิ้นหนึ่งเข้าปาก“อืม เป็นของบ้านติ้งหยวนโหว” นางเงยหน้ามองไปด้านข้างลู่อวิ๋นฉียืนอยู่ด้านข้างได้ยินก็ขานรับ“องค์หญิงสัมผัสไวนักจริงๆ นี่เป็นใต้เท้าตั้งใจเชิญแม่ครัวบ้านติ้งหยวนโหวมาทำเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้หัวเราะเอ่ยขึ้นองค์หญิงจิ่วหลีไม่ได้เอ่ยวาจา กินต่อกันไปสองชิ้นถึงวางตะเกียบลง“รสชาตินี้ไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อนสักนิด” นางเอ่ย “ท่านก็ลองชิมดูสิ”ลู่อวิ๋นฉีไม่ขยับ“ข้าไม่ชอบเจ้านี่” เขาเอ่ย “องค์หญิงพอพระทัยก็พอ”องค์หญิงจิ่วหลีหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง“เจ้าก็ไม่กินเจ้านี่เหมือนกันหรือ ของอร่อยขนาดนี้พวกเจ้ากลับไม่ชอบ รสนิยมแปลกประหลาดจริงๆ” นางเอ่ย หัวเราะ มองไปทางลู่อวิ๋นฉี “ขอบคุณเจ้าที่ใส่ใจ จดจำคำพูดที่นางเคยบอกได้”นางผู้นี้คือใคร แม้ไม่ได้ชี้ชัด แต่ในใจคนตรงนั้นล้วนเข้าใจบรรดาสาวใช้หญิงรับใช้ก้มศีรษะบรรยากาศในห้องนิ่งเงียบ สามีภรรยาสองคนหนึ่งนั่งหนึ่งยืนด้านใน ให้เกียรติดุจแขกพวกเขาให้เกียรติกันดุจแขกอย่างแท้จริงจนวันนี้ก็ไม่ได้ร่วมหอบรรดาสาวใช้หญิงรับใช้ต่างรู้ ส่วนพวกเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง ราวกับสิ่งนี้ล้วนเหมาะสมสมควร“องค์หญิงพอพระทัยก็พอ” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยองค์หญิงจิ่วหลียิ้มแล้ว พยักหน้า“ดี” นางเอ่ยลู่อวิ๋นฉีคำนับ“ข้าขอตัวก่อน” เขาเอ่ยองค์หญิงจิ่วหลียิ้มพยักหน้า มองลู่อวิ๋นฉีเดินออกไปบรรดาสาวใช้หญิงรับใช้ในห้องกลั้นลมหายใจเก็บเสียง องค์หญิงจิ่วหลีสีหน้าสงบทานขนมถั่วแดง“แต่งงานก็ดีอยู่นะ” นางว่า ยิ้มกับหญิงรับใช้ข้างกาย “หลังจากนี้กินขนมถั่วแดงได้ทุกเมื่อแล้ว”คำพูดนี้คือมุกตลกใช่ไหม?หญิงรับใช้หัวเราะรับ“หากองค์หญิงชอบให้ใต้เท้าให้แม่ครัวจากจวนติ้วหยวนโหวอยู่เสียก็ได้แล้ว” นางหัวเราะ“วิญญูชนไม่แย่งของชอบของผู้อื่น” องค์หญิงจิ่วหลีเอ่ยขึ้น กินขนมถั่วแดงก้อนสุดท้ายจนหมด “นอกจากนี้ของดีอีกเท่าไรกินบ่อยๆก็ต้องเบื่อหน่าย”ไม่ว่าพูดอย่างไร องค์หญิงจิ่วหลีก็อารมณ์ค่อนข้างดี มีบรรยากาศสูงศักดิ์อย่างองค์หญิง กลับไม่มีบรรยากาศหยิ่งยโสเหยียดมองผู้คน ไม่เคยตำหนิสร้างความลำบากให้คนรับใช้บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้อยู่ต่อหน้านางค่อยๆไม่ระมัดระวังขนาดนั้นได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้ บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้ล้วนหัวเราะออกมา“องค์หญิงตรัสมีเหตุผล” พวกนางล้วนเอ่ยองค์หญิงจิ่วหลีวางตะเกียบลง หยิบเข็มด้ายด้านข้างขึ้นมา นั่งลงด้านหน้าโครงปักต่อองค์หญิงจิ่วหลีไม่เหมือนองค์หญิงคนอื่นที่ชอบอ่านหนังสือเขียนอักษรอยู่คนเดียว นางเพียงชอบทำงานเย็บปักถักร้อย ทั้งวันเวลาส่วนใหญ่ล้วนใช้เย็บปักถักร้อยบรรดาสาวใช้หญิงรับใช้ในห้องรู้เองเก็บกวาดชามตะเกียบออกไปอย่างว่องไวด้านในเรือนมีสาวใช้เข้ามา“ใต้เท้าออกไปอีกแล้ว” นางเอ่ยเสียงเบาหญิงรับใช้ส่ายศีรษะ“ไปฝั่งนั้นอีกแล้วสินะ?” นางเอ่ยถามเสียงเบาสาวใช้พยักหน้าหญิงรับใช้ถอนหายใจอีกครั้ง หันไปมองที่ซึ่งองค์หญิงจิ่วหลีอยู่ทีหนึ่ง“แต่ไม่ว่าอย่างไร ใต้เท้าไม่เคยค้างคืนด้านนอก” นางเอ่ยเสียงเบา “นี่เพิ่งแต่งงาน ทั้งยังเป็นพี่สาวภรรยา ก็ไม่แปลกที่จะปรับตัวไม่ได้ ชีวิตยังอีกยาวนาน คุ้นเคยกันอีกหน่อยก็ดีแล้ว”สาวใช้ขานรับ ในดวงตายังคงกังวล“แต่ผู้หญิงพวกนั้นข้างนอก…” นางอดไม่ได้เอ่ยเสียงเบา “มากขึ้นทุกทีแล้ว”หญิงรับใช้ถลึงตามองนางทีหนึ่ง“มากแล้วอย่างไร? ก็แค่ข้างนอก ชื่ออะไรก็ไม่มีทั้งนั้น เป็นแค่ของเล่น” นางว่า “เทียบกับองค์หญิงของพวกเราได้รึ? นั่นเป็นองค์หญิง ทั้งเป็นฮ่องเต้พระราชาทานสมรส”สาวใช้ขานรับ“อย่าคิดเหลวไหล พูดเหลวไหลไป” หญิงรับใช้เอ็ดเสียงเบาสาวใช้รีบหมุนตัวจากไปหญิงรับใช้หันกลับไปมองทีหนึ่ง ด้านในห้ององค์หญิงจิ่วหลีเงียบสงบจนเงียบเหงาอยู่บ้างส่วนเวลานี้บนถนนใหญ่คนเดินไปเดินมาเอะอะครึกครื้นดั่งเช่นวันวานคุณหนูจวินยืนอยู่ในกลุ่มคนรอคอยแผงร้านด้านหน้า ขนมถั่วแดงร้อนควันฉุยเพิ่งออกจากหม้อ ถูกวางอยู่บนถาดใช้มีดเล่มใหญ่ตัดเป็นชิ้นเล็กอย่างว่องไว ใส่ในกล่องกระดาษฝูงชนที่รุมล้อมค่อยๆส่งเงินถือกล่องกระดาษใบหนึ่งออกไปในที่สุดคุณหนูจวินก็ได้ชิ้นสุดท้ายของหม้อนี่มาเวลานี้บนถนนเสียงกีบเท้าม้าเร่งรีบระลอกหนึ่ง ฝูงชนเบียดเสียดดุจคลื่นน้ำแหวกออก คุณหนูจวินยืนอยู่ด้านในฝูงชนถูกเบียดเอนซ้ายเอนขวา ขนมถั่วแดงในมือตกลงพื้น“เฮ้ อย่าเหยียบ”นางร้องพยายามสุดกำลังขวางฝูงชนรอบด้านไว้“อย่าเสียงดัง อย่าเสียงดัง หัวหน้ากองพันลู่มาแล้ว” ฝูงชนร้องโหวกเหวกเสียงนี้ทำให้ฝูงชนที่เบียดเสียดฉับพลันยิ่งอลหม่าน คุณหนูจวินที่ก้มตัวอยู่ถูกเบียดถอยหลัง มองขนมถั่วแดงด้านในกล่องกระดาษนั่นถูกเหยียบเละนางเงยหน้ามองบนถนนถูกลู่อวิ๋นฉีที่องครักษ์เสื้อแพรรุมล้อมเร่งรีบผ่านไปหลังลู่อวิ๋นฉีขี่ม้าผ่านไป ฝูงชนก็ออกลับมาบนถนนใหม่อีกครั้ง ชี้มือชี้ไม้ใส่บรรดาองครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ไกลออกไปวิพากษ์วิจารณ์หน้าร้านด้านนี้กลับโล่งไปมากคุณหนูจวินยืนอยู่ที่เดิมมองขนมถั่วแดงที่ถูกเท้าเหยียบเละมีครั้งหนึ่งทะเลาะกับพี่สาว นางก็จงใจปัดขนมถั่วแดงของพี่สาวร่วง หลังจากนั้นก็หนีไป ท่านแม่กับพระพี่เลี้ยงไล่จับนางที่สวนดอกไม้อยู่รอบหนึ่งต้องการจะตีนางคุณหนูจวินก้มหน้านั่งยองบนพื้นระมัดระวังอยากจะเก็บขนมถั่วแดงที่ถูกเหยียบเละขึ้นมาเท้าสองข้างหยุดข้างขนมถั่วแดงที่เละกลายเป็นโคลนเท้าข้างหนึ่งยกขึ้นมาแตะหัวเข่าของนาง“เฮ้เฮ้”เสียงของจูจั้นร่วงใส่เหนือศีรษะคุณหนูจวินเงยหน้าขึ้น มองจูจั้นที่ยืนอยู่ข้างกายบดบังแสงตะวัน แสงสว่างเงามืดตัดกันมองใบหน้าไม่ชัด“อย่าขายขี้หน้าคนขนาดนั้นสิ” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ “คุณหนูแห่งเต๋อเซิ่งชางผู้เชี่ยวชาญการหว่านเงินเล่นทั้งคน แสร้งทำประหยัดอะไรกันเล่า”……………………………………….
คอมเม้นต์