Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 156 ความลับที่ซ่อนไว้
อย่างไรที่พูดก็เป็นเรื่องของหัวหน้ากองพันลู่กับองค์หญิงจิ่วหลี บ้านตนเองปิดประตูพูดอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น อยู่ต่อหน้าคนนอกถึงต้องระวังสักหน่อยมีคนมองคุณหนูจวินกระแอมทีหนึ่ง เตือนทุกคนวาจาไม่อาจพูดส่งเดช“ถ้าเช่นนั้นข้าไปจัดการสักครู่” สะใภ้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นท่านหญิงผู้เฒ่าหลินพยักหน้า“ไปเถอะ ก็แค่แม่ครัวคนหนึ่ง ไม่ต้องกลัวข้อห้ามอะไร” นางเอ่ยสะใภ้คนนั้นขานรับจากไปคุณหนูจวินก็ลุกขึ้นยืนหยิบธูปหอมกำหนึ่งออกมา“ท่านหญิงกลางคืนยามนอนหลับจุดไว้ก็พอแล้ว” นางว่าเอ่ยจบคำนับบอกลา “พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก”ท่านหญิงผู้เฒ่าหลินสีหน้ายิ่งพอใจนางอายุมากพบคนมามากมายแล้ว ในเรือนในนี่พวกผู้หญิงที่เดินไปมาคนไหนไม่ระริกระรี้ มีประโยชน์นิดหนึ่งก็อดไม่ได้โอ้อวดออกมา ใจหวังปีนป่ายลาภยศแต่เด็กสาวคนนี้ตั้งแต่มา วาจาไม่พูดมากถึงขนาดอาการป่วยก็ไม่ถาม จับชีพจรจ่ายยาทันที ตรวจเสร็จก็ไป ไม่รั้งอยู่หาเรื่องคุยสักนิดเป็นนิสัยของตระกูลที่เป็นหมอสืบทอดรุ่นสู่รุ่นจริงๆ นอกจากนี้ยังเป็นคุณหนูของตระกูลขุนนาง นี่คุณธรรมสูงส่งอยู่ในกระดูกคบหากับคนเช่นนี้ ยิ่งทำให้คนวางใจและไม่หนักใจ“ลำบากคุณหนูจวินแล้ว” ท่านหญิงผู้เฒ่าหลินเอ่ยขึ้นอ่อนโยน“พรุ่งนี้มาอีก” ท่านหญิงหลินก็ยิ้มเอ่ย ตอนนี้เพิ่งพบหน้ากันสองครั้งก็รู้สึกว่าสนิทสนมกับแม่นางน้อยคนนี้มากคุณหนูจวินไม่ได้เอ่ยวาจาอีกคำนับพาหลิ่วเอ๋อร์ขอตัว“คุณหนู พรุ่งนี้ก็รักษาหายแล้ว เร็วจริงนะเจ้าคะ” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยดีใจอยู่ด้านหลังคุณหนูจวินส่งเสียงตอบรับ“ใช่ เร็วจริงๆ นะ” นางเอ่ยอยู่ในเรือนนี้เร็วอย่างที่คิด เร็วขนาดนี้ก็ได้ยินข่าวของพี่สาวแล้วเดินมาถึงประตูด้านใน รถม้าก็รออยู่ด้านในแล้ว นอกจากรถที่นางนั่งตอนมา ยังมีเพิ่มอีกคันหนึ่ง หญิงรับใช้คนหนึ่งกำลังแร่งแม่ครัวคนหนึ่งขึ้นรถ“ไปถึงที่นั่นก็ไม่ต้องพูดมาก ให้ทำอะไรก็ทำอันนั้น” หญิงรับใช้เอ่ยกำชับแม่ครัวคนนั้นขานรับหลายหนคุณหนูจวินหยุดฝีเท้านี่ก็คือแม่ครัวที่จะไปพบท่านพี่หรือ?นางมองรถม้าวิ่งผ่านด้านหน้าไป อดไม่ได้ยกเท้าขึ้นอยากไปนัก อยากไปด้วยนัก…“คุณหนูจวิน” เสียงของหญิงรับใช้ดังขึ้นข้างหู “เชิญขึ้นรถเถอะ”คุณหนูจวินหันสายตากลับมาหลุบตาลงขึ้นรถรถม้าขับออกจากจวนติ้งหยวนโหว แยกไปซ้ายขวากับรถม้าที่ออกจากประตูก่อนคันนั้นมองเห็นคุณหนูจวินกลับมา พนักงานสองคนก็รีบเข้ามารับ“สมุนไพรที่คุณหนูสั่ง ซื้อมาครบแล้วขอรับ” พวกเขาเอ่ยอย่างนอบน้อม“คุณหนูตอนนี้จะทำยาหรือเจ้าคะ?” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยถาม“เจ้าล้างสมุนไพรให้สะอาดก่อน ข้าออกไปข้างนอกเที่ยวหนึ่ง” คุณหนูจวินเอ่ยหลิ่วเอ๋อร์ขานรับ หิ้วหีบยาดีอกดีใจเข้าไป ส่วนพนักงานสองคนเจ้ามองข้าข้ามองเจ้ามองหลิ่วเอ๋อร์แล้วก็มองคุณหนูจวินที่เดินออกไปข้างนอกแล้วให้นางออกไปคนเดียวหรือ?แต่ดูแล้วนายบ่าวสองคนนี้ก็ไม่มีความเห็นอะไร ปากที่อ้าออกของพวกเขาก็ได้แต่หุบลงบนถนนใกล้เวลาเที่ยงคนยิ่งมาก โรงน้ำชาร้านสุรายิ่งคนเต็มจนแออัด คุณหนูจวินเดินผ่านถนนที่คึกคักแต่ไม่ได้หยุดนางเดินเข้ามาในตรอกเส้นหนึ่ง ตัดผ่านไปออกจากตลาดครึกครื้น ฝั่งนี้แลดูเงียบสงบอยู่บ้างนางเดินออกมาจากปากตรอกก้าวไปด้านหน้าไม่กี่ก้าวก็หยุดยืน แววตาล่องลอยอยู่บ้างราวกับไม่รู้ว่าควรไปทางไหน แล้วราวกับหวาดกลัวเพราะความเงียบสงบนี้อยู่บ้าง มือที่วางไว้ด้านหน้าร่างจึงกำขึ้นมานางเคยทำเรื่องหนึ่ง พูดให้ชัดคือเรื่องดีเรื่องหนึ่งแล้วก็เรื่องร้ายเรื่องหนึ่งเมื่อติดตามอาจารย์ปีที่สาม นางเริ่มตระเตรียมยาสำหรับโรคของพระบิดา หลังจากนั้นใช้เวลาอีกสองปี ด้วยคำชี้แนะจิกกัดเสียดสีของอาจารย์ก็คลำศึกษาสูตรยาอันหนึ่งออกมาได้“เจ้าจงคิดให้ดี โรคของบิดาเจ้าสูตรยาเพี้ยนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าทำไมหลายปีขนาดนี้หมอหลวงมากมายขนาดนั้นไม่ให้เทียบยากับบิดาของเจ้า” อาจารย์เอ่ยเตือนนางนางก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจ ไม่รู้ ตอนนี้เป็นวิชาแพทย์จึงรู้แล้ว อันตรายมากจริงๆ ดังนั้นนางจึงถือสูตรยานี้อยู่นานไม่กล้าให้พระบิดาใช้ดูท่าสวรรค์คงเวทนาคำอธิษฐานและความพากเพียรของนาง ครั้งนั้นตอนกลับเมืองหลวง ถึงกับให้นางพบคนที่อาการป่วยเช่นเดียวกันกับพระบิดาของนางคนหนึ่งนี่เป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่ง นางตัดสินใจใช้เขาทดลองยาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อาจารย์ไม่มีทางเห็นด้วย พระบิดารู้ก็ต้องคัดค้านเช่นกัน นางไม่กล้าบอกผู้ใด รวมถึงเด็กหนุ่มที่ต้องถูกนางทดลองยาคนนี้นางลอบทำเรื่องนี้ พาเด็กหนุ่มคนนี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในเมืองหลวง ให้เขาใช้สูตรยานี้ตกลงกับเด็กหนุ่มคนนี้ หลังครึ่งปีหากปลอดภัยไร้อันตรายก็ให้มอบสูตรยานี้แก่พระบิดา สัญญาจะให้ความมั่งคั่งร่ำรวยมหาศาลกับเขาแต่หลังจากนั้นไม่ทันรอได้ข่าวอันใดจากเด็กหนุ่มคนนี้ กลับรอจนได้ข่าวการป่วยจากไปของพระบิดาหลังนางกลับมาก็ไม่ได้ไปตามหาเด็กหนุ่มคนนี้อีกเด็กหนุ่มคนนั้นไม่หนีไปแล้วก็ตายไปแล้ว นางเคยถามท่านพี่ ท่านพี่บอกว่าพระบิดาไม่เคยใช้สูตรยาที่นางฝากคนส่งมาเลยหรือก็คือสูตรยาของนางใช้ไม่ได้ผลสักนิดแม้นางไม่ยินยอม แต่ก็จำต้องยอมรับชะตา ยอมรับชะตาอายุขัยสั้นของพระบิดา ยอมรับชะตาตายตามสามีของพระมารดา หลังจากนั้นแต่งงานกับผู้อื่น ยอมรับชะตาที่ต้องถูกขังอยู่ในบ้านทั้งชีวิตคิดไม่ถึงสองปีให้หลัง ตอนนางเข้าวังไปคำนับไทเฮา จะถูกนางกำนัลน้อยปิงเอ๋อร์แอบลอบขวางไว้ลับๆปิงเอ๋อร์คนนี้เคยรับใช้นางมาก่อน นางคิดว่านางพบเจอเรื่องอยุติธรรมอันใดอยากขอให้นางช่วยคิดไม่ถึงปิงเอ๋อร์หน้าซีดขาวคุกเข่าดังตึง“องค์หญิง องค์รัชทายาทไม่ได้ประชวรสิ้นพระชนม์” นางเสียงสั่นเอ่ยขึ้นคิดถึงนาทีนั้น คุณหนูจวินยังรู้สึกในหูดังวิ้งๆ อยู่ คนทั้งร่างราวถูกสายฟ้าฟาดนางสูดหายใจลึกหลายทีทำให้ตนเองสงบลงปิงเอ๋อร์บอกนางว่าบิดาใช้สูตรยาที่นางให้แล้ว นอกจากนี้เด็กหนุ่มคนนั้นก็หายดีเช่นกัน ไม่ได้ตายสักนิด“องค์รัชทายาทพบเด็กหนุ่มคนนั้น ตำหนิองค์หญิงว่าท่านทำเรื่องเหลวไหล เอาเงินจำนวนหนึ่งให้เขาส่งออกไป”“ต่อมาองค์รัชทายาทรับสูตรยามา”“องค์รัชทายาทไม่ได้ไม่ใช้ยา ท่านให้ข้ากับพี่สาวต้มยา ไม่ได้บอกผู้ใดว่าใช้สูตรยานี้”“องค์รัชทายาทตรัสว่านี่เป็นใจกตัญญูขององค์หญิงท่าน จะไม่ลองดูบ้างได้อย่างไร”“องค์รัชทายาทไม่ให้บอกแก่ผู้ใด เกรงทุกคนกังวล”แต่ก็ยังล้มเหลวไม่ใช่หรือ?“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ได้ล้มเหลว” ปิงเอ๋อร์เงยหน้าสีหน้าหวาดผวา “พี่สาวของข้าก่อนหน้านี้ออกไปข้างนอกพบคนผู้นั้น องค์หญิง คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่”คุณหนูจวินหลับตาลง ห้ามน้ำตาไว้ มือที่กุมอยู่ด้านหน้าร่างเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ“องค์หญิง หากท่านไม่เชื่อก็ไปถามพี่สาวของข้า พี่สาวของข้าหลังถูกส่งออกจากวัง แต่งงานไปอยู่ที่ตรอกด้านหลังศาลเทพเจ้ากวนอู บ้านหลังที่สามนับจากตะวันออกไปตะวันตก”คุณหนูจวินสูดหายใจลึกทีหนึ่ง ห้ามร่างกายให้หยุดสั่นตอนนั้นนางไม่ได้มาที่นี่ นางมาไม่ได้ หากนางมาที่นี่ต้องความแตกแน่ นี่เป็นหลักฐาน หลักฐานว่าฉีอ๋องสังหารพี่ชายคนโตก่อหายนะหลังนางสังหารฉีอ๋อง นี่จะเป็นหลักฐานนางถือมีดบุกเข้าไปในวัง ตัดสินใจสู้ตาย ไม่อย่างนั้นฉีอ๋องที่นั่งบัลลังค์มั่นคงแล้วก็ยังคงมือเดียวปิดฟ้าได้เหมือนเก่ามีเพียงสังหารฉีอ๋องก่อนถึงจะมีโอกาสสู้ผลสุดท้ายนางยังคงล้มเหลวแต่นางมีโอกาสอีกครั้งแล้วคุณหนูจวินลืมตามองด้านหน้า ตอนนั้นเรื่องที่ทดลองยากับเด็กหนุ่มคนนั้นเก็บเป็นความลับที่สุด ไม่มีผู้ใดรู้ นอกจากนี้หลังจากนั้นนางได้รู้ความจริงกะทันหัน ตัดสินใจกะทันหัน ตายก็กะทันหัน ไม่ว่าปิงเอ๋อร์ในวังหรือพี่สาวของปิงเอ๋อร์ด้านนอกวัง หรือกระทั่งเด็กหนุ่มคนนั้นล้วนยังไม่ถูกเปิดเผยขอเพียงพวกเขายังมีชีวิตอยู่ดี ก็ยังคงเป็นหลักฐานเหมือนเดิมตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาไปพบ แล้วก็ไม่อาจวางแผนอะไรได้ รออีกหน่อยคุณหนูจวินยกเท้าก้าวเดินหมุนตัวจะเข้าไปในตรอก ในตรอกกลับมีคนผู้หนึ่งเดินพรวดออกมา ไม่ทันตั้งตัวแทบจะชนกันคุณหนูจวินอุทานเบาๆ ทีหนึ่งถูกชนล้มไปข้างหลัง คนผู้นั้นยื่นมือคว้านางไว้ รอมองเห็นอีกฝ่ายชัด ทั้งสองคนต่างร้องเอ๋“เป็นเจ้าอีกแล้ว” จูจั้นเอ่ย มือที่เพิ่งคว้าคุณหนูจวินไว้ปล่อยออกทันทีคุณหนูจวินที่เดิมทียืนมั่นคงแล้วหวิดถูกเขาผลักล้ม โซเซหลายก้าวยันกำแพงไว้ถึงยืนอยู่……………………………………….
คอมเม้นต์