Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 153 คำเชิญจากเมืองหลวง
เช้าตรู่ของเดือนแปดเย็นอยู่บ้างแล้วยามที่ร้านรวงบนถนนเปิดประตูคนเริ่มมากขึ้น รถเข็นคันน้อยคันหนึ่งก็หยุดอยู่ริมถนน ราวไม้บนรถน้ำตาลปั้นรูปต่างๆ ปักเต็มไปหมด ใต้แสงตะวันส่องประกาย“น้ำตาลปั้น ขายน้ำตาลปั้น”เสียงใสกังวานของเด็กสาวดังขึ้นบนถนนใหญ่อยู่ที่นี่ร้องตะโกนช่วงหนึ่งก็เข็นรถเดินหน้า เดินตามถนนตรอกซอย ดวงตะวันลอยขึ้นสูงเกือบเที่ยงวันก็หยุดรถที่ถนนใหญ่อีกครั้ง น้ำตาลบนรถขายออกไปได้ไม่น้อยแล้วฟางจิ่นซิ่วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วก็ปลดกาน้ำใบหนึ่งลงมาจากบนรถดื่มน้ำ เติมความชุ่มชื่นให้ลำคอที่แห้งผากมีคนยืนอยู่ด้านข้าง กลิ่นหอมสะอาดลอยมา“นี้ใช้ไม่ได้เลยนะ น้ำตาลปั้นนี่เป็นแบบนี้อยู่ตลอด ช่างไม่น่าสนใจ”เสียงหญิงสาวติดจะจู้จี้และไม่พอใจดังขึ้น พร้อมกันนั้นมือข้างหนึ่งก็ยื่นไปขยับน้ำตาลาปั้นบนราวไม้ กำไลเรือนทองประดับมณีหยกบนข้อมือใต้แสงตะวันสะท้อนแสงวิบวับทิ่มตาฟางจิ่นซิ่วกลอกตา“ไม่ขาย อย่าแตะ” นางว่าฟางอวี้ซิ่วหันหน้ามองนาง“นี่เป็นท่าทางที่เจ้าใช้กับลูกค้ารึ?” นางเอ่ย “เจ้าประจบให้ข้าพอใจ ข้าเหมาทั้งรถนี่ วันนี้เจ้าก็ได้กำไรงามแล้ว”ฟางจิ่นซิ่วเบะปาก“เจ้าว่างไม่มีอะไรทำกินน้ำตาลปั้นอะไร?” นางเอ่ยเธอเงยหน้ามองฟางจิ่นซิ่ว “เจ้าจอดรถไว้หน้าประตูร้านข้าตรงนี้แล้ว” นางเอ่ยฟางจิ่นซิ่วหันหน้ากลับไปมอง ตอนนี้ถึงเพิ่งเห็นว่าเป็นเต๋อเซิ่งชางจริงๆ นางอดไม่ได้หัวเราะตอนแรกสุด นางยังหลีกเลี่ยงถนนที่ตั้งเต๋อเซิ่งชางและตระกูลฟาง แต่ตอนนี้ไม่สนใจสักนิดแล้ว“เอาน้ำตาลปั้นตัวหนึ่ง” ยังมีพนักงานตัวน้อยคนหนึ่งวิ่งออกมาหยิบเงินขึ้นมาเอ่ยขึ้นฟางจิ่วซิ่วรับเงินอย่างฉับไว หยิบน้ำตาลปั้นส่งให้เขา พนักงานตัวน้อยวิ่งตึงตึงเข้าไป สองฝ่ายไม่มีความอึดอัดสักนิด“แต่ข้าพูดจริงๆ นะ” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ยต่อเหมือนกัน พิจารณาน้ำตาลปั้นบนรถ “น้ำตาลปั้นนี่ทำไปทำมาก็แบบนี้ ไม่มีความหมายใหม่ๆ เลย”“มีความหมายใหม่อะไร น้ำตาลปั้นมีความหมายใหม่อีกเท่าไรก็เป็นน้ำตาลปั้น” ฟางจิ่วซิ่วเอ่ย“เจ้าทำการค้าเป็นหรือไม่เป็นกันนี่” ฟางอวี้ซิ่วขมวดคิ้ว “ที่เรียนไปก่อนหน้านี้เหล่านั้นเรียนเสียเปล่าแล้วรึ? ทำของแปลกใหม่ขึ้นมาบ้าง เพิ่มวัตถุดิบที่ดีขึ้นลงไปบ้าง ดึงดูดคนไง”“เจ้าสิวางแผนการรบบนกระดาษ” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย “ของบางอย่างใช้ความแปลกใหม่มาดึงดูดผู้คนได้ แต่นี่เป็นน้ำตาลปั้น มีเพียงพวกเด็กน้อยกิน กำไรน้อย แม้หน้าตาดึงดูดพวกเขาได้ แต่ที่มากกว่านั้นก็คือพวกเขาจะกินน้ำตาลสักอัน นอกจากนี้จะทำหน้าตาแปลกใหม่ก็ต้องศึกษา ต้องเสียวัตถุดิบมาก ที่เสียไปกับที่ได้มาไม่เหมาะสม”ฟางอวี้ซิ่วยิ้มแล้ว“พูดมากขนาดนั้น ไม่ใช่แค่คำเดียว ไม่มีเงินหรือ” นางว่าฟางจิ่นซิ่วถลึงตา“นี่มันสามคำ” นางเอ่ยฟางจิ่นซิ่วปิดปากหัวเราะคิกคักแล้ว“เฮ้อ จิ่นซิ่ว ถ้าไม่อย่างนั้นเอาเช่นนี้ ข้าออกเงินให้เจ้าก้อนหนึ่ง ถึงเวลาข้าแบ่งส่วนกำไรก็พอ” นางเอ่ยขึ้นฟางจิ่นซิ่วดื่มน้ำแล้ว วางกาน้ำให้ดี ก้มตัวเข็นรถ“ช่างเถอะ กิจการเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากขึ้น” นางเอ่ย “เจ้าเลิกมากวนกิจการน้อยๆ นี่ของข้าได้แล้ว”ฟางอวี้ซิ่วดึงนางไว้“ถ้าอย่างนั้นข้าแนะนำกิจการใหญ่อันหนึ่งให้เจ้าเป็นอย่างไร?” นางเอ่ยกิจการใหญ่อะไร?ฟางจิ่นซิ่วมองนาง ฟางอวี้ซิ่วส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้“จดหมายจากจวินเจินเจินถึงเจ้า” นางเอ่ยจวินเจินเจิน?ฟางจิ่นซิ่วลังเลชั่วครู่“ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าสองคนลักษณะไม่เข้ากัน” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ย “เจ้าอยู่ด้วยกันกับนางจะต้องพบปัญหามากมาย ข้าแนะนำว่าหากนางต้องการให้เจ้าทำอะไรล่ะก็ เจ้าก็คิดสักหน่อย”นางพูดคำนี้จบ ฟางจิ่นซิ่วก็คว้าจดหมายไป ยัดเข้าไปในอกเสื้อ เข็นรถตะโกนบอกว่าไปแล้วฟางอวี้ซิ่วมองแผ่นหลังของนางยิ้มแย้ม“ให้นางไปเมืองหลวงจะดีหรือ?” ฟางอวิ๋นซิ่วเดินออกมาจากข้างในท่าทางกังวล“น้องสามตอนนี้คิดตกแล้วปล่อยวางแล้ว” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ยขึ้น “นางมีความสามารถทำเรื่องที่ใหญ่กว่า ไม่อาจให้นางติดอยู่ที่หยางเฉิงขายน้ำตาลปั้นไปตลอดชีวิต”“เจินเจิน นางจะทำเรื่องใหญ่แบบไหน?” ฟางอวิ๋นซิ่วเอ่ยถามจดหมายที่จวินเจินเจินเขียนมาหาที่บ้านทุกเดือน นางก็อ่านแล้ว เรื่องของเต๋อเซิ่งชางสาขาเมืองหลวงที่เกี่ยวกับจวินเจินเจินนางก็อ่านแล้ว นางอ่านเจอแต่เปิดโรงหมอแห่งหนึ่งที่เมืองหลวงไม่ง่าย อย่างอื่นกลับมองไม่ออก“เจ้ารู้จักพระอาจารย์เนี่ยนจื้อกระมัง?” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ยขึ้นฟางอวิ๋นซิ่วหัวเราะ อย่าพูดถึงหยางเฉิง ทั้งซานซีไม่มีใครไม่รู้จักพระอาจารย์เนี่ยนจื้อพระอาจารย์เนี่ยนจื้อเป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อของหยางเฉิง เชี่ยวชาญพระธรรมและชะตา สายานุศิษญ์ชายหญิงมากมาย แม้กระทั่งบรรดาขุนนางของซานซีก็ไปมาหาสู่กับเขามากอยู่ ฟังท่านเทศนาธรรมบอกชะตา นับถือเป็นแขกสูงศักดิ์“อย่างอื่นไม่ต้องพูด พวกเราช่วงก่อนหน้านี้จะจับซ่งอวิ้นผิง ท่านย่าส่งน้องชายกับเจินเจินออกไป เหตุผลที่อ้างก็คือพระอาจารย์เนี่ยนจื้อบอกว่าบิดาไม่รู้จักบุตรบุตรไม่รู้จักบิดาก็จะคลี่คลายคำสาปนี้ได้” ฟางอวี้ซิ่งเอ่ยขึ้น คล้องแขนฟางอวิ่นซิ่วก้าวเข้าเต๋อเซิ่งชางบรรดาพนักงานในร้านคำนับอย่างนอบน้อมหลีกทาง“เหตุผลนี้พูดออกมา ซ่งอวิ๋นผิงไม่สงสัยสักนิด” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ยต่อ “ทำไมเล่า?”“เพราะเป็นคำที่พระอาจารย์เนี่ยนจื้อเอ่ย พระอาจารย์เนี่ยนจื้อชื่อเสียงเลื่องลือทำให้คนเชื่อหรือ?” ฟางอวิ๋นซิ่วเอ่ยขึ้นฟางอวี้ซิ่วพยัหน้า“ใช่แล้ว ก็ง่ายดายเช่นนี้ แต่ก็น่าเหลือเชื่อขนาดนี้” นางว่า “ทำได้ถึงขั้นพระอาจารย์เนี่ยนจื้อเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย”นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากด้วยซ่งอวิ้นผิงวางแผนมานานขนาดนั้น ถี่ถ้วนขนาดนั้น หากพบว่าจวินเจินเจินกับฟางเฉิงอวี่จากหยางเฉิงไป ย่อมต้องเข้าใจว่าสถานการณ์ประหลาดทันทีแน่ แต่ดันเพราะประโยคนี้ของพระอาจารย์เนี่ยนจื้อจึงผ่อนความระวังประมาทก็เพราะความเลินเล่อนี้เอง ทิศทางของเรื่องราวถึงเปลี่ยนไปจนหมดสิ้นนี่ก็คงเป็นหลักการของประโยคนั้นที่ว่าเขื่อนพันลี้พังเพราะรังมดกระมัง“ถ้าอย่างนั้นนางต้องการคนอย่างพระอาจารย์เนี่ยนจื้อ?” ฟางอวิ๋นซิ่วเอ่ยถาม“ข้าคิดว่าใช่” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ย “นางต้องการใช้วิชาแพทย์กลายเป็นอย่างพระอาจารย์เนี่ยนจื้อเช่นนั้นทำให้คนเชื่อถือ”“แต่ที่หรู่หนานนางไม่ใช่ทำได้แล้วเหมือนกันหรือ?” ฟางอวิ๋นซิ่วคิดนิดหนึ่งก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้ที่เมืองหลวงทำไมทำช้าเช่นนี้ ประหลาดนัก?”มีวิชาแพทย์ดีปานนั้นกลับไม่รับรักษาให้ใครก็ตาม แต่กลับใช้วิธีการประหลาดเป็นนักทำนายเปิดฉาก“ก็คงเป็นเพราะเมืองหลวงอยู่ไม่ง่ายละมั้ง” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ย “เรื่องใดล้วนต้องค่อยๆ ช้าๆ บางเวลาทีเดียวสร้างชื่อทั่วใต้หล้าก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเหมือนกันฟางอวิ๋นซิ่วพยักหน้า“ทำอย่างไรก็ดีทั้งนั้น ขอแค่นางเองคิดให้ดี” นางเอ่ยขึ้น…ฟางจิ่นซิ่วอยู่ในบ้านที่นางเช่ามา ไม่กว้างขวางแต่เก็บกวาดสะอาดสะอ้านเฉินชีแนะนำให้นางใช้เงินซื้อบ้าน แบบนี้ต่อให้กิจการน้ำตาลปั้นล้มเหลวก็ยังมีที่อยู่ แต่ฟางจิ่นซิ่วไม่สนใจใต้หล้ากว้างใหญ่ที่ไหนก็อยู่ได้นางนั่งอยู่ในลานมองจดหมายในมือ ใต้หล้ากว้างใหญ่ ไปเมืองหลวงงั้นหรือ? เมืองหลวงใหญ่กว่าไหมนะ?“แต่ ทำเรื่องใดล้วนมีลาภเคราะห์อยู่ด้วยกัน เจ้าต้องคิดให้กระจ่าง ข้าเพียงเชิญเท่านั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องตกลง”ฟางจิ่นซิ่วเบะปาก โยนจดหมายไปข้างหนึ่งเพียงแค่เชิญ แล้วเอ่ยคำเชิญกับกับข้าทำไม ไม่ไปเอ่ยกับคนอื่นเล่า? สงสารนางขายน้ำตาลปั้นอยู่ที่หยางเฉิงน่ะสิความสามารถที่ร่ำเรียนทำบัญชีมาอย่าได้เสียเปล่าอะไรร้านแลกเงินตระกูลฟางทำไม่ได้แล้ว ก็มาทำให้ตระกูลจวินเถอะฟางจิ่นซิ่วลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องโรงหมอตระกูลจวิน นางคิดว่านางแซ่จวินโรงหมอก็เป็นของตระกูลจวินจริงๆ แล้วรึ อย่าลืมว่านางยังเป็นหลานสาวของตระกูลฟาง ไม่ว่าทำสิ่งใดคนในโลกล้วนยังคงเชื่อมโยงนางกับตระกูลฟางเข้าด้วยกันเหมือนกับตนเช่นนี้ ถูกไล่ออกมา ไม่ได้เป็นคุณหนูสามแล้ว ก็ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฟางแล้วจริงหรือ?ดังนั้นสนมันไปใย อย่างไรก็เป็นเช่นนี้แล้ว อยากทำอะไรก็ไปทำเถอะฟางจิ่นซิ่วคว่ำหีบบนเตียงเตาดังพรึบ หยิบห่อผ้าใบหนึ่งออกมาอีกครั้งถ้าอย่างนั้นก็เก็บของเถอะ……………………………………….
คอมเม้นต์