Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 145 เทพเซียนผีปีศาจ
เสียงเคาะประตูปึงปึงปลุกผู้ดูแลใหญ่หลิ่วให้สะดุ้งตื่นจากนอนฝัน“อะไรเกิดอะไรขึ้น? คนหายไปแล้ว?” เขาตัวสั่นสวมเสื้อไปพลาง รีบร้อนเอ่ยถามไปพลาง รีบจนปากพ่นไฟก็ว่าแล้วว่าเด็กคนนี้ดูแลยากที่สุดเขานี่โชคร้ายอะไรกัน รับช่วงเด็กเช่นนี้ที่หยางเฉิงส่งมา“ไปถามเพื่อนบ้านด้านนั้นมาแล้วได้ยินว่ามีคนมาทุบประตู เหมือนจะมาขอให้รักษา” เด็กรับใช้เอ่ยท่านหมอเที่ยงคืนเจอคนมาขอให้รักษาก็ไม่ใช่เรื่องไม่เคยมี เพียงแต่ตอนนี้ท่านหมอคนนี้เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง“ก็บอกแล้วว่าให้ทิ้งสองคนไว้ทางนั้น เผื่อคนเที่ยงคืนมาขอให้รักษาเช่นนี้ อย่างไรก็เป็นบ้านผู้ชาย” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเดินไปมาในห้อง “นี่ดึกดื่นเที่ยงคืน ใครมาเรียกก็ตามเขาไปแล้ว ถ้าเกิดถูก…”ถูกหลอกถูกขายถูกฆ่า….ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสั่นเทายื่นมือยันเก้าอี้นั่งลงคงเอาชีวิตคนแก่ไปจริงๆ แล้ว“หา รีบไปหา” เขาเอ่ย“ท่านผู้ดูแลใหญ่ ไปหาที่ไหนเล่าขอรับ เที่ยงคืนไร้โคมไร้ไฟเช่นนี้ บนถนนแม้กระทั่งคนสักคนก็ไม่มี ถามยังไม่มีที่ให้ถาม อย่างไรก็ไม่อาจหาไปทุกบ้านทุกเรือนได้กระมังขอรับ” ผู้ดูแลหลายคนเอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจ“หาทุกบ้านทุกเรือนก็ไม่ใช่ไม่เคยมี” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วพึมพำเอ่ยขึ้นตอนนั้นที่หยางเฉิง ได้ยินว่าเด็กสาวคนนี้ไม่บอกที่บ้านสักคำอยู่ดีๆ คิดจะไปขุดสมุนไพรตอนกลางคืน ผลสุดท้ายนายหญิงผู้เฒ่าฟางคิดว่านางถูกจับตัวไปแล้ว ร้อนใจหยิบราชโองการออกมา ค้นหยางเฉิงจนทั่วจรดฟ้าสางหลังเรื่องนี้ คุณหนูจวินก็ออกจากหยางเฉิงมาเมืองหลวงแล้วผู้ดูแลใหญ่หลิ่วร้องอ๋อเข้าใจขึ้นบ้างบางทีนายหญิงผู้เฒ่าฟางคงทนไม่ไหวกับความวุ่นวายที่นางก่อจริงๆ ตามองไม่เห็นใจย่อมสงบ จึงส่งนางมาเมืองหลวงแล้วช่าง….ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยื่นมือคลึงขมับสูดลมหายใจหวาดวิตกนายหญิงผู้เฒ่านะนายหญิงผู้เฒ่า ท่านมองข้าสูงเกินไปแล้ว นี่เป็นถึงเมืองหลวงนะ ต่อให้ตระกูลฟางถือราชโองการก็อย่าคิดว่าจะค้นทุกซอกเมืองหลวงจนฟ้าสางได้“ไปหาเถอะ ไปหาเถอะ ไปที่ๆ ตามหาได้ หาเข้าเถอะ” เขาโบกมือไร้เรี่ยวแรง ตนเองก็ลุกขึ้นยืน…เวลานี้ในบ้านหลังหนึ่งโคมไฟสว่างทั่ว สาวใช้หญิงรับใช้ยืนอยู่ตรงทางเดินล้วนสีหน้าวิตก ในห้องเสียงร้องไห้แผ่วเบาลอยออกมา“ไม่ต้องร้องแล้ว ไม่มีอะไร”เสียงสตรีอ่อนโยนที่ยังติดจะเป็นเด็กอยู่บ้างลอยออกมาจากด้านในเช่นกัน ราวกับกำลังปลอบประโลมผู้หญิงบนเตียงน้ำตาไหลนองหน้า สีหน้าหวาดผวา ไหนเลยยังกระปรี้กระเปร่าอย่างยามกลางวันสักนิดอยู่ นางจับมือเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงแน่น ราวกับคว้าฟางช่วยชีวิต“เขามาทุกวัน ตั้งแต่ข้ามาเมืองหลวง เขาก็มาทุกวัน” นางร้องไห้เอ่ยขึ้น “ข้าไม่กล้านอนเลย ตอนแรกข้าไม่ได้ตั้งใจหนี ก็ข้ากลัวนี่ ข้าคิดว่าหากเกิดเรื่อง ยังเหลือทายาทไว้ให้เขาคนหนึ่งได้”นางพูดถึงเขาเขาซ้ำไปซ้ำมา บรรดาหญิงรับใช้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินใจผวาขวัญสะท้าน ยังมีสองคนสีหน้าไม่พอใจ อยากพูดอะไรแต่มองเด็กสาวที่นั่งข้างเตียงทีหนึ่งก็กลืนกลับลงไปเด็กสาวไม่สงสัยสักนิด ยิ่งไม่ใคร่รู้เอ่ยถามอะไรๆนางเพียงแค่มองไปทางทิศทางหนึ่ง“ไม่ นายท่านควั่งไม่โทษท่านหรอก แค่มีคำพูดจะพูดกับท่าน” นางเอ่ยเสียงของนางนุ่มนวล แต่หลายคนในห้องกลับดั่งลมหนาวพัดต้องใบหน้า ขนลุกขนชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองทิศทางที่นางมองอยู่ตรงนั้น มีอะไร?นอกจากนี้ นางรู้จักนายท่านควั่งได้อย่างไร?วิญญาณผีบอกนางหรือ?ในห้องเสียงอุทานตกใจแผ่วเบาดังขึ้น หญิงรับใช้หลายคนเบียดเข้าหากัน สีหน้าหวาดผวาตัวสั่นเทาเฉกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้นบนเตียงผู้หญิงกลัวจนพูดไม่ออกแล้ว คุณหนูจวินกำมือของนางแน่นอีกครั้ง“นายหญิง ข้าให้ยากับท่านก่อนแล้วกัน” นางว่าธูปหอมสองแท่งถูกหลิ่วเอ๋อร์จุดขึ้น กลิ่นยาหอมจางๆ กระจายในห้อง คนในห้องประหนึ่งพ่นลมหายใจเสียคำหนึ่งออกมา ละโมบสูดกลิ่นหอมนี้เข้าไป ในใจค่อยๆ สงบคุณหนูจวินหยิบขวดยาออกมาจากในหีบยาเทยาสองเม็ดออกมา หญิงรับใช้ประคองผู้หญิงนอนลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ป้อนยาให้นางทาน“ทุกคืนจุดธูปสงบจิต ค่อยกินยานี่เม็ดหนึ่ง กลางคืนก็ปลอดภัย นอนหลับสบายได้แล้ว” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้น ปิดหีบยาเห็นท่าทางนี้ของนางจะไปแล้ว ผู้หญิงรีบดิ้นรนยันร่างขึ้นมา“คุณหนูจวิน” นางรีบร้องเรียก “แบบนี้ใช้ได้แล้วหรือ?”“หลับสบายได้แล้ว” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ยบอก “หลับสบายได้ อาการป่วยของนายหญิงก็ดีขึ้นแล้ว”ผู้หญิงมองนาง แล้วมองหญิงรับใช้ด้านข้าง สีหน้าหญิงรับใช้สองคนยิ่งหนักใจ“คุณหนูจวิน” หญิงรับใช้คนหนึ่งก้าวมาข้างหน้า “โรคนี้รักษาต้นตอได้ไหมเจ้าคะ?”คุณหนูจวินมองนางยิ้ม“นอนหลับได้ดี ย่อมกำจัดต้นตอแล้ว” นางเอ่ยขึ้นหญิงรับใช้คนนั้นอยากพูดก็หยุดไป“จะหลับสบายได้หรือเจ้าคะ?” หญิงรับใช้อีกคนเอ่ยขึ้นท่าทางหวาดกลัวมองรอบในห้อง อย่างไรก็รู้สึกหนาวเยือกอยู่คุณหนูจวินยิ้ม“ถ้าอย่างนี้ พวกท่านย้ายบ้าน เปลี่ยนที่อยู่เถอะ” นางว่า “กินยาควบคู่ไปด้วยก็ไม่เป็นไรแล้ว”ย้ายบ้านผู้หญิงกับหญิงรับใช้สองคนสบตากัน“ค่ารักษานี่…” คุณหนูจวินเอ่ยต่อคำพูดยังไม่ทันพูดผู้หญิงคนนั้นก็โซเซลุกขึ้นมาจากเตียงคุกเข่าดังตึงลงกับพื้น“คุณหนูจวิน” นางน้ำตาคลออ้อนวอน “ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจกำจัดต้นตอได้”นางพูดพลางเดินเข่ามาหลายก้าวจับแขนเสื้อคุณหนูจวินไว้“คุณหนูจวิน ขอร้องท่าน ท่านถามนายท่านตระกูลข้าเรื่องหนึ่งที” นางเอ่ยสีหน้าหญิงรับใช้สองคนตระหนก ก้าวเข้าไปดึงผู้หญิงไว้“นายหญิง…ท่าน…” พวกนางจะเอ่ยห้ามคำพูดเพิ่งหลุดจากปากก็ถูกผู้หญิงขัดแล้ว“มาถึงตอนนี้แล้ว ยังปิดบังอะไร” นางเอ็ด “คุณหนูจวินยังมองออกว่าพวกเรามีความลำบาก เป็นฝ่ายมาแก้ความลำบากให้เอง ยังปิดบังนางทำอะไร? พวกเจ้าตอนนี้ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ? คุณหนูจวิน คุณหนูจวินมองเห็นนายท่านเชียวนะ ตอนนี้มีแต่ต้องถามนายท่านทางเดียวแล้ว ไม่อย่างนั้น ทุกคนไม่จากไปก็ต้องแห้งตายอยู่ที่นี่”หญิงรับใช้สองคนกลัวไม่กล้าเอ่ยวาจากแล้ว ผู้หญิงจับแขนเสื้อของคุณหนูจวินอีกครั้ง“คุณหนูจวิน ในเมื่อท่านมองเห็นนายท่าน ท่านก็ช่วยข้าถามเขาเรื่องหนึ่งเถอะ” นางเอ่ยเสียงสั่นคุณหนูจวินร้องอ้อทีหนึ่ง ไม่รอหญิงคนนั้นถามอะไรออกมา มองไปทางมุมกำแพงด้านนั้นยื่นมือออกมาชี้“สิ่งนั้นที่ท่านต้องการ อยู่ที่ในกำแพงนั่นแหละ” นางว่าคำพูดนี้ออกมาผู้หญิงกับหญิงรับใช้สองคนราวกับถูกสายฟ้าฟาด สีหน้าตะลึงงัน นิ่งไม่ขยับมองคุณหนูจวินพวกนางสิ่งใดล้วนยังไม่ทันพูดเลยนะนางก็รู้ว่าพวกนางต้องการถามอะไรเทพ…เทพเซียน? ผีปีศาจ?เสียงตึกทีหนึ่ง หญิงรับใช้สองคนก็คุกเข่าให้คุณหนูจวินแล้ว…ค่ำคืนอันเงียบสงบด้านในห้องเสียงเคาะติงติงตังตังดังขึ้น สาวใช้หญิงรับใช้หลายคนยกโคมกะเทาะกำแพงด้านหนึ่งอย่างระมัดระวัง แสงโคมส่องร่างของพวกนางเป็นเงาสลัวพาดสลับกันวุ่นวายในห้องคุณหนูจวินยืนอยู่ตรงทางเดินมองด้านในห้องควั่งไห่เจิ้น ขุนนางตรวจสอบกองทัพแห่งกองบัญชาการทหารเมืองหลวง เข้าคุกต้องโทษประหารเพราะคดีทุจริตคลังแสงที่ไถโจว ริบตำแหน่งที่ตกทอดถึงลูกหลาน สามรุ่นไม่อนุญาตให้เข้าเมืองหลวง ลูกหลานสามรุ่นไม่อนุญาติให้สอบเป็นขุนนาง“แม้ตอนนั้นยึดทรัพย์แล้ว แต่มือเก๋าสนามการเมืองเช่นนี้อย่างควั่งไห่เจิ้นล้วนมีสมบัติซุกซ่อนไว้”“สมบัติของเขาซ่อนอยู่ในรอยแตกกำแพงด้านขวาของเรือนข้างทิศตะวันออกในเรือนที่ตรอกเป่าหยวน”“ตอนนั้นควั่งไห่เจิ้นตายกะทันหัน ยังไม่ทันบอกตำแหน่งแน่ชัดกับลูกหลานคนในครอบครัว”“ผ่านไปสองปี คนตระกูลควั่งนั่งไม่ติด แต่ยังค่อนข้างฉลาด ให้เมียเก็บที่เลี้ยงไว้ลับๆ คนหนึ่งของควั่งไห่เจิ้นคนหนึ่งเข้าเมืองหลวงมา”“เมียเก็บคนนี้เพื่อให้ลูกชายได้รับการคุ้มครองของตระกูลควั่ง ยินดียืดอกเข้าหาอันตรายเข้าเมืองหลวงมาหาสิ่งของ”“นางคิดจริงๆ หรือว่าไม่มีใครรู้ตัวตนของนาง”ฟังถึงตรงนี้นางก็หันไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง“ถ้าอย่างนั้นพวกท่านทำไมไม่จับนางเล่า?” นางเอ่ยถามผู้ชายที่กอดนางในอ้อมแขนยิ้ม ใต้แสงจันทราใบหน้าอ่อนโยนกระจ่าง“ตอนนี้ไม่จำเป็นนี่แค่ปลาเล็กปลาน้อย นอกจากนี้เรื่องนี้ก็จบไปแล้ว หยิบขึ้นมาอีก ฮ่องเต้จะทรงไม่พอพระทัย” เขาเอ่ย “ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้เพิ่ม”สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ สำหรับนางเรื่องที่เดิมควรจะยิ่งไร้ประโยชน์ ตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มากแล้วเสียงฮือฮาวุ่นวายดังขึ้น ขัดความคิดล่องลอยของคุณหนูจวิน นางมองด้านในห้อง ได้ยินเสียงตื่นเต้นยินดีเบาๆหลายเสียงลอยมา“หาพบแล้ว หาพบแล้ว”นางยิ้ม แบกหีบยาขึ้นหลัง โบกมือให้หลิ่วเอ๋อร์ด้านหลังเดินออกไปทางด้านนอกเมืองหลวงที่ตกอยู่ท่ามกลางราตรีแห่งนี้ คฤหาสน์โอ่อ่าตระกูลใหญ่โตเท่าไรซุกซ่อนความลับที่ไม่อาจให้คนรู้ไว้ สำหรับคนมากมายแล้ว ความลับเหล่านี้เป็นปมในใจ เป็นความวิตก เป็นโรคร้ายที่ตัดสินความเป็นความตายส่วนนางก็มารักษาโรคใจเหล่านี้อาศัยไหวพริบ เลือกให้ถูก ลองเสี่ยงดวงรักษาเฉพาะโรคร้ายรักษายาก ได้ยาโรคหาย ฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดี……………………………………….
คอมเม้นต์