Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 144 ทดลองรับการรักษา
มีจริงหรือ?“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินนี่” นางเอ่ยขึ้นท่าทางสงสัยอยู่บ้าง “เปิดใหม่หรือ?”หญิงรับใช้พยักหน้า“เปิดใหม่เจ้าค่ะ แต่โด่งดังมากแล้ว” นางว่าได้ยินว่าโด่งดังนางกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร ตรงกันข้ามหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบข้าวและกับในชาม ขานรับไม่ใคร่สนใจ“นางน่ะเดินวนในเมืองมาหลายวันแล้ว เปิดโรงหมอจริง แต่ดันไม่ออกตรวจ บอกอะไรว่าจะเป็นหมอเร่ เดินไปเดินมาในเมือง ทำให้คนรำคาญยิ่งนัก” หญิงรับใช้เอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้นเรื่องเล่าลือหัวถนนท้ายซอยเช่นนี้พวกนางชมชอบที่สุด“เปิดกิจการใหม่ ทั้งยังอายุนอ้ย กิจการไม่ดี ยากเลี่ยงกวนชาวบ้านล่ะนะ” นายหญิงคีบอาหารคำหนึ่งทานพลางเอ่ยขึ้น“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ก็รอนางเอ่ยประโยคนี้ ตบมือ “ไม่ใช่ไม่มีคนมาหานางขอรักษา หานางแล้ว นางกลับไม่ตรวจ”ไม่ตรวจ?นายหญิงกัดตะเกียบ แล้ววางลงยกชามน้ำแกงขึ้นมา“ตรวจไม่ไหวงั้นรึ” นางเอ่ยขึ้นตาม หยิบช้อนน้ำแกงตักคำเล็กขึ้นมา“ตรวจไหวไม่ไหวไม่ทราบเจ้าต่ะ แต่นางจะไม่ตรวจ” หญิงรับใช้เอ่ยขึ้น คิ้วเลิกสูง “หวังเฉาซื่อของตรอกไหวฮวาคนนั้น นายหญิงก็รู้จักนี่เจ้าคะ นางเรียกคนผู้นี้ ผลสุดท้ายคนผู้นี้กลับบอกว่าอาการป่วยของหวังเฉาซื่อไม่คู่ควรให้นางตรวจ”พูดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้หัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว“ทำหวังเฉาซื่อโกรธจนหน้าเบี้ยวไปเลย”นายหญิงกลับไม่หัวเราะ ช้อนน้ำแกงที่ยกขึ้นชะงัก“ทำไมไม่คู่คววรให้นางตรวจ?” นางเอ่ยถาม“ไม่รู้เจ้าค่ะ ฟังความหมายนั่นไม่ใช่บอกว่าตรวจไม่ได้ แต่อาการป่วยของหวังเฉาซื่อไม่หนักหนา นางยังแนะนำให้หวังเฉาซื่อไปให้หมอท่านอื่นตรวจ” หญิงรับใช้เอ่ยขึ้น พูดพลางปิดปากหัวเราะ “น่าขำหรือไม่เจ้าคะ นางเองก็เป็นหมอ มีคนป่วยให้นางตรวจโรค นางกลับไล่คนไปหาหมอ”นายหญิงยังคงไม่หัวเราะ ขานรับทีหนึ่ง แล้ววางช้อนน้ำแกงลงนางไม่ตรวจให้หวังเฉาซื่อ บอกว่าไม่คู่ควรให้นางตรวจ แต่กลับเรียกตนเองไว้ตอนเดินผ่านบนถนน ใช่บอกว่าโรคของนางคู่ควรให้นางตรวจหรือไม่?แม้กล่าวว่าทุกคนเท่าเทียม แต่พระพุทธองค์ช่วยคนมีวาสนานางมองเห็นอะไรกันแน่ถึงเป็นฝ่ายขวางตนเองไว้?“นายหญิง?”เสียงของหญิงรับใช้ดังขึ้นนายหญิงได้สติกลับมาดันชามตะเกียบออก“จองโรงเจไว้แล้วใช่ไหม?” นางเอ่ยถาม “พวกเยี่ยนเหนียงแจ้งหมดแล้วสินะ”หญิงรับใช้เข้าใจ ที่แท้นายหญิงเหมือนคิดเรื่องนี้อยู่ ก็ใช่ หมอเร่นั่นก็ดี หวังเฉาซื่อก็ดีล้วนเป็นเรื่องของผู้อื่น ไม่เกี่ยวข้องกับพวกนาง“เจ้าค่ะ จองเรียบร้อยแล้ว คนในวัดบอกว่าวันนี้ยังมีคนยินดีมาร้องเล่นละครอีก พวกเราทานอาหารยังดูละครได้ด้วย” นางหัวเราะเอ่ยขึ้นนายหญิงยิ้มพยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมออกจากบ้านกันเถอะ” นางเอ่ยหญิงรับใช้ขานรับหมุนตัวจะออกเดินก็ถูกนายหญิงเรียกไว้“ของพวกนี้เอาเก็บเถอะ” นางเอ่ยขึ้นอาหารนี่แทบจะไม่แตะเลยนะ หญิงรับใช้มองทีหนึ่งไม่กล้าถามมากขานรับ…เมื่อแสงอัสดงมาเยือน จางเป่าถังก็มาหยุดยืนด้านนอกโรงหมอจิ่วหลิง มองป้ายโรงหมอ แล้วก็ลังเลอยู่บ้างก้าวเข้ามาพนักงานสองคนที่นั่งงีบหลับอยู่ตรงตู้ยารีบลุกขึ้นยืนคนด้านนอกประตูก้าวเข้ามา นี่เป็นชายหนุ่มกำยำคนหนึ่งคนผู้นี้ดูไปแล้วท่าทางดุร้ายใช่คุณหนูจวินเป็นหมอเร่ทำคนโกรธมาหาเรื่องแล้วหรือเปล่า?พนักงานสองคนสีหน้ากังวลอยู่บ้างมองผู้มาเยือนจางเป่าถังสีหน้าก็กังวลอยู่บ้างเหมือนกันว่าตามหลักแล้ว ลูกค้ามาถึงก็ต้องต้อนรับสักหน่อยสิ แม้จะบอกว่าโรงหมอไม่เหมือนกิจการอย่างอื่น ไม่อาจต้อนรับลูกค้าอย่างกระตือรือร้นได้ แต่อย่างน้อยก็พูดสักประโยคเถอะสองฝ่ายด้านนอกด้านในสบตากันชะงักค้างอย่างประหลาด“ขอเรียนถาม ท่านหมอจวินอยู่ไหม?” จางเป่าถังได้แต่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเองพนักงานสองคนยังคงกังวลอยู่บ้าง“ไม่ ไม่อยู่” พวกเขาเอ่ย“ยังไม่กลับมาหรือ?” จางเป่าถังเอ่ยขึ้น ตนเองดูแลตนเองเสียเลย นั่งลงตรงม้านั่งยาวสำหรับคนรอตรวจในห้องโถง “ท่านหมอจวินให้ข้ามา ข้ารอสักครู่แล้วกัน”คุณหนูจวินให้มา?ในที่สุดก็หลอกลูกค้ามาได้แล้ว?พนักงานสองคนสบตากันทีหนึ่ง มองความนัยในดวงตากันและกัน“ขอรับ ขอรับ ท่านรอสักครู่”“คุณหนูจวินจะกลับมาแล้ว”พวกเขาเพิ่งได้สติกลับมารีบเอ่ยทักทาย กำลังจะพูดก็มีเสียงกระดิ่งดังมาจากด้านนอก ในเวลาเดียวกันหลิ่วเอ๋อร์ก็แบกธงก้าวเข้ามา“กลับมาแล้ว” พนักงานทั้งสองรีบเอ่ยขึ้นจางเป่าถังก็ลุกขึ้นยืนด้วย มองคุณหนูจวินที่เดินเข้ามา คุณหนูจวินก็มองเห็นเขาแล้วเช่นกัน“ท่านมาแล้ว” นางยิ้มเอ่ยขึ้นจางเป่าถังรีบคำนับ ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร“คุณหนูจวิน” เขาเอ่ยขึ้นอย่างโง่งม“นั่งเถอะ ข้าล้างมือสักเดี๋ยวจะมาฝังเข็มให้ท่าน” คุณหนูจวินว่าไม่ได้เอ่ยคำกล่าวตามมารยาทมากเกินไปนัก แล้วไม่ได้ชวนคุยเรื่อยเปื่อย ง่ายๆ สบายๆ เช่นนี้เหมือนกับคุ้นเคยไม่ต้องพูดจามากมายจางเป่าถังโล่งใจ ความขัดเขินเพราะจูจั้นไม่ได้มาเป็นเพื่อนถดถอยลงไปแล้วตอนเช้าจูจั้นมาบอกเขาว่าให้เขามาตรวจ เดิมทีเขาคิดว่าจูจั้นจะมาด้วยกันกับเขา ผลปรากฏว่าจูจั้นไม่สนใจสักนิด แม้รู้สึกว่าเรื่องนี้เดิมก็ไม่จำเป็นอยู่บ้าง แต่ในเมื่อจูจั้นพูดแล้วเขาก็ไม่กล้าไม่ฟัง มาอย่างว่าง่ายคุณหนูจวินล้างมือแล้ว ถือเข็มทองออกมาจากหีบยา“ถอดเสื้อออก” นางยิ้มเอ่ยขึ้นว่าตามหลักแล้วเด็กสาวคนหนึ่งบอกกับตนเองให้ถอดเสื้อ ตนเองคงตกใจวิ่งหนีแล้ว แต่เด็กสาวคนนี้พูดแล้วจางเป่าถังไม่ได้รู้สึกอึดอัดมากนักดูท่าคงเพราะสีหน้าและน้ำเสียงนี่ของนาง ทำให้คนรู้สึกว่าเป็นหมอที่เชื่อถือได้คนหนึ่งจริงๆจางเป่าถังถอดเสื้อตัวนอกออกตามคำบอก เผยหัวไหล่ออกมาคุณหนูจวินยื่นมือกดนวดหัวไหล่เขาอยู่ครู่หนึ่งจึงฝังเข็มช้าๆหลิ่วเอ๋อร์จุดโคมยกขึ้นยืนอยู่ด้านข้าง…“ผู้ชายมาคนหนึ่ง” เด็กรับใช้ที่ยืนอยู่มุมถนนบอกผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเสียงเบาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมองด้านในโรงหมอจิ่วหลิงอย่างระวัง ลอดประตูไปมองเห็นคุณหนูจวินกำลังฝังเข็มให้ชายหนุ่มคนนั้น เขาผ่อนลมหายใจ“ก็บอกแล้วว่าตรวจโรค” เขาถลึงตามองเด็กรับใช้ทีหนึ่ง “พวกเจ้าพูดจาเหลวไหล”เด็กรับใช้หดหัว มองไปทางโรงหมอจิ่วหลิงอีกครั้ง“แต่ ท่านผู้ดูแลใหญ่ ผู้ชายคนนี้กับคนนั้นเมื่อเช้าไม่ใช่คนเดียวกัน” เขาเอ่ยพึมพำผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสบถทีหนึ่ง“อย่ามาทั้งวันผู้ชาย ผู้ชาย ดูให้มากหน่อยว่ามีผู้หญิงมาหรือไม่” เขาเอ่ยผู้หญิงที่ลางร้ายคนนั้น คงจะไม่มาแล้วล่ะมั้งเดิมทีก็เป็นเรื่องไร้สาระน่าขันราตรีมืดมิด หญิงที่เที่ยวเล่นเหนื่อยมาทั้งวันสีหน้าเหน็ดเหนื่อย บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้ปลดมุ้งลงวางโคมไฟกลางคืนไว้หนึ่งดวง ทยอยถอยออกไปข้างในข้างนอกล้วนตกจมสู่ความเงียบ ผู้หญิงที่นั่งอยู่ในมุ้งกลับลุกขึ้นมา นางมองด้านนอกประตูความหวาดกลัวผุดพรายขึ้นมาบางส่วน ในเวลาเดียวกันก็คลำขวดใบน้อยใบหนึ่งออกมาจากใต้หมอน เปิดฝาออกเผยใบสนเต็มไปหมดออกมานางมองใบสนเหล่านี้ สีหน้าสับสน“นายหญิง ท่านไม่อยากรักษาอาการป่วยนี้ก็ช่างเถิด แต่หากอยากให้ค่ำคืนสงบขึ้นหน่อยอยู่สบายสักหลายวัน ก็โปรยใบสนกำหนึ่งไว้ข้างประตู เช่นนี้มันก็จะไม่กล้าเข้ามาแล้ว”เสียงของเด็กสาวคนนั้นสะท้อนก้องอยู่ในหูคืนวานนางโปรยใบสนข้างประตูจริงๆ นอกจากนี้นางก็หลับสบายมากจริงๆนานขนาดนี้นางหลับสบายขนาดนี้เป็นครั้งแรกนี่บังเอิญใช่หรือไม่? หรือเป็นผลจากจิตใจ?เรื่องนี้เป็นความลับเช่นนี้ นอกจากนางไม่มีบุคคลที่สองรู้ หมอเร่ของโรงหมอจิ่วหลิงที่เปิดกิจการใหม่นั่นจะรู้ได้อย่างไร?ผู้หญิงมองใบสนครู่หนึ่งก็ปิดฝายัดเข้าไปข้างหมอนนอนลงหลับตาค่ำคืนยิ่งดึกขึ้นทุกที เงียบขึ้นทุกที ท่ามกลางความเงียบนี้กลับเหมือนมีเสียงเอะอะอยู่นิดผู้หญิงที่เหมือนกับหลับลึกฉับพลันลืมตาโพลงคนทั้งร่างเกร็งขึ้นมา นางค่อยๆ มองไปทางประตู ก็เห็นมุ้งในห้องที่ไร้ลมขยับไหวเปิดออกอย่างแรง ในสายตาปรากฏคนผู้หนึ่งกำลังก้าวเข้ามาจากด้านนอกประตูผู้หญิงส่งเสียงกรีดร้องทีหนึ่ง คว้าขวดใบสนข้างหมอนเขวี้ยงไปเสียงนี้ทำให้เรือนหลังเล็กอันเงียบสงบวุ่นวายขึ้นมา โคมไฟค่อยๆ จุดสว่าง เสียงฝีเท้าแห่มา“นายหญิง นายหญิง”พร้อมกับเสียงร้องตะโกนของหญิงรับใช้สาวใช้ที่แห่เข้ามาผู้หญิงคนนั้นล้มลุกคลุกคลานจากบนเตียงนอนลงมาด้วย โถมเข้าไปในอ้อมกอดของหญิงรับใช้เวรกลางคืน“เร็ว รีบไปเชิญหมอเร่คนนั้น” นางร้องเสียงหวาดกลัว……………………………………….
คอมเม้นต์