Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 143 เรื่องน่าขำ
จูจั้นมองนางอย่างเย็นชา“น่าขำรึ?” เขาเอ่ย “ท่านหมอคนหนึ่งใช้อาการป่วยมาหลอกคนตามใจ”คุณหนูจวินเก็บเสียงหัวเราะ“ตอนนั้นท่านอยู่บนเขาหลายวันแล้ว น้ำอาหารไม่พรั่งพร้อม คอแห้ง ท่านพูดมากขนาดนั้นย่อมทำให้คอแห้งจนเจ็บ” นางว่า “ข้าให้ท่านคาบกิ่งไม้ ท่านก็พูดน้อยลงแล้วยังมีน้ำลายมากขึ้นให้ความชุ่มชื้น คอจึงดีขึ้นมาก นี่ยังไม่ใช่รักษาอาการป่วยหรือ”พูดจบไม่รอจูจั้นเอ่ยวาจา ตัวนางเองก็หัวเราะฮ่าฮ่าแล้วจูจั้นมองนางอย่างเย็นชาคุณหนูจวินหัวเราะเงยหน้าขึ้น ยกมือปิดปาก ตอนนี้ถึงกดเสียงหัวเราะไว้ได้“อาการหัวไหล่เจ็บของสหายท่านไม่ใช่กระแทกเคล็ด” นางปรับสีหน้าเอ่ยขึ้น “เขาเป็นหวัดไอเส้นปราณปอดบาดเจ็บชักพาให้เกิด ท่านถามเขาดูได้ช่วงก่อนหน้านี้ตากฝนมาใช่หรือไม่ เป็นตอนนั้นแหละที่ฝังต้นเหตุโรคไว้”จูจั้นยังคงมองนางไม่พูดจา“ตอนนี้เขาอายุน้อยร่างกายแข็งแกร่ง ทานยากระตุ้นเลือดสลายเลือดคั่งนิดหน่อย แปะแผ่นยาหลายแผ่นก็ไม่ปวดแล้ว แต่รอถึงยามแก่ชรา โรคปวดที่สั่งสมในแขนข้างนี้จะเอาแขนข้างนี้ของเขาไป” คุณหนูจวินเอ่ยจูจั้นแค่นเสียง มองบนจรดล่างประเมินนางทีหนึ่ง“เท่าไร?” เขาเอ่ยขึ้นคุณหนูจวินเม้มปากบิ้ม“เดิมทีข้าอยากบอกว่าไม่เอาเงิน” นางว่า“เอาต้นเซียนจื่ออิงมาแลกใช่หรือไม่”จูจั้นเอ่ยต่อคุณหนูจวินหัวเราะอีกครั้งความคิดของคนผู้นี้เฉียบไหวจริงๆ“ในเมื่อตอนนี้ต้นเซียนจื่ออิงไม่มีแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็…” นางเอ่ยขึ้นจูจั้นเอ่ยขัดนาง“ติดไว้ก่อน” เขาบอก กอดอกมองนาง “ไม่ใช่แค่ต้นเซียนจื่ออิงต้นหนึ่งหรือ ข้าหาให้เจ้าอีกต้นก็ได้”คุณหนูจวินพยักหน้า“ดี” นางเอ่ย คิดนิดหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นท่านกับองค์หญิงจิ่วหลิง…”จูจั้นยกมือขัดคำพูดนางอีกครั้ง“คุณหนูจวิน” เขาเอ่ยขึ้น “ทำไมท่านมาเมืองหลวงข้าไม่สนใจ เจ้ากับข้าเคยมีข้อแลกเปลี่ยนกัน ก็เพียงแค่แลกเปลี่ยนเท่านั้น เงินไปของมาสองฝ่ายไม่ติดค้าง เจ้ากับข้าเป็นคนผ่านทาง ตอนนี้ข้ามาหาเจ้า มาหาหมอถามอาการ ส่วนเรื่องอื่น พวกเราไม่มีความจำเป็นต้องพูดกัน”เขาไม่ได้ล้อเล้น ใต้แสงสีครามขมุกขมัวที่ห้อมล้อมอยู่ หน้าตาของเขาเคร่งขรึม มองไม่เห็นรอยยิ้มเสแสร้งแกล้งโง่แล้ว มีเพียงความเหินห่างพันลี้ที่ไม่ปิดบังสักนิดคุณหนูจวินหัวเราะ“ได้” นางเอ่ย “กลางวันข้าไม่อยู่บ้าน วันพรุ่งนี้ท่าน…”พูดถึงตรงนี้นางมองท้องฟ้าด้านนอกทีหนึ่ง ทิศตะวันออกฟ้าสว่างแล้ว“วันนี้พลบค่ำท่านให้สหายของท่านมา ข้าจะฝังเข็มประคบร้อนให้เขา” นางเอ่ย “ตอนนี้ข้าจะให้ยาท่านไปก่อน ให้เขากินก่อนหนึ่งขนาน”จูจั้นมองนางนิ่งไม่ขยับ“ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ท่านจะรอที่นี่หรือข้างล่าง?” คุณหนูจวินเอ่ยถาม พลางเดินไปทางห้องน้ำจูจั้นตอนนี้ถึงนึกได้ ผู้หญิงคนนี้ยังสวมเสื้อตัวในอยู่เขาแค่นเสียงทีหนึ่ง ยกเท้าเหยียบหน้าต่าง ค่อยหันไปมองเด็กสาวที่เข้าไปในห้องน้ำแล้วช่างไม่รู้จักอายจริงๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าผู้ชายแล้วยังบอกให้ผู้อื่นรอในห้องไม่ใช่คนปกติจริงๆเขาก้าวเดียวกระโดดออกไป เกาะชายหลังคากิ่งไม้ทีสองทีก็ลงมาถึงพื้นเขาเงยหน้ามองบนหอ เมื่อครู่เขายังคิดว่าในลานมีต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้สมควรถูกคนปีนหน้าต่างเข้าบ้าน ตอนนี้ดูแล้ว คนก็ไม่โง่เหอะไม่รู้เนื้อรู้ตัวฟ้าก็สว่าง เวลานี้โดยปกติก็เป็นเวลาตื่นนอนของเขาแล้วจูจั้นขยับร่างกายด้วยความคุ้นชิน มองดูในลานมีหลักไม้แท่งหนึ่งตั้งอยู่ เห็นได้ชัดว่าไว้ใช้ต่อยหลักไม้คนเก็บสมุนไพรจูจั้นแค่นเสียงขึ้นจมูกอีกครั้งคนเก็บสมุนไพร คนเก็บสมุนไพรที่ทั้งตัวพกอาวุธลับไว้ตลอดเวลา นอนหลับยังวางการป้องกันไว้ด้วย หลอกผีเรอะเขาก้าวไปข้างหน้าต่อยหลักไม้ดังปึงปังคุณหนูวันนี้ตื่นเช้าเชียวหลิ่วเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนชั้นสองพลิกกายพึมพำหลายประโยค นอนหลับไปอีกครั้งเหมือนเช่นเคยหลังคุณหนูออกกำลังกายจะอาบน้ำ หลังจากนั้นถึงแต่งตัวทำผม ถึงเวลานั้นนางค่อยลุกมาเตรียมอาหารเช้าก็ได้จูจั้นต่อยสิบแปดท่า คุณหนูจวินฝั่งนี้ก็ลงมาด้านล่างแล้ว“หลักไม้ของข้าเป็นอย่างไร?” คุณหนูจวินเอ่ยถาม“ก็งั้นๆ” จูจั้นเอ่ยขึ้น ตบหลักไม้ทีหนึ่งเดินตามไปยังเรือนด้านหน้าบนถนนเริ่มมีคนเดิน เป็นเวลาที่บรรดาแผงร้านตลาดกลางคืนเก็บร้านกลับบ้าน พนักงานสองคนก็มาถึงด้านหน้าโรงหมอจิ่วหลิงพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แม้เดิมทีผู้ดูแลใหญ่หลิ่วจัดการให้พวกเขาคอยรับใช้ที่นี่เฝ้าประตู แต่คุณหนูจวินบอกว่าไม่จำเป็น ดังนั้นพวกเขาทุกวันตอนเช้าถึงมาเปิดประตูปัดกวาดงานนี้สบายนัก แต่สองพนักงานกลับไม่ยินดี“สบายมีประโยชน์อะไร พวกเรานี่มาเล่นเป็นเพื่อนคนแล้ว ถึงเวลาเปิดต่อไปไม่ได้ปิดกิจการไป พวกเราก็เสียเวลาเปล่า”“ใช่แล้ว เจ้าไม่ได้เห็นซูปาที่เข้ามาพร้อมกันกับพวกเรา หลายวันก่อนถูกย้ายไปติดตามทำงานให้ผู้ดูแลหวงแล้ว”“ผู้ดูแลหวงหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ใกล้จะได้เป็นคนกลางส่งของแล้วใช่หรือไม่”“ใช่สิ อนาคตมีโอกาสได้นั่งโต๊ะแล้ว”สองคนพูดพลางใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา กำลังจะยื่นมือหยิบกุญแจเปิดประตูประตูบานนี้ด้านในด้านนอกล้วนเปิดออกได้ โดยทั่วไปแล้วพวกเขาเป็นคนเปิด เพราะทางที่ไปเรือนด้านในยังมีประตูอีกแต่ครั้งนี้เพิ่งแตะประตูก็ได้ยินเสียงกลอนประตูด้านในดังขึ้น เปิดออกมาทั้งสองคนยังไม่ทันตอบสนองก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา“ถ้าอย่างนั้นตอนค่ำค่อยมา”เสียงคุณหนูจวินลอยมาจากด้านในด้วยพนักงานสองคนยืนค้างอยู่นอกประตู มองชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งเดินออกมาเรื่องอะไรกัน?จูจั้นมองพนักงานสองคนนี้ก้าวยาวจากไป“พวกเจ้ามาแล้ว” คุณหนูจวินก็มองเห็นพวกเขาด้วย คิดนิดหนึ่ง “มาเอายา”นางชี้จูจั้นที่เดินไปแล้วพนักงานสองคนพยักหน้างงๆ เค้นรอยยิ้มบางออกมาคุณหนูจวินหมุนตัวเข้าไปแล้วพนักงานสองคนยังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู สองคนสบตากันทีหนึ่ง ต่างมองเห็นความตระหนกในแววตาอีกฝ่ายนี่ฟ้ายังไม่สว่างผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านในเอายา?ก็พออ้างไปได้ อย่างไรโรคร้ายก็ไม่รอใคร เที่ยงคืนเคาะประตูเรียกหมอก็มีมากไปเพียงแค่เอายา ไม่ต้องลงกลอนประตูกระมังนอกจากนี้ กลางคืนค่อยมา หมายความว่าอย่างไร?มาเอายาอีกหรือ?ทำไมกลางวันมาไม่ได้?…“ผู้ดูแล ผู้ดูแล”เด็กรับใช้ด้านนอกตะโกนสุดเสียงวิ่งเข้ามาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วที่กำลังจะทานอาหารเช้าขมวดคิ้วเคี้ยวข้าวและกับไม่สนใจเด็กรับใช้หยุดยืนตรงหน้าเขา“คุณหนูจวินทางนั้น เกิดเรื่อง” เขากดเสียงเบาเอ่ยขึ้นปากของผู้ดูแลใหญ่หลิ่วหยุดนิ่ง มองไปทางเขามีคนมาโวยวายแล้วหรือ?แม้บอกว่าไม่สน แต่เขายังให้พวกเขาจับตาดูโรงหมอจิ่วหลิง ดูว่าเมื่อวานผู้หญิงที่ถูกบอกว่ามีลางร้ายจะมาโวยวายหรือไม่“ผู้ชายคนหนึ่งฟ้ายังไม่สว่างก็ออกมาจากคุณหนูจวินที่นั่น” เด็กรับใช้เอ่ยต่อเสียงเบาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสำลักพรืด อาหารที่กำลังกลืนลงคอสำลักจนไอติดต่อกัน เด็กรับใช้รีบเช็ดให้เขาวุ่นวาย“ผู้ชายไหน? พูดเหลวไหลอะไรกัน!” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วผลักเขาออกตวาดอย่างไม่สบอารมณ์“จริงขอรับ” เด็กรับใช้เอ่ยขึ้น “คนด้านนั้นล้วนเห็นกันหมด ฟ้ายังไม่ทันสว่างเลยก็เดินออกมาจากด้านในประตู”พูดแล้วก็ขยิบตา“อายุน้อย หล่อเหลา” เขาเอ่ยเสริมอายุน้อย หล่อเหลา ทำไมฟังแล้วอกุศลขนาดนั้นเล่า?ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสบถสองที“ให้พวกเจ้าเฝ้าดูโรงหมอจิ่วหลิง ให้พวกเจ้าเฝ้าดูว่ามีคนมาหาเรื่องหรือไม่ พวกเจ้ามัวแต่ไปดูอะไรหะ” เขาตวาดไม่สบอารมณ์เด็กรับใช้ร้องอ๋อ“ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องดูว่ามีหรือไม่มีผู้ชายมาหรือขอรับ?” เขากดเสียงเบาเอยถามคำพูดนี้ทำไมฟังดูแล้วอกุศลขนาดนี้นะผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยกมือขึ้นตีเขา“นี่เป็นโรงหมอ ที่คุณหนูจวินเปิดคือโรงหมอ ด้านในโรงหมอล้วนเป็นคนที่มาพบหมอเอายา ไม่แบ่งชายหญิงผู้เฒ่าเด็ก ที่มาล้วนเป็นลูกค้า” เขาเอ่ยด่า “พวกเจ้าตาเฉหัวใจก็เอนเอียงไปด้วยแล้ว คิดอะไรๆ ไปกันหมด”เด็กรับใช้ถูกตีกุมศีรษะยอมรับผิดหลายที“ไป ไป ไป” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วร้องด่าเด็กรับใช้รีบกุมศีรษะวิ่งออกไปผู้ดูแลใหญ่หลิ่วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โกรธจนหอบ ใช้แขนเสื้อพัดลมเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ดีๆ เปิดโรงหมออะไร นี่ก็คือความไม่สะดวกของผู้หญิงชายหนุ่ม อายุน้อย หล่อเหลา ฟ้ายังไม่สว่างผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสะบัดศีรษะ ไล่ความคิดอกุศลเหล่านั้นไป แต่ก็ขมวดคิ้วเคร่งเด็กสาวคนนี้ทำตามใจชอบที่เมืองหลวง ไม่มีผู้ใหญ่สักคนดูแล นี่ ได้จริงหรือ?ดูสิเพิ่งมาได้ไม่กี่วันเท่านี้ก็ก่อเรื่องจนคนรู้จักกันหมดแล้วกลุ้มจะตายแล้วจริงๆยังลืมถามเรื่องหลักอีกผู้ดูแลใหญ่หลิ่วรีบตะโกนเรียกเด็กรับใช้อีกครั้ง“มีคนมาโวยวายที่โรงหมอไหม?” เขาเอ่ยถามเด็กรับใช้ส่ายศีรษะไม่ได้โวยวายรึ“ถ้าอย่างนั้นมีคนมาขอแก้ลางร้ายหรือไม่?” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วลองถามขึ้นอีกลางร้าย?เด็กรับใช้ถูกถามงงไปครู่หนึ่ง“แก้ลางร้ายทำไมต้องมาโรงหมอล่ะขอรับ?” เขาอดไม่ได้ถามขึ้นถามข้า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วพิงกลับไปที่เก้าอี้โบกมือให้เด็กรับใช้ออกไปส่วนในคฤหาสน์ในตรอกเมื่อวาน ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทานอาหารเช้า เพียงแต่ชามตะเกียบด้านหน้าไม่ขยับ นางมองนอกหน้าต่างราวกับจิตใจไม่สงบอยู่บ้างหญิงรับใช้คนหนึ่งรีบร้อนเข้ามา“นายหญิง สืบมาชัดแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขึ้น “คนผู้นี้เป็นหมอเร่จริงๆ ที่ถนนก็มีโรงหมอจิ่วหลิงแห่งหนึ่ง”……………………………………….
คอมเม้นต์