Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 139 ลวงโลก
จูจั้นสีหน้าอดรนทนไม่ไหว“เดินเดิน อยู่ที่นี่พูดไร้สาระอะไร” เขาเอ่ยแต่เหล่าชายหนุ่มกลับไม่ขยับ มองคุณหนูจวินสนใจอย่างยิ่ง“เจ้าเป็นจริงรึ” ชายหนุ่มผู้ใบหน้าสีทองแดงเก่าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น คิดนิดหนึ่ง “พักนี้ข้ามักจะปวดหัวไหล่ เจ้าดูให้หน่อยสิว่าเป็นอะไร?”คุณหนูจวินยังไม่ทันเอ่ยคำ จูจั้นก็สบถทีหนึ่ง“เป็นอะไร แค่ทุ่มข้ามไหล่ทีหนึ่งเจ้าล้มจนต้องแกล้งป่วยเชียวรึ” เขาเอ่ยไม่สบอารมณ์บรรดาชายหนุ่มหัวเราะขึ้นมาคุณหนูจวินก็หัวเราะด้วย“ไหล่ขวาเจ็บสินะ?” นางเอ่ย “เหมือนเข็มตำ กลางวันไม่เจ็บ กลางคืนเจ็บ”สิ้นเสียงนาง ชายหนุ่มคนนั้นก็ร้องเอ๋เบิกตาโต“ใช่!” เขาเอ่ย “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”“เพราะข้าเป็นหมอไง” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ยขึ้น หลางก้มหน้าเปิดหีบยา “ข้าฝังเข็มให้ท่านสองที แล้วให้ยาท่านขนานหนึ่ง”รักษาให้จริงๆ ด้วยถ้าอย่างนั้นวันนี้ที่บังเอิญพบกันที่นี่ เป็นบุตรชายเฉิงกั๋วกงกับคุณหนูจวินนัดกันไว้ก่อนแล้วรึ?เป็นไปไม่ได้หรอกแม้เชื่อฟังคำสั่งของนายน้อยไม่เข้าไปยุ่งธุระของคุณหนูจวิน แต่เขาก็ให้คนจับตาตลอดเวลาไม่เห็นคุณหนูจวินกับบุตรชายเฉิงกั๋วกงไปมาหากัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนัดกันคงเป็นพบโดยบังเอิญ คุณหนูจวินเดินวนมั่วไปทั่วเช่นนี้ก็เพื่อบังเอิญพบบุตรชายเฉิงกั๋วกง ตอนนี้ในที่สุดก็พบแล้วในเมื่อทั้งสองคนรู้จักกัน แล้วก็เห็นคุณหนูจวินบอกว่าเป็นหมอเร่แล้ว สหายข้างกายก็บอกว่าไม่สบายด้วย ไม่ว่าจริงหรือหลอก ให้คุณหนูจวินรักษาเป็นพิธีย่อมไม่มีปัญหาบุตรชายเฉิงกั๋วกงเหตุเพราเฉิงกั๋วกง ในเมืองหลวงจึงคบหามิตรสหายมากมาย ในกองทัพยิ่งนับถือเขามีบุตรชายเฉิงกั๋วกงป่าวประกาศ โรงหมอจิ่วหลิงของคุณหนูจวินนี่แปบเดียวก็จะมีชื่อแล้วใครให้บุตรชายเฉิงกั๋วกงเดิมก็เป็นคนดังคนหนึ่งเล่าผู้ดูแลใหญ่หลิ่วโล่งใจ คุณหนูจวินมีแผนของตนเองจริงๆได้ยินคุณหนูจวินพูดเช่นนี้ ชายหนุ่มที่บอกว่าหัวไหล่เจ็บก็ระริกระรี้อยากลอง“เอาสิ” เขาเอ่ยกำลังจะเดินออกมา แขนยาวของจูจั้นก็พรึบทีหนึ่งจับไว้ดึงกลับมา“ดีอะไรเล่า” จูจั้นเอ่ยไม่สบอารมณ์ ถลึงตามองคุณหนูจวินทีหนึ่ง “ลวงโลก”พูดจบก็หมุนตัวจากไป“ไปได้แล้ว”ชายหนุ่มที่อยู่ที่นั่นมึนงงนี่ไปจริงๆ หรือว่าแกล้งไป?ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็อึ้งไปเหมือนกัน อยากจะปฏิเสธหรือตอบรับ?“พวกเจ้าไปไม่ไป? ไม่ไป วันหลังก็ไม่ต้องมาเที่ยวเล่นกับข้า”เสียงจูจั้นดังมาจากด้านหน้าบรรดาชายหนุ่มสีหน้าลำบากใจมองคุณหนูจวินทีหนึ่ง“แม่นางน้อยดูท่าทำให้น้องรองจูไม่พอใจไม่เบา” ชายหนุ่มดวงหน้าขาวสะอาดขยิบตาให้คุณหนูจวินเอ่ยขึ้น พลางขยับปาก “ขอโทษด้วย พวกเราก็ไม่กล้าทำให้เขาไม่พอใจ”พูดจบก็หัวเราะก้าวยาวไล่ตามไปชายหนุ่มที่เหลือก็มองคุณหนูจวินทีหนึ่ง ก้าวเร็วตามไปด้วยแม้คนเหล่านี้ไม่ได้มองตัวเขา แต่ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็อึดอัดจนทั้งร่างแข็งทื่อทำเช่นนี้ได้อย่างไร…ที่แท้เป็นรักเขาข้างเดียวหรือ?นั่นก็ไม่แปลก บุตรชายเฉิงกั๋วกงแต่ไหนแต่ไรไม่เคยไว้หน้าใคร ไม่ว่าใคร พระญาติเชื้อพระวงศ์ชายหญิงผู้เฒ่าเด็ก เขาแต่ไหนแต่ไรล้วนทำตามอำเภอใจน่าอึดอัดเกินไปแล้วภาพน่าอึดอัดเหลือเกินเช่นนี้ตนเองยังไงก็รีบหลบเถอะ เลี่ยงไม่ให้แม่นางน้อยรับไม่ได้มากกว่าเดิมผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก้มหน้ากำลังจะหมุนตัว กลับได้ยินเสียงคุณหนูจวินลอยมา“จูจั้น ข้าเปิดโรงหมอแล้ว อยู่ตรงถนนนี่เอง ยังเป็นชื่อเดิม”เสียงของนางอ่อนโยนทั้งยังเบิกบานอยู่บ้าง ไม่ต้องพูดถึงร้องไห้ อึดอัดสักนิดก็ไม่มีผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเงยหน้าขึ้น บรรดาชายหนุ่มที่เดินออกไปหันกลับมาเช่นกันเด็กสาวคนนั้นยืนอยู่ที่เดิมสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนกับหลังพบหน้าพูดคุยกันเบิกบานยิ่งนักบอกลา“แม่นางน้อยคนนี้น่าสนใจ” ชายหนุ่มดวงหน้าขาวสะอาดดึงจูจั้นไว้อีกครั้งเอ่ยขึ้น “รู้จักได้ย่างไร? ใครกัน? ทำไมไม่สนใจผู้อื่นเล่า?”จูจั้นยังคงหน้าไม่หันก้าวยาวไปข้างหน้า“คนที่รู้จักข้ามากไป ทำไมข้าต้องสนใจ” เขาเอ่ยขึ้นชายหนุ่มดวงหน้าขาวสะอาดกอดไหล่ของเขา หันกลับไปเด็กสาวยังคงยืนอยู่ตรงนั้นทั้งมองจูจั้น“พี่รอง เจ้าใช่เสียท่าในมือผู้อื่นมาใช่หรือไม่” เขาหัวเราะเอ่ยขึ้นจูจั้นหัวเราะแห้งๆ สองทีสลัดมือเขาออก เพิ่มความเร็วฝีเท้าผู้คนหัวเราะตามไปไม่ได้หันหน้ากลับไปมองคุณหนูจวินอีกคุณหนูจวินก็รั้งสายตากลับมาเช่นกัน รอยยิ้มบนหน้ายังไม่จางหายไป“คุณหนู นี่ใครหรือเจ้าคะ?” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัยหลิ่วเอ๋อร์ไม่เคยพบจูจั้น ทั้งตอนที่หรู่หนานและเมืองหลวงนางล้วนไม่ได้อยู่ข้างๆคุณหนูจวินเล่าเรื่องของจูจั้นให้หลิ่วเอ๋อร์ฟังง่ายๆ นิดหน่อย แน่นอนเล่าเพียงรู้จักกันได้อย่างไรและเข้าเมืองมาบังเอิญพบกันอีกได้อย่างไร รายละเอียดไม่ได้บอก แค่นี้ก็พอทำให้หลิ่วเอ๋อร์ฟังจนทั้งตกใจทั้งดีใจทั้งไม่พอใจ“คนผู้นี้ไม่ดีกับคุณหนูสักนิด” นางว่า “ต่อไปคุณหนูไม่ต้องสนเขานะเจ้าคะ”ต่อให้บุตรชายเฉิงกั๋วกงฐานะสูงศักดิ์ แต่ไม่ดีกับคุณหนู หลิ่วเอ๋อร์ก็ไม่คิดจะไว้หน้าเขาคุณหนูจวินยิ้มแล้วเขาไม่ดีกับคุณหนูจวิน วาจาไม่เกรงใจ แล้วก็ไม่มีเจตนาจะผูกมิตรสักนิดด้วย เป็นคนผ่านทางคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิงแต่เขาดีกับองค์หญิงจิ่วหลิงไม่เลว อย่างน้อยก็ระหกระเหินมาถึงหน้าสุสานมอบดอกไม้ดอกนั้นให้ตอนนางมีชีวิตอยู่ คนที่มอบดอกไม้ให้นางมากมายหลังตายไป คนที่จดจำได้มอบดอกไม้ให้นางล้ำค่ายิ่งนักรักษาสัญญากับคนเป็นคนหนึ่งไม่นับเป็นอะไร ใครๆ ล้วนยินดีทำ อย่างไรชื่อก็แสดงต่อหน้าคน รักษาสัญญากับคนตายคนหนึ่งกลับดั่งสวมอาภรณ์งามท่องราตรี ไม่มีความหมายอะไรเรื่องที่ไม่มีความหมายเรื่องนี้ยังจะไปทำ คนผู้นี้นับได้ว่าเป็นวิญญูชนคนหนึ่ง แม้การกระทำของจูจั้นตรงไหนก็ไม่ใกล้เคียงกับวิญญูชนเลยก็ตาม“เขาก็ดีนะ” นางถอนหายใจเอ่ยขึ้นผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเดินเข้ามาได้ยินประโยคนี้พอดี มีรสชาติแปลกแปร่งอยู่บ้าง แต่ก็เข้าใจอยู่บ้างบุตรชายเฉิงกั๋วกงแม้มาเมืองหลวงไม่มาก แต่ชื่อเสียงระบือลือไกล ชาติตระกูลนี่นิสัยนี่บวกกับหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม เป็นหนึ่งในบุคคลที่บรรดาหญิงสาววัยเยาว์มากมายในเมืองหลวงเฝ้าฝัน ที่แถบเหนือบรรดาหญิงสาวร้อนแรงเหล่านั้นยิ่งร้ายกาจ ได้ยินว่ามีคนแขวนคอฆ่าตัวตายเพื่อบุตรชายเฉิงกั๋วกงมาแล้วสำหรับเด็กสาวเหล่านี้แล้ว ไม่สนใจหรอกว่าคนผู้นี้ทำอะไร เขาก็แค่ดีที่สุดผู้หญิงแต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีเหตุผลแบบนี้แม้เป็นเช่นนี้ แต่มีบางคำเขาก็ยังต้องเตือนสักหน่อย“คุณหนูจวิน ท่านต้องการเชิญบุตรชายเฉิงกั๋วกงให้ช่วยเหลือหรือ?” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยถามเข้าประเด็น“ช่วยอะไรรึ?” คุณหนูจวินถามกลับไม่เข้าใจอยู่บ้าง“คุณหนูจวิน ข้ารู้ว่าท่านคิดจะคราวเดียวทำให้คนตะลึง แต่บุตรชายเฉิงกั๋วกงฝั่งนี้เกรงว่าคงทำไม่รอด” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยขึ้นเดิมทีคิดว่าผูกมิตรมาพอ แต่ดูท่าทีนี้ของจูจั้นเป็นการหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้ชัดๆเด็กสาวไม่รู้จักหนักเบา คิดว่าอาศัยหน้าตาดีก็ทำให้เรื่องสำเร็จตามใจเอื้อมมือคว้าได้ย่อมผิดมหันต์จูจั้นคนเช่นนี้ไม่ไว้หน้าหรอก แล้วก็ไม่ให้นางใช้ประโยชน์ด้วย ไม่แน่ว่าโรงหมอจิ่วหลิงที่เมืองหลวงนี่คงต้องปิดกิจการแล้วคุณหนูจวินได้ยินพลันเข้าใจ หัวเราะออกมา“ข้าไม่เคยคิดให้เขาช่วย” นางเอ่ยขึ้น ส่ายศีรษะ “เรื่องนี้เขาช่วยอะไรได้”ความหมายนี้ฟังดูแล้วดูถูกบุตรชายเฉิงกั๋วกงหรือ?คิ้วผู้ดูแลใหญ่หลิ่วขมวดยิ่งไม่เข้าใจ จะเอ่ยคำพูดก็เห็นสีหน้าคุณหนูจวินเคร่งขรึมขึ้นมา“คนที่ข้ารอมาแล้ว” นางว่านางกำลังรอคนอยู่จริงๆ?ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วตะลึงมองตามสายตาของคุณหนูจวินไป เห็นผู้หญิงหลายคนเดินมาจากปากตรอกนั่นเป็นหญิงงามอายุราวสามสิบปีคนหนึ่ง ข้างกายมีสาวใช้สองคนหญิงรับใช้เฒ่าคนหนึ่งห้อมล้อม ถือถุงใบใหญ่ใบน้อย ราวกับจับจ่ายซื้อของข้างนอกกลับมา บนหน้ายังคงพกร้อยยิ้ม เห็นชัดว่าอารมณ์ดียิ่งนักนี่ใครกัน?คุณหนูจวินกำลังรอนาง? หรือว่าเป็นคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง? แต่ไม่ถูกสิ คนใหญ่คนโตไม่มีที่เขาไม่รู้จักนอกจากนี้ผู้หญิงคนนี้ท่าทางก็ไม่เหมือนไม่สบายด้วยผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสีหน้าไม่เข้าใจ คุณหนูจวินพาหลิ่วเอ๋อร์เดินเชื่องช้าเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วกระดิ่งในมือส่งเสียงในตรอกใสกังวานแต่ไม่หนวกหู กลับกันปลอบประโลมคนอยู่นิดๆเสียงนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของกลุ่มหญิงผู้นี้ พวกนางเงยหน้ามองมาเช่นกัน คุณหนูจวินเดินมาถึงตรงหน้าพวกนางแล้ว ราวกับจะเดินเฉียดผ่านไป แต่สายตากวาดมองทีหนึ่งกลับหยุดฝีเท้าลง ถอยหลังก้าวหนึ่ง ยืนอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนี้“นายหญิงผู้นี้” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยน “ข้าเห็นว่าท่านมีลางร้าย”แม่เจ้า!ลูกตาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วหวิดจะถลนออกมาทำอะไรน่ะ! เกริ่นผิดแล้วมั้ง?เขามองไปบนธงที่หลิ่วเอ๋อรถืออยู่ ไม่ผิดนี่ เขียนว่ารักษาเฉพาะโรคร้ายรักษายาก ได้ยาโรคหาย ฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดีนี่ ไม่ใช่ทำนายแม่นทายทักโชคชะตาดีร้ายแก้เคราะห์ขจัดภัยสักหน่อยลางร้ายนี่ออกมาได้อย่างไรเล่า?……………………………………….
คอมเม้นต์