Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 138 บังเอิญพบกันอีกครั้งในตรอกแคบ
ตอนที่ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วตามมา คุณหนูจวินก็พาหลิ่วเอ๋อร์เดินวนไปพักหนึ่งแล้วอำนาจของหวังเฉาซื่อเห็นชัดนัก ที่ๆ ไปถึงไม่ใช่สายตาระแวงอย่างก่อนหน้าแล้ว แต่เป็นเสียงหัวเราะเยาะและความไม่พอใจ“คนนี้แหละบอกว่าไม่รักษาคนจนไม่มีเงิน”“บอกว่าไม่ใช่ใครก็เชิญนางได้”“ถึงกับพูดเช่นนี้? แม่นางน้อยแบบนี้ นางมีความสามารถอะไรรึ?”หมอเร่ที่เป็นหมอเร่ ประการแรกก็เพื่อรักษาคนที่อยู่ห่างไกลไม่สะดวกพบหมอเหล่านั้น ประการที่สองเดินทางรักษาชาวบ้านที่ไม่มีเงินหาหมอเหล่านั้น ถือยาถูกเหล่านี้ รับเงินค่าตรวจไม่กี่อีแปะ ตนเองเก็บเล็กผสมน้อยเลี้ยงปากท้อง ส่วนผู้อื่นก็ซื้อความหวังที่จะมีชีวิตแต่คุณหนูจวินตอนนี้ไม่เพียงไม่ฟังคำแนะนำไปเป็นหมอที่ชนบทนอกเมืองหลวง ตรงกันข้ามกลับปฏิเสธการรักษาคนที่มาขอตรวจ นี่นับว่าทำลายชื่อเสียงอย่างสิ้นเชิงแล้ว“จะลองดูสิใครกันคู่ควรให้นางรักษา”“อายุน้อยทำไมจิตใจเป็นเช่นนี้เล่า”“พูดประโยคนั้นออกมาได้อย่างไร ยังมีหน้าบอกว่าตนเองเป็นหมออีก”ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบด้าน รู้สึกถึงสายตาโกรธแค้นชิงชัง ต่อให้เป็นผู้ดูแลใหญ่หลิ่วผู้ได้รับและส่งสายตาเหยียดหยามเย็นชาสารพัดแบบมาครึ่งชีวิตก็ยังรู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง แต่มองเด็กสาวสองคนด้านนี้ไม่มีไม่สบายสักนิดคุณหนูจวินใจไม่มีวอกแวก คนรอบด้านมองนางอย่างไรล้วนไม่สนใจ และเมื่อคุณหนูจวินไม่สนใจ หลิ่วเอ๋อร์ย่อมไม่สนใจด้วยถึงขั้นถือเป็นความภาคภูมิใจพวกเจ้าคนเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติให้คุณหนูของข้ารักษา สมควรอิจฉาริษยาจุดนี้ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วนับถือพวกคุณหนูจวินนายบ่าวยิ่งนักคุณหนูจวินนายบ่าวเดินผ่านตรอกเส้นหนึ่งอย่างรวดเร็วยิ่ง กระดิ่งในมือไม่เคยหยุด เขย่าเป็นจังหวะอยู่เสมอ เสียงเดียวซ้ำซากอยู่มาก แต่ฟังแล้วกลับไม่ทำให้คนรู้สึกรำคาญเมื่อเข้าไปในตรอกแคบแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มเจ็ดแปดคนก็เดินออกมาจากด้านในประตูเรือนหลังหนึ่ง ไม่รู้ว่าพูดอะไรกันส่งเสียงหัวเราะครื้นเครงเมื่อเสียงหัวเราะดังขึ้น ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็เห็นคุณหนูจวินที่เดินเอื่อยอยู่ด้านหน้าหยุดยืนกะทันหันคงจะหลบเลี่ยงคนพวกนี้สินะตรอกนี้ไม่ใหญ่ ชายหนุ่มเจ็ดแปดคนนี้รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ออกันออกมาเหมือนจะยึดเต็มตรอกคนเหล่านี้หันหลังให้ฝั่งนี้ ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วจำใครไม่ได้ เพียงแต่มองแผ่นหลังบรรยากาศล้วนไม่ธรรมดาเช่นกัน เขาก็หยุดยืนด้วย แต่ตอนที่เขาเพิ่งหยุดยืนนี่เอง คุณหนูจวินพลันยกเท้าพุ่งไล่ตามคนเหล่านั้นไป“จูจั้น” นางร้องเรียกจูจั้น?ชื่อนี้เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ในใจผู้ดูแลใหญ่หลิ่วคิดขึ้น หลังจากนั้นก็มองเห็นบรรดาชายหนุ่มด้านหน้าหยุดฝีเท้าหันกลับมาแต่มีคนหนึ่งไม่หันกลับมา ยังคงก้าวยาวเดินส่ายไปข้างหน้า“จูจั้น!” คุณหนูจวินร้องเรียกอีกครั้ง ไม่กี่ก้าวก็ไล่ไปทันคนเหล่านี้ด้านหน้าชายหนุ่มคนนั้นยังคงไม่หันกลับมา ตรงกันข้ามกลับเพิ่มฝีเท้าเร็วขึ้นบรรดาชายหนุ่มที่หยุดฝีเท้ามองแม่นางน้อยคนนี้แล้วก็มองดูชายหนุ่มด้านหน้า สีหน้าต่างกันไป บางคนหัวเราะขึ้นมาคุณหนูจวินไม่ได้หวาดกลัวสายตาสำรวจของพวกเขา ตัดตรงดิ่งผ่านระหว่างพวกเขาไป คว้าแขนชายหนุ่มที่เดินไปข้างหน้าไว้“เฮ้ย!” ชายหนุ่มราวกับแมวแตะโดนน้ำสะดุ้งโหยง สะบัดแขนของนางออก ในที่สุดก็หันกลับมาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมองเห็นหน้าของชายหนุ่มคนนี้แล้ว หน้าตาหล่อเหลาใต้แสงตะวันของฤดูร้อนแจ่มชัดเป็นพิเศษ แล้วก็ทำให้ทั้งตัวทั้งใจของผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเย็นวูบในพริบตา ขับไล่ความอบอ้าวออกไปแม้ชายหนุ่มคนนี้น้อยครั้งจะปรากฏตัวที่เมืองหลวง แต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัวล้วนจุดเรื่องครึกโครมให้เมืองหลวงพักหนึ่ง ไม่ว่าอายุสิบสองหรืออายุยี่สิบสองดังนั้นผู้ดูแลใหญ่หลิ่วรู้จักเขาบุตรชายของเฉิงกั๋วกง จูจั้นแต่ที่ทั้งร่างทั้งหัวใจเย็นวูบนี้ ไม่ใช่เพราะเห็นบุตรชายเฉิงกั๋วกงที่นี่บุตรชายเฉิงกั๋วกงถูกสามกรมสอบสวน คำตัดสินสุดท้ายของฮ่องเต้ยังไม่ตัดสินลงมา ตามหลักแล้วเวลานี้ท่านชายควรถูกกักตัวอยู่ที่ศาลต้าหลี่หรือคุกขององครักษ์เสื้อแพร แต่นั่นก็แค่ตามหลักเท่านั้น ผู้ใดเห็นเขาเตร็ดเตร่บนถนนก็คงไม่ประหลาดใจมีอะไรน่าประหลาดใจเล่า เขาเป็นบุตรชายเฉิงกั๋วกงนะ ทำเรื่องอะไรก็ไม่ประหลาดที่ทำให้เขาทั้งตัวทั้งใจเย็นวูบก็คือคุณหนูจวินถึงกับรู้จักกับบุตรชายเฉิงกั๋วกงผิด นี่ไม่ใช่เพียงคุณหนูจวินรู้จักบุตรชายเฉิงกั๋วกง ก็เหมือนกับตนเอง เหมือนกันคนมากมายในเมืองหลวง ทุกคนล้วนรู้จักเขา แต่เขาไม่ได้รู้จักทุกคนพวกเขารู้จักกัน คุณหนูจวินจำบุตรชายเฉิงกั๋วกงได้ บุตรชายเฉิงกั๋วกงก็จำคุณหนูจวินได้แม้บุตรชายเฉิงกั๋วกงก้าวยาวไปข้างหน้าไม่สนใจคุณหนูจวิน แต่นี่ในสายตาของคนอายุเช่นนี้อย่างผู้ดูแลใหญ่หลิ่วไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น ตรงกันข้ามยิ่งพิสูจน์ว่าสองคนนี้จำกันได้ ไม่เช่นนั้นบุตรชายเฉิงกั๋วกงคงไม่จงใจแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเช่นนี้เจ้าดูสิ คุณหนูจวิน คว้าแขนของบุตรชายเฉิงกั๋วกงแล้ว!การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่เด็กสาวคนใดจะกล้าทำกับบุตรชายเฉิงกั๋วกง!ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเบิกตาโตดู บุตรชายเฉิงกั๋วกงสลัดมือของคุณหนูจวิน แต่ไม่ได้โกรธ“เจ้าทำอะไร! อย่ามาจับนู่นจับนี่ผู้อื่น” จูจั้นถลึงตาตวาดขึ้น แล้วกดเสียงลงอีก “ที่นี่ไม่ใช่หรู่หนาน”คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว“ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” นางหัวเราะเอ่ยขึ้นพวกเขาพูดกัน ชายหนุ่มคนอื่นก็เดินเข้ามาพกพาความสงสัยใคร่รู้อยู่บ้างประเมินคุณหนูจวิน มีชายหนุ่มดวงหน้าขาวสะอาดคิ้วเรียวดวงตายาวคนหนึ่งกอดไหล่จูจั้น ยิ้มให้คุณหนูจวิน“ใครกันล่ะนี่?” เขายิ้มเอ่ยขึ้น “แนะนำหน่อยสิ”หัวไหล่จูจั้นเคลื่อนหลุดจากเขา“ไม่รู้จัก” เขาเอ่ยขึ้น“ไม่รู้จัก คนเรียกชื่อเจ้าอยู่” ชายหนุ่มยิ้มเอ่ยขึ้นจูจั้นแค่นเสียง“ช่วยไม่ได้ ก็ข้าดึงดูดสายตาคนปานนี้” เขาว่าบรรดาชายหนุ่มหัวเราะขึ้นมาแม้หัวเราะอยู่ สายตาก็สังเกตคุณหนูจวิน เห็นบนหน้าของนางไม่มีความหวาดกลัววิตกสักนิด แม้กระทั่งเขินอายก็ไม่มี ถึงขนาดยังหัวเราะไปด้วยกันกับพวกเขาอีกนี่คนคุ้นเคยนี่นอกจากนี้เด็กสาวคนนี้ช่างเป็นตัวของตัวเองไม่อย่างนั้นจะถึงขั้นเฉยๆ สบายๆ ต่อหน้าจูจั้นได้อย่างไร“คุณหนู” หลิ่วเอ๋อร์อุ้มธงตามเข้ามา ร้องเรียกสายตาของเหล่าชายหนุ่มจับบนธงสีสดที่หลิ่วเอ๋อร์ยกอยู่“รักษาเฉพาะโรคร้ายรักษายาก ได้ยาโรคหาย ฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดี” ชายหนุ่มดวงหน้าขาวสะอาดอ่านออกมา สีหน้าประหลาดใจมองไปทางคุณหนูจวินอีกครั้ง มองหีบยาที่นางสะพายหลังอยู่ รวมถึงกระดิ่งที่ถืออยู่ในมือ “เจ้า เป็นหมอ?”คุณหนูจวินขานรับ“หมอเร่” นางยิ้มเอ่ยออกมา ย่อเข่าคำนับหมอเร่?บรรดาชายหนุ่มเหล่านี้ย่อมรู้จักว่าหมอเร่คืออะไร สีหน้ายิ่งประหลาดใจ“คุณหนูเป็นหมอจริงๆ รึ”“เจ้ารักษาโรคอะไรได้”พวกเขาแย่งกันเอ่ยถามผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเวลานี้ในใจพ่นลมหายใจ เข้าใจอยู่บ้างแล้วก็ประหลาดใจอยู่บ้างพูดเช่นนี้ คุณหนูจวินจะตามหาบุตรชายเฉิงกั๋วกงที่ช่วยนางสร้างชื่อได้สินะหลายวันมานี้วนไปเวียนมาก็เพื่อพบเขาสินะผู้ดูแลใหญ่หลิ่วอดไม่ได้พยักหน้าเทียบกับบุตรชายเฉิงกั๋วกงแล้ว อาการป่วยของหวังเฉาซื่อไม่คู่ควรให้พูดถึงจริงๆแต่บุตรชายเฉิงกั๋วกงจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือเหมือนคุณชายสิบหนิงหรือ?ได้ยินคำถามของบรรดาชายหนุ่ม คุณหนูจวินก็ยิ้มแย้มตอบทีละคำถาม“ข้าเป็นหมอสิ”“ข้ารักษาโรคได้มากมาย”บรรดาชายหนุ่มมองประเมินนางด้วยสีหน้าคลางแคลง“เจ้าอายุเท่าไร? เป็นหมอไม่ใช่อายุมากถึงรักษาได้มากมายหรือ?” ชายหนุ่มดวงหน้าขาวสะอาดยิ้มตาหยีเอ่ยถามคุณหนูจวินยิ้ม“ถึงข้าจะอายุน้อย แต่ข้ามีพรสวรรค์ฉลาดเฉลียวไง” นางว่าชายหนุ่มดวงหน้าขาวสะอาดอดไม่ได้หัวเราะพรืด พวกชายหนุ่มคนอื่นก็สีหน้าพิกลหัวเราะออกมาเหมือนกัน“มิน่ารู้จักกับน้องรองจูได้” ชายหนุ่มกระแอมสองทีตบไหล่จูจั้นยิ้มเอ่ยขึ้น “ที่แท้ล้วนเป็นคนฉลาดนี่เอง”คำพูดนี้ฟังดูแล้วไม่ใช่คำชมอันใดในใจผู้ดูแลใหญ่หลิ่วที่ยืนอยู่ไม่ไกลคิด แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก คนฉลาดทำไมไม่ใช่คำชม……………………………………….
คอมเม้นต์