Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 111 เพียงเพื่อให้สุสานเปล่าเปลี่ยวมีบุปผาบาน
คุณหนูจวินมองคนที่ก้าวไวๆ อยู่เบื้องหน้าหลังเดินไปช่วงหนึ่ง ด้านหน้าก็เห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งเลือนรางที่ซึ่งอยู่ตอนนี้ยังคงห่างจากเมืองหลวงไม่ไกล เต็มที่ก็แค่ไม่กี่ลี้หมู่บ้านใกล้เมืองหลวงไม่กี่ลี้ก็มีอยู่ไม่กี่แห่งนั่นทิศทางนี้ตอนนี้คุณหนูจวินชะงักเท้ามองไปรอบด้านแล้วมองไปด้านหน้าคฤหาสถ์สกุลลู่คุณหนูจวินมองเงาร่างเลือนลานในความมืดของราตรีไปที่นั่นมีวิธีรับมือลู่อวิ๋นฉีหรือ?คฤหาสน์สกุลลู่มีอะไรจัดการเขาได้คุณหนูจวินในใจถอนหายใจตอนลู่อวิ๋นฉีเกิดมาเสียมารดา สิบขวบเสียบิดา ในบ้านไร้ครอบครัวสหายปกป้อง อาศัยเกาะเพื่อนร่วมงานองครักษ์เสื้อแพรของบิดาขอข้าวกินเลยไม่อดตาย คฤหาสน์สกุลลู่นี้แม้กระทั่งบ้านเขายังไม่มี เขาไม่นับที่แห่งนี้เป็นบ้านนานแล้ว นอกจากสุสานบรรพชนสุสานบรรพชนคุณหนูจวินเหม่อลอยอยู่บ้างพูดไปแล้วหลังตนเองตาย จะได้ฝังร่วมกันท่านพ่อท่านแม่หรือเปล่านะ?ท่านพ่อด้วยฐานะองค์รัชทายาทกับท่านแม่ฝังร่วมกันในสุสานหลวง ตนเองเล่า? ใช่ได้ฝังหลับใหลเคียงข้างสุสานของบิดามารดาหรือไม่?คุณหนูจวินทันใดนั้นก็คิดได้ว่าตนเองรอหลังฟ้าสว่างควรไปที่ใด ไปสุสานหลวงอันห่างไกลนั่นดูสักครั้งเถอะตาของนางขัดเคืองอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าความเจ็บปวดหรือทนมาหนึ่งคืนนี้เป็นเหตุ ทันใดนั้นนางก็ไม่อยากตามจูจั้นต่อแล้วพูดให้ถึงที่สุดแล้ว เขากับนางก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันด้วยนางมองข้างหน้าสายตาราวกับพริบตาเปลี่ยนเป็นหมอกขมุกขมัว เหมือนกับกลางหมึกเข้มน้ำใสหยดหนึ่งหยดลงไป จากนั้นน้ำใสมากขึ้นทุกทีก็เทลงไป ความมืดยามราตรีถดถอยกลายเป็นแสงสีครามขมุกขมัว ทิศตะวันออกค่อยๆ เป็นสีขาวราตรีผ่านพ้น เช้าตรู่มาเยือนเงาร่างท่ามกลางแสงสีครามขมุกขมัวเปลี่ยนเป็นยิ่งชัดเจนขึ้นตาม เวลานี้เดินอยู่ในทุ่งโล่งสะดุดตามากเขาพลันชะงักเท้า คุณหนูจวินลังเลนิดหนึ่งยืนอยู่ในพุ่มไม้หนาทึบไม่ขยับไม่คิดจะก้าวออกไปทักทายแล้ว ไม่ให้เขาค้นพบตนเองแล้วเขาไม่ได้หันกลับมา ยื่นมือดึงหนวดบนหน้า ใต้แสงสีครามขมุกขมัวเผยใบหน้าด้านข้างหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาเป็นจูจั้นอย่างที่คิด เทียบกับตอนที่แยกกันที่เมืองหวยชิ่ง เขาไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างใดเขายื่นมือลูบหน้า ขนคิ้วเข้มขมวดขึ้นมาราวกับไม่พอใจอยู่บ้าง หลังจากนั้นก็ม้วนแขนเสื้อ ก้มตัวรูดหยาดน้ำค้างบนต้นไม้ใบหน้าข้างทางมาเช็ดหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ฝ่ามือแล้วฝ่ามือเล่า หลังจากครั้งแล้วครั้งเล่าหลายครั้งถึงลุกขึ้นตัวตรง ลูบหน้าเผยรอยยิ้มพึงพอใจหากเวลานี้มีกระจกล่ะก็ คุณหนูจวินไม่สงสัยเลยว่าเขาจะต้องหยิบออกมาส่องดูอย่างละเอียดสักทีแน่ตั้งแต่แยกกันที่เมืองหวยชิ่ง เขาไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใดจริงๆ ยังคงไม่อาจเข้าใจได้เช่นนี้จูจั้นใช้มือแตะหยาดน้ำค้างจัดเส้นผม ลูบเสื้อผ้า บนเสื้อผ้าที่ผ่านการต่อสู้วุ่นวายคืนวานยับยู่ยี่ยุ่งเหยิงรวมถึงแต้มย้อมไปด้วยรอยเลือดฝุ่นดินรอยยับยู่ยี่กับฝุ่นดินผ่านการตบก็หายไป แต่รอยเลือดลำบากอยู่บ้าง จูจั้นลูบน้ำค้างฝ่ามือหนึ่งตั้งใจเช็ดรอยเลือดตรงชายเสื้อ แต่รอยเลือดกลับยิ่งลากยาวย้อมเป็นแถบใหญ่ขึ้นเขาหงุดหงิดอยู่บ้างตบชายเสื้อ พึมพำประโยคตหนึ่งยอมแพ้แล้วอะไรสักอย่าง จัดเสื้อผ้ายืดหลังตรงก้าวยาวไปข้างหน้าอีกครั้งคนผู้นี้ลืมว่าตนเองกำลังถูกไล่ตามจับแล้วใช่หรือไม่?หรือเขามั่นใจขนาดนั้นว่าคนขององครักษ์เสื้อแพรจะหาเขาไม่พบ?คุณหนูจวินหันกลับมาด้านหลังร่าง ต่อให้ด้านหลังร่างเวลานี้ไม่มีคนไล่ตามมา ใครก็รับประกันไม่ได้ว่าด้านหน้ากางตาข่ายไว้แล้วหรือไม่จูจั้นคนนี้จับก็จับไป มีเฉิงกั๋วกงอยู่ ฮ่องเต้ก็ไม่อาจทำอะไรเขาจริงๆ ได้ ใยต้องก่อเรื่องเช่นนี้ มีประโยชน์อะไรอีกมาถึงเมืองหลวงเจ้ายังหนีได้ ถ้าอย่างนั้นฮ่องเต้คนนี้ก็ไม่ต้องเป็นฮ่องเต้แล้วเฉิงกั๋วกงคนผู้ชาญฉลาดยอดเยี่ยมเช่นนั้น มีบุตรชายเช่นนี้คนหนึ่งปวดหัวมากหรือไม่?คุณหนูจวินมองจูจั้นที่เดินอยู่ข้างหน้าผ่านพุ่มไม้นางไม่ได้ก้าวเท้าติดตาม คิดว่ารอเขาเดินไปไกลแล้ว ตนเองก็จะหันหัวจากไปบ้างจูจั้นกลับชักช้าเดินไปไม่ไกล ไม่เหมือนคืนวานที่ก้าวเร็วจี๋ยากจะจับไว้เช่นนั้น เขาเดินทอดน่องโคลงศีรษะมองซ้ายมองขวา เหมือนกับชาวบ้านผู้ตื่นเช้ามาเดินเล่นคนหนึ่งคุณหนูจวินรู้สึกว่าตนเองอยู่ใต้การฝึกฝนของอาจารย์นับว่าเป็นคนอดทนมากแล้ว แต่เวลานี้ก็ทนไม่ไหวอยู่บ้างแล้วไม่อย่างนั้นหมุนตัวเดินไปเลยเถอะ ถูกเขาพบเข้าก็พบสิ จะเป็นอย่างไร เมืองหลวงมีเขามาได้คนเดียวรึ? ถนนใหญ่มีเขาเดินได้คนเดียวรึ? สุดท้ายก็เป็นเพียงหนึ่งประโยคบังเอิญนักเท่านั้นนางเพิ่งกำลังจะหมุนตัวก็เห็นจูจั้นที่สุดปลายถนนหยุดลงถนนย่อมไม่ได้สิ้นสุด ที่ว่าสุดปลายเป็นเพียงถนนเส้นนั้นเลี้ยวโค้งหรือว่าลงเนินลูกหนึ่งเท่านั้นแสงสีครามยิ่งถดถอยไปหลายส่วน สายตาของคุณหนูจวินกลายเป็นชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนั้นนอกจากจูจั้น นางยังมองเห็นด้านข้างถนนมีบ้านไม้หลังหนึ่งอยู่ในทุ่งร้างย่อมไม่สร้างบ้านไม้หลังหนึ่งขึ้นมาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ความจริงแล้วนั่นก็ไม่ใช่บ้านไม้ธรรมดาๆ นั่นเป็นบ้านที่ใช้เฝ้าสุสานสุสานของครอบครัวคนธรรมดามีกองดินก็นับว่าดีแล้ว ดีหน่อยก็ตั้งป้ายสุสานสักอัน ดีขึ้นมาอีกก็ยิ่งพิถีพิถันขึ้นมีหออาคารด้วย แน่นอนว่าขนาดเทียบกับของจริงเล็กกว่ามาก บ่งบอกว่าแตกต่างจากที่คนเป็นใช้แต่บ้านไม้ด้านข้างจูจั้นเวลานี้ดียิ่งกว่าหออาคารเหล่านั้น นี่เป็นบ้านที่ให้คนเฝ้าสุสานโดยเฉพาะมีเพียงสุสานของเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงพวกนั้นถึงจะมีคนเฝ้าสูสานคู่ด้วย ปัดกวาดรักษาสุสานคฤหาสน์สกุลลู่มีสุสานของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงหรือ?ความคิดแล่นผ่านไป ร่างกายคุณหนูจวินฉับพลันก็แข็งทื่อ มือที่ตกอยู่ข้างกายกำขึ้นมาเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงของคฤหาสถ์สกุลลู่นางเดินออกมาจากด้านหลังพุ่มไม้ ก้าวไวๆ ไปยังสถานที่ซึ่งจูจั้นเดินไปฝีเท้าของนางยังคงเบาไร้เสียงเหมือนเก่า สีหน้าของนางยังคงนิ่งสงบโอนอ่อน วิ่งไปข้างหน้าเผชิญหน้าแสงอรุณที่ค่อยๆ สว่างขึ้นจูจั้นหายไปจากสุดปลายถนนคุณหนูจวินยืนอยู่ที่สุดปลายถนนนางเข้าใจผิดแล้ว สุดปลายถนนไม่ใช่ทางเลี้ยวโค้งแล้วก็ไม่ใช่ทางลงเนิน แต่เป็นสุดปลายจริงๆ ด้านหน้าไม่มีหนทางไปต่อ แต่เป็นพื้นที่สุดสานผืนหนึ่ง พูดให้ชัดคือสุสานหลังหนึ่งหลุมศพในสุสานไม่มาก กระจัดกระจายหกหลังเท่านั้นเก็บกวาดไว้เป็นระเบียบสะอาดสะอ้าน แม้กระทั่งหญ้ารกก็ไม่เห็นสักต้น ต้นซงต้นไป๋ด้านหน้าสุสานมีร่องรอยเพิ่งถูกตัดแต่ง เห็นได้ว่าคนเฝ้าสุสานดูแลได้ถี่ถ้วนอย่างมากและมีสุสานหลังหนึ่งดูแล้วมาตรฐานสูงยิ่ง แล้วก็ใหม่ยิ่งด้านหน้ายังมีของเซ่นวางอยู่ เห็นได้ชัดว่าไม่นานนี้มีคนมาเซ่นไหว้คุณหนูจวินมองป้ายสุสาน จากข้างบนลงข้างล่างมองเห็นตัวอักษรด้านบนนั้นได้ชัดเจนรำลึกถึงองค์หญิงจิ่วหลิงสุสานของข้าสินะ ที่แท้ก็ยังคงเข้าสุสานบรรพชนสกุลลู่อย่างที่คิดก่อนหน้ามีชีวิตก็ถูกผูกมัด หลังตายก็ยังคงถูกผูกมัดอยู่สายตาของคุณหนูจวินพร่ามัวขึ้นมานิดหน่อย ในเวลาเดียวกันนี้แสงตะวันสายแรกของเช้าตรู่ก็ฉาบลงบนผืนดิน ให้นางไม่อาจไม่มองเห็นป้ายสุสานนี้เบื้องหน้าชัดจูจั้นยังคงยืนอยู่ที่นั่น เหมือนจะเก้ๆ กังๆ อยู่บ้างยื่นมือลูบนิดหนึ่ง หลังจากนั้นก็ระมัดระวังควักขวดใบน้อยสองใบจากในอกเสื้อเขาจะทำอะไร?ขวนนั่นใส่อะไรไว้?เขาต้องการจะทำลายสุสานของตนแก้แค้นลู่อวิ๋นฉีหรือ?น่าขันจริงๆ ลู่อวิ๋นฉีไม่มีทางโกรธหรอก คงดีใจแทบไม่ทันล่ะสิคุณหนูจวินมองจูจั้นเอาขวดใบน้อยใบหนึ่งเอียงเทลงหน้าแท่นศิลาด้านหน้าสุสาน ใต้แสงสว่างยามเช้าตรู่เหมือนจะเป็นใบไม้เหี่ยวแห้งกรอบกองหนึ่งของอะไร? จะใช้ติดไฟหรือ?คุณหนูจวินขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นก็มองจูจั้นเทขวดอีกใบหนึ่งข้างในขวดใบนี้มีของเหลวสีเข้มอยู่น้ำมันที่จุดไฟรึ?ของเหลวตกต้องบนใบไม้เหี่ยว ใบไม้เหี่ยวพริบตาก็ถูกชโลมเปียกไม่ติดไฟ ไม่ลุกไหม้ ใบไม้เหี่ยวเพียงแค่ยืดขยายออกบนแท่นศิลาเท่านั้นนี่ทำอะไร?ความคิดของคุณหนูจวินแล่นผ่านไปอีกครั้ง หลังจากนั้นนางก็เบิกตาโดยพลัน อ้าปากกว้างเสียกิริยาใบไม้เหี่ยวต้นหญ้าแห้งกองนั้นถึงกับเปลี่ยนเป็นสีแดง ทั้งยังยืดขยายเหมือนกับดอกไม้สีแดงดอกใหญ่ดอกหนึ่งแย้มบานไม่ใช่เหมือน นั่นก็คือดอกไม้ดอกหนึ่งคุณหนูจวินจำดอกไม้ดอกนี้ได้ แต่นางไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองมาก่อนดอกพลับพลึงแดงแดนเหนือนี่เป็นดอกไม้ที่งอกอยู่ทางเหนือของตอนเหนือขึ้นไปอีก บานอยู่บนหน้าผาชัน ตอนบานเต็มที่งดงามอยู่บนหน้าผาราวกับเปลวเพลิงดวงแล้วดวงเล่า แต่เด็ดลงมาก็จะเหี่ยวแห้งทันที เล่ากันว่ามีเพียงอาศัยเลือดคนหล่อเลี้ยงถึงจะรักษาสภาพสดให้ยาวนานได้ดังนั้นคนมากมายที่นั่นจึงใช้ดอกไม้ชนิดนี้มาแสดงถึงหัวใจของคนรัก เด็ดมันลงมา กรีดมือตนเอง หลั่งเลือดมอบบุปผาให้แก่คนที่ตนเองชอบตอนที่นางยังเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งสงสัยใคร่รู้กับตำนานนี้ยิ่งนัก เคยพลิกหนังสือตำราหรือให้คนที่เคยเห็นวาดให้นางดูนอกจากนี้นางยังอยากพิสูจน์ด้วยตาตนเองว่าใช้เลือดหล่อเลี้ยงได้จริงหรือไม่ ขอเพียงพระบิดาเอ่ยประโยคเดียว แม้ดอกไม้ชนิดนี้หายากเย็นแสนเข็นก็ย่อมถูกส่งมายังเมืองหลวงแต่พระบิดาของนางได้มหาบัณฑิตอบรมอย่างเข้มงวด ทั้งจิตใจเมตตาลึกซึ้ง ไม่มีทางให้นางทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้เด็ดขาด หนึ่งไม่ชมชอบเลือด สองไม่ชมชอบลำบากชาวบ้านสูญเสียทรัพย์สินแต่นางเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ไม่สนเรื่องมากมายเช่นนั้นหลังจากนางปีนกำแพงบ้านเฉิงกั๋วกงถูกเตะตียกหนึ่ง หลังจากนั้นเฉิงกั๋วกงก็มาเยี่ยม นางจึงขอให้เฉิงกั๋วกงลอบส่งมาให้นางดอกหนึ่งในยามที่เหมาะสม ให้นางได้เปิดโลกบ้างหลังจากนั้นนางก็ออกจากเมืองหลวงมุ่งลงใต้ หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้พบเฉิงกั๋วกงอีก หลังจากนั้นพระบิดาพระมารดาก็เสีย หลังจากนั้นนางก็ตายเรื่องนี้ตัวนางเองยังลืมไปแล้ว จนกระทั่งตอนนี้เห็นดอกไม้ดอกนี้ดอกไม้ดอกนั้นถูกคนใช้มือหยิบขึ้นมาแล้ว ออกไปจากสายตาของคุณหนูจวินคุณหนูจวินมองคนที่ถือดอกไม้จูจั้นยกมือขึ้นมา ดอกไม้ร่วงลงบนป้ายสุสานอย่างแม่นยำตอนนี้เองแสงตะวันก็โผขึ้นจากบนพื้นดินอย่างสิ้นเชิง ส่องจับบนบุปผาสีแดงให้มันเปล่งประกายเฉิดฉายทั้งยังงดงามหยดย้อยเหมือนเพิ่งเด็ดลงมาใหม่ๆเขาจากแดนเหนือข้ามผ่านพันลี้เขาหนีจากการจับกุมตัวเขาหลบตะวันออกซ่อนตะวันตก วิ่งลงใต้เดินขึ้นเหนือเขาเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่ แปลงหน้าปลอมตัวเขาฝ่าเข้าเมืองหลวง สังหารองครักษ์เสื้อแพร บุกผ่านประตูเมืองเขาเดินทางทั้งคืน เอาน้ำค้างเช้าตรู่ล้างหน้าก็เพื่อมามอบดอกไม้ดอกหนึ่งหน้าสุสานแห่งนี้งั้นหรือ?คุณหนูจวินยืนอยู่ที่เก่า ราวกับแสงตะวันละลานตา สิ่งใดล้วนมองไม่ชัดแล้ว……………………………………….
คอมเม้นต์