Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 91
ใช่แล้ว นางขบคิดเรื่องมากมาย เรื่องมากมายล้วนเข้าใจ มีเพียงเรื่องนี้ไม่เข้าใจตอนที่นางวิ่งสุดชีวิตอยู่ในราตรีมืดมิด คิดไม่ถึงว่ามีใครจะมาช่วยเหลือตนเองนางคิดว่าผู้ชายคนนั้นที่ศาลาพักม้าจะสังเกตความผิดปกติ นางคิดว่าผู้ชายคนนั้นต้องไล่ตามมาแน่ดังนั้นที่นางคิดจึงมีแต่ตนเองวิ่งให้เร็ว เร็วหน่อย เร็วอีกหน่อย วิ่งยิ่งเร็วก็ยิ่งมีโอกาสชนะนางเตรียมเสื้อผ้าไว้แล้ว เตรียมอุปกรณ์เก็บสมุนไพรไว้แล้ว แล้วก็เตรียมหลักฐานยืนยันทั้งหมดไว้รอบคอบแล้วเช่นกัน ขอเพียงหนีออกจากที่นี่กลับไปถึงในเมืองได้ ทุกสิ่งก็จะลื่นไหลไม่มีจุดใดน่าสงสัยแต่ก่อนอื่นนางต้องหนีรอดไปจากที่นี่ไม่เช่นนั้นถูกจับได้ในเหตุการณ์ เตรียมการไว้พร้อมอีกเท่าใด ก็ไม่มีประโยชน์แล้วในใจนางตอนที่วิ่งไม่คิดอยู่สำนึกเสียใจนิดๆ คิดไม่ถึงว่าหยวนเป่าที่ในความทรงจำซื่อยิ่งนักคนนั้นจะฉลาดขนาดนี้ ตอนที่เขามองสำรวจนางจากปากประตูห้อง นางขนลุกขึ้นมาจริงๆบางทีไม่ควรบุ่มบ่ามเช่นนี้ ในเมื่อคาดเดาได้แล้ว บางทีไม่ควรรีบร้อนบุ่มบามมาหาหลักฐานเพิ่มเพียงลำพังคนเดียวอันตรายเกินไปแล้วอันตราย ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประสบก่อนหน้านี้ซ่อนดาบเหยียดหลังตรงเดินเข้าไปในวังหลวง นางไม่รู้ว่าด้านหน้าอันตรายหรือ?นางเดียวดายมุ่งหน้าสู่อันตรายหลังจากนั้นก็เดียวดายตายจากไปครั้งนี้จะเป็นเช่นนั้นอีกหรือไม่?ท่ามกลางราตรีมืดมิดมุ่งหน้าไปสืบเดียวดายเพียงลำพังเช่นนี้ หลังจากนั้นก็ถูกสังหารตายเดียวดายเพียงลำพังในราตรีมืดมิดนางแทบจะได้ยินเสียงกีบเท้าม้าด้านหลังร่าง หรือถึงขั้นเสียงน้าวสายธนูหลายครั้งนักนางวิ่งไม่หยุด วิ่งไม่หยุด คิดไม่ถึงวิ่งจนฟ้าสว่าง วิ่งมาถึงในเมือง เหมือนเช่นที่นางวางแผนไว้ทำได้แล้วนางทำได้แล้วหลังจากนั้นนางก็มองเห็นหยางเฉิงเอะอะ ถึงรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเพื่อค้นหานาง ตระกูลฟางถึงกับหยิบราชโองการออกมา เคลื่อนไหวใหญ่โตค้นเมืองราชโองการหรือแล้วก็เป็นราชโอการนี้เองที่ดึงบรรดาขุนนางเหล่านั้นในศาลาพักม้า ทำให้ผู้ชายคนนั้นไม่ทันสนใจสืบหาอะไรต่อ คนทั้งหมดราวกับสัตว์ร้ายที่ขยับด้วยได้กลิ่นคาวเลือดวิ่งไปทางหยางเฉิง โถมเข้าใส่ตระกูลฟางตระกูลฟางมีราชโองการ นางตกใจอยู่บ้างจริงๆ แต่เดิมทีก็คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าตระกูลฟางซ่อนความลับเอาไว้ ในความตกใจนี้ที่มากกว่าคือการยืนยันว่าเป็นเช่นนี้ดังที่คิดจริงๆส่วนที่ทำให้นางตกใจจริงๆ คือพวกนางดีกับนางขนาดนี้ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจอยู่บ้างจริงๆ ทำไมนายหญิงผู้เฒ่าฟางหยิบราชโองการออกมาได้ในมือถือราชโองการ รักษาความลับที่ไม่อาจพูด เผชิญกับการที่ครอบครัวตายจากไปตามต่อกัน อันตรายนานับประการ ศัตรูซ่อนเร้นในเงามืด ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งไม่อาจไม่ค้ำจุนตระกูล ค้ำกิจการ ยังต้องอดทนกับคำสาปแช่งอีกระหว่างสิบกว่าปีนี้ทุกข์อีกเท่าใดลำบากอีกเท่าใดแค้นอีกเท่าใดล้วนไม่ได้หยิบราชโองการออกมา ตอนนี้เพียงเพราะหลานสาวคนนี้คืนหนึ่งไม่กลับก็เป็นห่วงจนเสียสติ ไม่เสียดายทุกสิ่ง ยินดีนำความลับที่ไม่อาจและไม่ควรพูดออกมาแสดงต่อหน้าประชาชนก็ต้องตามหานางให้พบที่จริงตามหานาง สำหรับตระกูลฟางแล้วมีมากวิธีนัก หยิบราชโองการค้นเมืองเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่ไม่ควรและไม่ฉลาดที่สุดด้วยหากฟางเฉิงอวี่ยังรักษาไม่หาย ทำเช่นนี้อาจเข้าใจได้ แต่ตอนนี้ฟางเฉิงอวี่รักษาหายดีแล้วขอเพียงคิดอย่างมีเหตุผลสักนิด ก็คงไม่น่าเลือกทำเช่นนี้นายหญิงผู้เฒ่าฟางบอกว่าเพราะนางรักษาหลายชายของตนเองจนหายดี ภายหลังอาจใช้นางได้ ดังนั้นจึงทำเช่นนี้คนอื่นอาจเสียสติกับการคาดเดาสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ผู้หญิงเหล่านี้ของตระกูลฟางไม่มีทาง สำหรับพวกนางที่เตรียมพร้อมว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้ อดทนข้ามผ่านวันเวลามาแล้ว ไม่คิดถึงข้างหลัง เพียงแต่สนใจตอนนี้ตรงหน้าที่พวกนางทำเช่นนี้ เรียบง่ายยิ่งนัก เพราะตอนนี้เวลานี้ พวกนางเป็นห่วงถึงว้าวุ่น ห่วงใยจึงคลุ้มคลั่งพวกนางห่วงใยนางขนาดนี้แล้วแม้ต้นเหตุเพราะนางรักษาฟางเฉิงอวี่หายดี แต่นี่ก็ไม่ใช่เพียงเพราะนางรักษาฟางเฉิงอวี่หายดีเช่นกันเพื่อนาง นายหญิงผู้เฒ่าฟางไม่สนใจผลที่ตามมา เพื่อนางคนของตระกูลฟางไม่สนทุกสิ่งนี่นางคิดไม่ถึงจริงๆเดิมทีนางเพียงต้องการเงินของตระกูลฟางเท่านั้น คิดไม่ถึงพวกนางกลับมอบความจริงใจให้นางความจริงใจหรือที่คุณหนูจวินไม่เคยสนใจและไม่เคยคิดต้องการมาก่อนก็คือความจริงใจฐานะของนางตัดสินว่านางไม่ต้องการและไม่อาจได้รับความจริงใจ ไม่ว่ามีหรือไม่มีความจริงใจ ผู้คนล้วนต้องเคารพหวั่นเกรงนาง ประจบนางรวมถึงระแวงนาง รังเกียจนาง ความจริงใจมีความจำเป็นอันใดเล่าทว่าความรู้สึกที่มอบความจริงใจแก่ผู้คนไม่เลวเลยพูดไปแล้วนางยังไม่เคยกอดผู้ใหญ่ในครอบครัวเช่นนี้มาก่อนเลยมารดาเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทดูแลพระบิดาต้องจัดการวังตะวันออกธุระวุ่นวาย นอกจากนี้มีแม่นมนางกำนัลขันที นางจึงไม่ได้ดูแลอุ้มชูพวกนางพี่น้องด้วยมือตนเองตอนพี่หญิงยังเล็กรู้สึกว่านางน่าชัง จ้องตนเองไม่อนุญาตให้ทำสิ่งนี้ไม่อนุญาตให้ทำสิ่งนั้น พี่สาวน้องสาวสองคนมักจะเจ้าตามหาข้าซ่อน ยิ่งไม่มีเวลาที่กอดกันที่จริงวันนั้นที่แต่งงาน นางหวาดกลัวนิดหน่อย พี่หญิงคงมองความกลัวของนางออก อยากกอดนางสักหน่อย แต่นางไม่คุ้นชินจริงๆ จึงหลีกออกคุณหนูจวินหนุนศีรษะไว้บนไหล่ของนายหญิงผู้เฒ่าฟางที่จริงกอดสักหน่อยรู้สึกดียิ่งนัก ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกไม่สบาย อบอุ่นยิ่ง โดยเฉพาะตอนหนีรอดมาจากอันตรายอย่างที่สุดนายหญิงผู้เฒ่าฟางไม่ได้รู้สึกสบาย แต่แข็งทื่ออย่างยิ่ง ไม่สบายอย่างยิ่งท่านย่า ท่านดีกับข้าจริงๆประหลาดจริง! ทำอะไรล่ะนี่! ฟังไม่เข้าใจพูดหมายความว่าอะไร!อยู่ดีๆ กอดผู้อื่นทำอะไร! ไม่ใช่เด็กน้อยสามขวบเสียหน่อย!“พวกเราย่อมต้องดีกับเจ้า พวกเรามีเฉิงอวี่เป็นผู้ชายคนเดียว หากเขาป่วยอีกประสบภัยอีกเล่า ใครจะรักษาเขา” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ยื่นมือดันเด็กสาวที่กอดตนเองอยู่ออก “ขยับออกไป ไม่ต้องกอดรัดฟัดเหวี่ยงแล้ว ดูไม่ได้”ฟางเฉิงอวี่อยู่ด้านข้างยิ้มมองอยู่คุณหนูจวินปล่อยนางออก“อย่าคิดว่าแบบนี้เจ้าก็เรื่องอันใดล้วนไม่เป็นไรแล้ว” นายหญิงผู้เฒ่าฟางหน้าบึ้งเอ่ยขึ้น “ครั้งนี้เจ้าทำตัวเหลวไหลเกินไปแล้ว พูดไม่ชัดเจนบอกว่าไม่ชอบมาพากล ทำทุกคนตกใจเป็นเช่นนี้ นี่ล้วนเป็นความผิดของเจ้า”“ทราบแล้ว ครั้งนี้เป็นความผิดของข้าจริงๆ” คุณหนูจวินยอมรับพยักหน้า คำนับนายหญิงผู้เฒ่าฟางอีกครั้ง “เป็นข้าคิดไม่รอบคอบ กระทำการเสี่ยงอันตรายแล้ว”นายหญิงผู้เฒ่าฟางตอบรับอืม สีหน้ายังคงเหลือความไม่สบายอยู่บ้าง“ถ้าเช่นนั้นตอนนี้จะทำอะไร?” นางเอ่ยขึ้นนี่เป็นเพียงแค่นางหาคำพูดมาคลายความประดักประเดิดเท่านั้น นางผู้เฒ่าคนหนึ่งยังจะต้องถามเด็กสองคนนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรหรือถามคำถามนี้ออกมาสีหน้านางยิ่งประดักประเดิด“ตอนนี้ที่พวกท่านต้องทำก็คือกำจัดความยุ่งยากของราชโองการ” คุณหนูจวินไม่ได้สนใจความลำบากใจของนายหญิงผู้เฒ่าฟาง แต่เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ “รวมถึงฉวยโอกาสนี้หยุดพักรักษาตัว”นายหญิงผู้เฒ่าฟาง พยักหน้า แล้วกระแอมเบาอีกทีหนึ่ง“ราชโองการเป็นเรื่องดี ยุ่งยากอันใด อย่าพูดส่งเดช” นางเอ่ยแย้ง“บนโลกนี้โชคกับหายนะเคียงคู่ เรื่องดีก็คือเรื่องร้าย เรื่องร้ายก็คือเรื่องดี” คุณหนูจวินว่า พูดพลางก็ยิ้มอีกครั้งท่าทางทอดถอนใจอยู่บ้าง “จุดนี้ไม่มีใครสัมผัสมาเท่าข้าแล้ว”คนอายุน้อยพูดดั่งผู้เฒ่าผู้แก่ โศกเศร้าเจ็บปวดมากมายขนาดนั้นมาจากไหนนายหญิงผู้เฒ่าฟางถลึงตามองนางทีหนึ่ง“เรื่องราชโองการข้าจะจัดการ” นางว่า “คลี่คลายพร้อมกับเรื่องเก่าก่อนเหล่านั้นที่ตามมากับการประหารครั้งนี้ พวกเจ้าไม่ไปพักผ่อน คนแก่อย่างข้าทนไม่ไหวไปพักก่อนแล้ว”พูดจบราวกับกลัวจะถูกกอดอีกครั้งรีบร้อนจากไปฟางเฉิงอวี่กับคุณหนูจวินมองหน้ากันยิ้มทีหนึ่ง“พวกเราก็กลับบ้างเถอะ” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้นฟางเฉิงอวี่กลับเดินมาถึงตรงหน้านาง หมุนตัวย่อเข่าลงนี่คือ?คุณหนูจวินงงไปครู่หนึ่ง“จิ่วหลิง เท้าของเจ้าวิ่งทั้งคืน บาดเจ็บแล้วสินะ?” ฟางเฉิงอวี่ผินหน้ามาเล็กน้อยเอ่ยขึ้น……………………………………….
คอมเม้นต์