ตอนที่ 1676 ป่าอสูรลับ
“แย่แล้ว จะต้องเป็นวิหคที่ไม่ด้อยไปกว่าวานรมหาสมุทรอย่างแน่นอน รีบไปเถิด พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัย” เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าหลิวสุ่ยเอ๋อร์ก็หน้าเปลี่ยนสี จากนั้นสองมือก็ร่ายอาคมอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย กลายเป็นสายรุ้งสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศไปไม่ต้องให้หญิงสาวผู้นี้เตือนสติ หานลี่และสือคุนก็รู้ว่าหากต่อสู้กับอสูรโบราณทั้งสองตัว ไม่ว่าอานุภาพหรือว่าอาณาเขตของระลอกคลื่นก็ไม่อาจเทียบกับก่อนหน้าได้ทั้งสองแทบจะกลายเป็นสายรุ้งอีกสองสายไล่ตามหญิงสาวสวมงอบไปติดๆ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินไปยังขอบฟ้าลำแสงหลีกหนีสามสายสลายหายไปที่ขอบฟ้าในขณะที่ทั้งสามคนออกจากที่เดิม ริมมหาสมุทรก็มีเสียงดังสนั่นดังขึ้นจากนั้นเสียงพายุก็ดังสลับกันไปมา เสียงอึกทึกดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกดวานรป้อมปราการมหาสมุทรและเสียงร้องยาวๆ ของวิหคยักษ์นิรนามเอาไว้แทบจะในเวลาเดียวกัน ระลอกคลื่นยักษ์สูงเสียดฟ้าราวพันจั้งเศษทะลักออกมาจากริมฝั่ง แค่พริบตาก็กลืนจุดที่หานลี่และพวกทั้งสามคนไปจนมิดยามนี้หานลี่และพวกทั้งสามกลับบินออกมาสองสามร้อยลี้ในรวดเดียว จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทาง อ้อมเป็นวงขนาดใหญ่ บินตรงมาที่แผ่นดินอีกครั้ง“แดนกว้างเย็นนี้เหมือนกับในตำนานอย่างไรอย่างนั้น มีอสูรโบราณที่สูญพันธุ์ไปจากแดนวิญญาณของพวกเราจำนวนมาก หากเป็นอย่างนี้ตลอดทาง อย่าพูดถึงว่าจะหาเขตอาคมซากปรักหักพังพบเลย เกรงว่าคงเพลี่ยงพล้ำระหว่างทางแน่” ในที่สุดทั้งสามคนก็บินมาถึงแผ่นดินใหญ่อย่างปลอดภัย สือคุนผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยพึมพำท่ามกลางลำแสงหลีกหนีแม้ว่าเสียงของเขาจะไม่ดังนัก แต่จากพลังยุทธ์ของหานลี่และหลิวสุ่ยเอ๋อร์กลับได้ยินอย่างชัดเจน“แม้ว่าแดนนี้จะมีอสูรโบราณอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้พบทั่วทุกหนแห่งเช่นนี้ กว่าครึ่งพวกเราคงดวงไม่ดีแล้ว แค่อสูรร้ายสองตัวที่พบโดยบังเอิญเท่านั้น” หลิวสุ่ยเอ๋อร์กลับสั่นศีรษะขณะเอ่ย“ดวงไม่ดี? แต่ความจริงแล้วมันเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีเลย” สือคุนยักไหล่ ท่าทางไม่คิดเช่นนั้น“เดิมผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกเราก็มีความสามารถเหนือฟ้า จึงไม่เชื่อเรื่องลางสังหรณ์อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เป็นจริงทั้งสิบส่วน” หลิวสุ่ยเอ๋อร์เอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา“หึๆ! หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง” สือคุนหัวเราะหึๆหลิวสุ่ยเอ๋อร์เห็นชายร่างใหญ่มีท่าทีปิดปากเงียบ ก็ไม่มีเจตนาจะเอ่ยชักจูงอันใดอีก กลับหันหน้ามาเอ่ยกับหานลี่ว่า“พี่หาน ยามนี้ต้องกำหนดตำแหน่งที่พวกเราอยู่ก่อน พี่หานโปรดคุ้มครองพวกเราสองคนด้วย”เมื่อผ่านเรื่องราวเมื่อครู่มา เห็นได้ชัดว่าหลิวสุ่ยเอ๋อร์นั้นเกรงใจหานลี่ขึ้นหลายส่วน“เรื่องง่ายๆ” หานลี่เองก็อยากรู้ว่าทั้งสองคนจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ใด จึงพยักหน้าอย่างไม่ต้องขบคิดจากนั้นเขาก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ชั่วครู่ก็บินอยู่สูงขึ้นไปร้อยจั้งเศษ แล้วถึงได้ลดลำแสงหลีกหนีลงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแผ่จิตสัมผัสออกไป แทบจะครอบคลุมในอาณาบริเวณยี่สิบสามสิบลี้ทั้งหมด“สหายสือ พวกเราเองก็เริ่มกันเถิด” หลิวสุ่ยเอ๋อร์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วเอ่ยกับสือคุน“หึๆ ผู้แซ่สือเตรียมตัวตั้งนานแล้ว” สือคุนตอบอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยดังนั้นหลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนก็แยกไปทางซ้ายและขวาพุ่งตรงไปทั้งสองฝั่ง หลังจากกะพริบวาบสองสามครา ลำแสงหลีกหนีก็หยุดอยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้งตำแหน่งของทั้งสองคนและหานลี่กลายเป็นสามเหลี่ยมขนาดยักษ์หญิงสาวสวมงอบและสือคุณต่างสะบัดแขนเสื้อไปกลางอากาศพร้อมกันยกเว้นหานลี่ชั่วขณะนั้นจานทรงกลมสีขาวใบหนึ่ง และม้วนคัมภีร์สีเหลืองม้วนหนึ่งก็บินออกมาจากมือของทั้งสองพร้อมกันหลิวสุ่ยเอ๋อร์และพวกทั้งสองต่างใช้มือร่ายอาคม ปากก็บริกรรมคาถาจานทรงกลมสั่นไหว ขยายใหญ่ขึ้นสิบกว่าเท่า กลายเป็นจันทร์ทรงกลดขนาดยักษ์ส่วนม้วนคัมภีร์สีเหลืองก็คลี่ออกอย่างช้าๆ เผยหมอกลำแสงสีเหลืองด้านในออกมา ในม้วนคัมภีร์มีอันใดสักอย่างแฝงอยู่จากนั้นหมอกลำแสงสีเหลืองก็ม้วนวน ม้วนคัมภีร์ทั้งม้วนสลายหายไปครู่ต่อมากลางอากาศในรัศมีร้อยจั้งเศษก็ปรากฏลำแสงสีเหลืองขึ้น จากนั้นลำแสงทั้งหมดก็เปล่งแสงเจิดจ้า คาดไม่ถึงว่าจะผสานร่างกัน กลายเป็นม่านลำแสงสีเหลืองปกคลุมทั่วทั้งฟ้าสือคุนเห็นเช่นนี้ ปากก็ร้องตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำออกมา นิ้วชี้ไปที่ดวงจันทร์สดใสกลางอากาศดวงจันทร์เปล่งแสงเจิดจ้าพลางหมุนวน หลังจากเปล่งเสียง “สวบ” คาดไม่ถึงว่าจะจมหายเข้าไปในม่านลำแสงสีเหลืองเสียงร่ายคาถาของหลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนดังขึ้นทันทีฉากแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้นม่านลำแสงสีเหลืองเปล่งเสียงดังสนั่น ภูเขาที่มีธารน้ำไหลปรากฏขึ้นเต็มไปหมด มองดูเหมือนมีขนาดแค่เท่าเมล็ดถั่ว แต่ยอดเขาทุกแห่งล้วนดูสมจริง มองปราดเดียวก็มองเห็นจุดที่แตกต่างกันได้และสภาพภูมิทัศน์ขนาดเล็กเหล่านั้นล้วนกลายเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดสองสามจั้ง ดูลึกลับ ไม่อาจใช้ภาษามาอธิบายได้“นี่คือ?” หานลี่มองจากจุดสูงที่สุดย่อมมองเห็นฉากทั้งหมดอย่างชัดเจน ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลง พลางเอ่ยปากถาม“นี่คือแผนภาพกว้างเย็น เป็นแผนภาพที่ปรมาจารย์ในสำนักและท่านอาวุโสรวบรวมประสบการณ์ในการเข้าไปในแดนกว้างเย็นมาจารึกเอาไว้ แม้ว่าจะไม่กล้ากล่าวว่าครอบคลุมแดนกว้างเย็นทั้งหมด แต่ก็บันทึกไว้ได้เจ็ดแปดส่วน” หลิวสุ่ยเอ๋อร์เอ่ยเสียงไพเราะเสนาะหูออกมา“ทว่าพวกเราอยู่ในแผนที่นี้จริงๆ หรือไม่ ก็ต้องลองทดสอบดู หากไม่ได้อยู่ในนี้ เกรงว่าพวกเราคงยุ่งยากแล้ว” สือคุนเองก็เอ่ยขึ้น จากนั้นก็ใช้มือหนึ่งชี้ไปกลางอากาศกลางม่านลำแสงอีกครั้งชั่วขณะนั้นแผนภาพทั้งหมดพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แต่เมื่อลำแสงสีเหลืองส่องลงมา ฉับพลันนั้นลำแสงสีขาวขนาดเท่าไข่ไก่ก็ทะลักออกมาจากมุมของแผนภาพเป็นสายๆ จากนั้นก็ลอยอยู่กลางอากาศสูงขึ้นไปสองสามจั้ง ไม่ขยับเขยื้อน“หาเจอแล้ว คาดไม่ถึงว่าพวกเราจะอยู่ตรงขอบของคอหมื่นวิหค เช่นนั้นมหาสมุทรที่พวกเราเพิ่งจะออกมาเมื่อครู่ก็เป็นมหาสมุทรแปดเคราะห์” หลิวสุ่ยเอ๋อร์มองเห็นแดนที่เปล่งแสงเจิดจ้าภายใต้ดวงแสงสีขาว น้ำเสียงก็สั่นเทาไปเล็กน้อย“คอหมื่นวิหค มหาสมุทรแปดเคราะห์! คาดไม่ถึงว่าพวกเราจะอยู่ที่นี่” สือคุนหน้าเปลี่ยนสีหานลี่ที่อยู่กลางอากาศพิจารณาดวงแสงสีขาวด้านล่างอย่างสนอกสนใจ เมื่อได้ยินคำนี้ ก็อดที่จะสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้ามาไม่ได้ในเมื่อพวกเขาเตรียมจะเข้าไปในแดนกว้างเย็น แน่นอนว่าย่อมต้องอ่านตำราแดนอันตรายของแดนกว้างเย็นมาไม่น้อย เพื่อไม่ให้เอาชีวิตไปทิ้งโดยไม่รู้ตัวคอหมื่นวิหคและมหาสมุทรแปดเคราะห์เป็นสองสถานที่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงตั้งชื่อตามความหมาย มหาสมุทรแปดเคราะห์ย่อมเป็นมหาสมุทรที่พวกเขาเพิ่งผ่านมาและมีอสูรโบราณแปดตัวอาศัยอยู่ ส่วนคอหมื่นวิหค ก็คือที่อยู่อาศัยของวิหควิญญาณหลากชนิดจำนวนนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งมีวิหคโบราณสามตัวที่มีอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าวานรป้อมปราการมหาสมุทรและทั้งสองแดนนี้ก็อยู่ติดกัน ห้ามบังเอิญเข้าไปในแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีชนต่างเผ่า หากโชคไม่ดี จุดจบจะเป็นอย่างไรแค่คิดก็รู้แล้วครานี้ไม่เพียงหานลี่และสือคุนที่ขมวดคิ้วแน่น แม้แต่หลิวสุ่ยเอ๋อร์ก็จ้องเขม็งไปยังม่านลำแสงยักษ์นั้นด้วยความตกตะลึง ยามนั้นจึงไม่เอ่ยอันใดอีก“ข้าไม่อยากเสี่ยงเข้าไปในคอหมื่นวิหค ไม่ต้องพูดถึงวิหคโบราณสามตัวนั้น ต่อให้ถูกวิหควิญญาณอื่นพบเข้า พวกเราก็ต้องฝังศพอยู่ที่นี่” สือคุนเอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“คอหมื่นวิหคนั้นอันตรายมาก แม้ว่ายามที่อยู่ในมหาสมุทรแปดเคราะห์ พวกเราจะบินออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่ได้หมายความว่าในคอหมื่นวิหคพวกเราจะโชคดีเช่นนั้น รีบอ้อมออกจากคอหมื่นวิหคกันเถิด” หานลี่แววตาเปล่งประกายสองสามครั้ง มีท่าทีเช่นเดียวกันกับตัวเอง“คงมีเพียงต้องทำเช่นนี้” หลิวสุ่ยเอ๋อร์เองก็ถอนหายใจออกมา หลังจากกวาดสายตาไปที่ใบหน้าของหานลี่และสือคุน ก็อดที่จะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยไม่ได้เห็นหลิวสุ่ยเอ๋อร์เองก็เห็นด้วยกับความคิดของหานลี่ สือคุณก็มีสีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่หลังจากกวาดสายตาไปยังม่านลำแสงยักษ์ คิ้วที่ขมวดมุ่นกลับไม่คลายออก“ติดกับคอหมื่นวิหคมีสองฝั่ง หนึ่งคือทะเลทรายตะวันฟ้า หนึ่งคือป่าอสูรลับ ทะเลทรายตะวันฟ้านั้นไม่ต้องพูดถึง สำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเราแล้ว เป็นสิ่งที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าคอหมื่นวิหค ตามบันทึกในคัมภีร์ที่นั่นมีแสงอาทิตย์ที่แปลกประหลาด มากสุดพวกเราทนได้ครึ่งวันคงกลายเป็นผุยผงเพลี่ยงพล้ำอยู่ในนั้น ส่วนป่าอสูรลับนั้นเผ่าอสูรลับที่ดำรงอยู่ในแดนวิญญาณได้ถูกล้างเผ่าพันธุ์ไปตั้งนานแล้ว ถึงยามดึกพละกำลังของอสูรลับก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า อันตรายไม่น้อยเช่นกัน แต่ก็มีเพียงต้องเลือกที่นี่แล้ว” หลิวสุ่ยเอ๋อร์ชี้ไปที่ม่านลำแสง แล้วเอ่ยอย่างช้าๆ“ไม่ได้ แม้ว่าในคัมภีร์จะอธิบายถึงอสูรลับไว้น้อยมาก แต่ก็ดูออกว่าไม่ควรไปยุ่งกับอสูรประหลาดชนิดนี้ การเข้าไปในป่าอสูรลับนั้นอันตรายไปหน่อย อ้อมไปจะดีกว่า” สือคุนได้ยินกลับแย้งขึ้น“ถ้าอ้อมไป จะอ้อมไปอย่างไร เขตอาคมของซากปรักหักพังอยู่ห่างจากพวกเราไกลมาก ต่อให้เดินทางเต็มกำลังโดยไม่มีอันใดมาขวางกั้น ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงสี่เดือน หากระหว่างทางพบกับอุปสรรคอันใดอีก เวลาก็ต้องเพิ่มขึ้นหลายเท่า และแค่อ้อมคอหมื่นวิหค เดาว่าก็เสียเวลาไปครึ่งเดือนแล้ว หากอ้อมไปอีกป่าอสูรลับนั้นมีพื้นที่ใหญ่ยิ่งกว่า อย่างน้อยก็ต้องเสียเวลาไปสองเดือน ผนวกกับที่พวกเราต้องหยุดสักเดือนสองเดือน เพื่อทะลวงจุดคอขวดนั้น เช่นนั้นพวกเราจะไปทันทลายเขตอาคมได้อย่างไร” ครั้งนี้หลิวสุ่ยเอ๋อร์กลับไม่ได้มีเจตนาจะยอมให้ พลางเอ่ยอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินหลิวสุ่ยเอ๋อร์กล่าวเช่นนี้ สือคุนก็หน้าเปลี่ยนสี เผยสีหน้าลังเลออกมา“แม้ว่าป่าอสูรลับจะมีอันตรายมาก แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนผ่านไปได้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็รู้วิธีต่อกรกับอสูรลับจากคัมภีร์ได้ น่าจะมั่นใจกว่าผู้ที่เคยมาในอดีตได้หลายส่วน และยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้หากกลับไปมือเปล่าจริงๆ สหายสือไม่กลัวว่าท่านอาวุโสต้วนจะตำหนิหรือ?” หลิวสุ่ยเอ๋อร์จ้องเขม็งไปยังสือคุน แววตาเย็นชาขณะเอ่ยสือคุนมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ฉับพลันนั้นก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยถามหานลี่ที่อยู่กลางอากาศ“พี่หาน ท่านมีความเห็นหรือไม่?”“ครั้งนี้ผู้แซ่หานถูกท่านอาวุโสทั้งสองเชิญให้มาช่วยสหายทั้งสอง จึงได้ประโยชน์มาไม่น้อยแล้ว ขอแค่สหายทั้งสองมีความเห็นตรงกัน ก็ไม่มีอันใดไม่เห็นด้วย และยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ที่จะไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตายสถานเดียว ข้าน้อยไม่มีความเห็น” แววตาของหานลี่เปล่งประกายสองสามครา แล้วตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ“เอาละ ในเมื่อพี่หานและเซียนหลิวล้วนไม่หวาดกลัวป่าอสูรลับ ผู้แซ่สือก็จะไปหาประสบการณ์กับอสูรลับในตำนานสักหน่อยก็ได้” สือคุนพิจารณาอย่างละเอียดอีกชั่วครู่ ฉับพลันนั้นก็เอ่ยปากตอบรับพร้อมกับหัวเราะร่า
คอมเม้นต์