The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา ตอนที่98 ทักษะกระบี่สี่ธาตุ
ที่มุมหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของตำหนักเจ๋อเทียนในเมืองหลันเยี่ยน มีค่ายทหารขนาดไม่ใหญ่มากตั้งอยู่ ทหารในชุดเครื่องแบบสีฟ้าของจักรวรรดิกำลังฝึกซ้อมแทงทวน อาชาพันธุ์ดีวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว กองทหารม้าควบม้าเข้ามาในค่ายทหารอย่างรวดเร็ว ในมือถือธงลาดตระเวนรอบเมืองสีแดงดั่งโลหิต ในค่ายทหารนอกจากเสียงตะโกนของทหารที่ฝึกอยู่ ก็ไม่มีเสียงอื่นใด เป็นภาพที่ซบเซานักค่ายสารวัตรทหาร สถานที่ควบคุมกฎและวินัยทหารแห่งเมืองหลวงบนถนนใหญ่ที่ปูด้วยอิฐสีเทา ทหารลาดตระเวนที่เข้าเวรนายหนึ่งพุ่งเข้าไปในค่ายทหาร ในมือถือหนังสือทางทหารฉบับหนึ่ง คุกเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้น พูดด้วยความเคารพ “ท่านผู้บัญชาการ มีหนังสือมาจากมณฑลชางหนานขอรับ!”ทหารยืนเรียงแถวขนาบสองด้านอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านหลังโต๊ะแม่ทัพ ชายหนุ่มหน้าตาสง่างามท่วงท่าองอาจกำลังอ่านแผนที่ม้วนหนึ่งอยู่ เขาสวมเครื่องแบบนายทหารชั้นสูง บริเวณคอเสื้อประดับดาวสีทองสามดวง นั่นคือยศของนายทหารชั้นสูงระดับผู้บัญชาการของจักรวรรดิคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือผู้บัญชาการค่ายสารวัตรทหารแห่งเมืองหลวง นามว่าเซี่ยงอวี้ อายุเพียงเท่านี้แต่ก็ได้นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการ ดูแลกฎทหารทั้งกองทัพแล้ว ทั้งยังมีสถานะไม่ธรรมดาอีกต่างหาก เขาเป็นถึงทายาทรุ่นหลังของเทพทหารเซี่ยงเหวินเทียน และด้วยเหตุนี้เอง แทบทุกคนในกองทัพจักรวรรดิจึงหวาดกลัวเขาอยู่บ้าง แน่นอนว่าสิ่งที่เซี่ยงอวี้ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวนั้น จริงๆ แล้วก็คือทวนนองเลือดของเขา เซี่ยงอวี้ฝึกสุดยอดวิชาที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซี่ยงเหวินเทียน เรียกได้ว่าเขาเป็นแม่ทัพที่เก่งกล้าสามารถอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิ“มณฑลชางหนานส่งหนังสือมาอีกแล้วรึ” เซี่ยงอวี้ยิ้มถาม “คงไม่ใช่ว่าท่านลุงยังอยากให้ข้าจับกุมเจ้าหลินมู่อวี่อยู่หรอกนะ”ทหารที่เข้าเวรส่ายศีรษะ “ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ!”เซี่ยงอวี้รับหนังสือมาเปิดออก แล้วกวาดตาดู อดขมวดคิ้วไม่ได้ “มณฑลชางหนานเคลื่อนกำลังทหารกว่าหมื่นนายก็ยังหาหลินมู่อวี่ไม่เจอ จึงสงสัยว่าเขาหลบหนีเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง ท่านทั้งหลายคิดว่าควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี”นายพลยศสูงผู้หนึ่งประสานมือคารวะก่อนเอ่ยขึ้น “ท่านผู้บัญชาการ พวกเราปูพรมค้นห้าให้ทั่วเมืองหลวงดีหรือไม่ขอรับ”“ไม่ได้”เซี่ยงอวี้โบกมือ “ข้อแรก ทำแบบนี้จะใช้คนมากเกินไป หากทำให้ฝ่าบาทตกพระทัย พวกเราจะรับผิดชอบกันไม่ไหว ข้อสองถึงแม้ค่ายสารวัตรทหารจะควบคุมสามเหล่าทัพก็ตาม แต่กลับมีกำลังทหารจำกัดแค่สองพันนายเท่านั้น ไม่มีทางปูพรมค้นหาได้เลย วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะใช้คนมาก ยังเปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย”“เช่นนั้น…ท่านผู้บัญชาการมีวิธียอดเยี่ยมอะไรหรือขอรับ”เซี่ยงอวี้ยิ้มมุมปาก “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พวกเจ้าตามข้ามา เราจะไปค่ายทหารรักษาพระองค์กันสักหน่อย ไม่ได้เจอผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงนานแล้ว ฮึ…ข้ากำลังอยากจะประลองกับเขาอยู่พอดี! เรื่องนี้ให้ทหารรักษาพระองค์สามหมื่นนายของเฟิงจี้สิงจัดการเป็นวิธีที่ดีที่สุด ต้องรีบจับกุมหลินมู่อวี่ให้ได้โดยเร็ว มิเช่นนั้นท่านลุงคงเอาแต่เร่งไม่จบสิ้นเสียที”ใบหน้าของทหารผู้นั้นปรากฏรอยยิ้ม “ท่านผู้บัญชาการปรีชายิ่ง ข้าน้อยนับถือ!”……วิหารศักดิ์สิทธิ์ แสงอาทิตย์อัสดงส่องกระทบหมู่สิ่งปลูกสร้างของวิหาร และส่องกระทบรูปปั้นของ “เซี่ยงเหวินเทียน” เทพทหารแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์จนเกิดเป็นเงาทอดยาวบนพื้น ราวกับจะคลุมกลุ่มสิ่งปลูกสร้างด้านข้างเอาไว้หลินมู่อวี่เดินทะลุโถงใหญ่ ตรงไปยังเรือนทางด้านข้าง เห็นถังเสี่ยวซีที่สวมชุดสีแดงมาแต่ไกล วิญญาณยุทธ์ของถังเสี่ยวซีคือจิ้งจอกอัคคี และนางมักจะแต่งกายด้วยสีแดงเสมอ ถึงขั้นที่ว่าแม้จะสวมกระโปรงยาวสีขาวก็ยังใช้ดอกจื่ออินสีแดงมาเป็นเครื่องประดับ อีกทั้งถังเสี่ยวซีไม่ขัดสนเงินทอง จึงใส่เสื้อผ้าได้ไม่ซ้ำกันสักวัน ทำเอาหญิงสาวสูงศักดิ์ตระกูลอื่นๆ ทั่วเมืองหลวงพากันอิจฉา“มู่มู่!”ถังเสี่ยวซีเห็นหลินมู่อวี่ในทันที จึงวิ่งเข้าไปหาเขา ใบหน้านางเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข “ทำไมเจ้าถึงเพิ่งกลับมา ท่านจางเหว่ยออกไปหาเจ้าตั้งนาน!”หลินมู่อวี่ยิ้มเคอะเขิน “ข้ามีธุระนิดหน่อยน่ะ จะว่าไปเจ้ามาไม่บอกข้าสักคำ”จางเหว่ยเกาท้ายทอย ก่อนยิ้มพูด “องค์หญิง ข้าไปที่สมาคมการค้า ไปร้านศาสตราวุธก็ไม่พบท่านหลินจื้อ สุดท้ายถึงได้ไปเจอเขาที่สมาพันธ์โอสถ!”ถังเสี่ยวซียิ้มบาง “ลำบากท่านจางเหว่ยแล้ว ท่านรีบไปพักผ่อนเถอะ ปล่อยเขาไว้กับข้าก็พอแล้ว”จางเหว่ยยิ้มกรุ้มกริ่มมองหลินมู่อวี่ ยกกำปั้นแตะที่หน้าอกตัวเองเบาๆ ยิ้มเอ่ย “ท่านหลินจื้อดูแลองค์หญิงให้ดีล่ะ อย่าให้วิหารศักดิ์สิทธิ์ขายหน้าได้”หลินมู่อวี่ถลึงตาใส่เขา และมองจางเหว่ยหัวเราะแล้วเดินจากไป……“เสี่ยวซี มาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ” หลินมู่อวี่ถามถังเสี่ยวซีทำเสียงฮึ “เจ้าลืมแล้วเหรอ อีกสามวันก็จะถึงเทศกาลซั่งซีแล้วนะ เทศกาลซั่งซีเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญของจักรวรรดิ เรานัดกันไว้แล้วนะว่าจะไปฉลองเทศกาลซั่งด้วยกัน เจ้าคงไม่ได้ลืมจริงๆ หรอกใช่ไหม”“อา เปล่า เปล่าสักหน่อย!”“ฮึ!” ถังเสี่ยวซีท่าทางบ่งบอกว่า ‘ข้าเชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว’ ก่อนเอ่ยขึ้น “ยังไงเจ้าก็ต้องไปนะ ข้าจองห้องชั้นบนสุดที่หอสดับพิรุณไว้แล้ว ข้าชวนสหายอีกหลายคนเลยด้วย ทั้งท่านผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เฟิงจี้สิง องครักษ์อวี้หลินฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน แล้วก็ยังมีท่านพี่ฉินเหลยผู้บัญชาการกองทัพอวี้หลินมาร่วมฉลองด้วย เจ้าต้องไปให้ได้นะ!”“อืม ตกลง…” หลินมู่อวี่ตอบตกลงถังเสี่ยวซียู่ปาก “ทำไมหน้าตาเจ้าดูไม่มีความสุขนักเล่า ฮึ ข้ารู้นะว่าเจ้าเป็นห่วงแม่สาวงามนักปรุงโอสถฉู่เหยาแห่งสมาพันธ์โอสถว่าจะไม่มีเทียบเชิญสินะ วางใจเถอะ ข้าให้เทียบเชิญฉู่ฮว๋ายเหมียนไปสองใบ เขาจะต้องเอาไปให้ฉู่เหยาหนึ่งใบ เจ้านี่นะ…ในใจมีแต่พี่ฉู่เหยาคนเดียวใช่ไหม!”หลินมู่อวี่เห็นท่าทางกระเง้ากระงอดของนาง อดยิ้มไม่ได้ “เสี่ยวซีเจ้าเป็นองค์หญิงเชียวนะ จะไปเปรียบเทียบกับพี่ฉู่เหยาได้ยังไง นางเป็นแค่นักปรุงโอสถเอง”“ก็ได้ ยังไงเจ้าก็พูดมีเหตุผล” ถังเสี่ยวซีมือกอดอก จนเบียดเนินสองเนินตรงหน้าอกให้นูนขึ้นมาอีก แล้วเบ้ปากพูด “มู่มู่ สองสามวันนี้เจ้ายุ่งอะไรเหรอ ดูท่าระดับของเจ้าจะพัฒนาขึ้นอีกแล้ว ขอข้าชมผลการฝึกของเจ้าหน่อยสิ ว่าอย่างไร”หลินมู่อวี่ชะงัก “อยากจะดูจริงๆ เหรอ”“ก็อยากดูน่ะสิ!”“งั้นก็ได้ เสี่ยวซีอยากจะดู ข้าก็จะให้เจ้าดู พอดีเลยข้าคิดค้นกระบวนท่าขึ้นมาเองสองสามกระบวนท่า ยังไม่ได้ตั้งชื่อ เจ้าช่วยข้าตั้งชื่อเพราะๆ หน่อยก็แล้วกัน”“อืมๆ ข้านำของกินมาด้วย กินเสร็จแล้วจะดูเจ้าสาธิตนะ” ถังเสี่ยวซีดีใจกระโดดโลดเต้น“อืม!”……ถังเสี่ยวซีนำอาหารเลิศรสมาจำนวนหนึ่ง แล้วยังเหล้าชั้นดีกลิ่นหอมสดชื่นอีกด้วย หลังกินไปได้หน่อยหนึ่ง หลินมู่อวี่ก็พานางเดินไปที่ห้องฝึกลับของตน ส่วนกลุ่มองครักษ์ของถังเสี่ยวซีก็ตามมาติดๆ ทุกคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่มีอายุระหว่างยี่สิบถึงสามสิบห้าปี พวกเขามองหลินมู่อวี่ตาลุกเป็นไฟ ท่าทางคล้ายจะบอกว่า ‘หากเจ้ากล้าทำอะไรองค์หญิงละก็ พวกข้าจะตามจองล้างจองผลาญเจ้า’เมื่อถึงด้านนอกของห้องลับ ถังเสี่ยวซีหันไปพูดกับเหล่าองค์รักษ์ “เอาล่ะ ข้าจะเข้าไปกับมู่มู่ พวกเจ้ารออยู่ด้านนอกก็พอ”องครักษ์ผู้หนึ่งประสานมือคำนับก่อนเอ่ยขึ้น “องค์หญิง แบบนี้ไม่ค่อยดีกระมังพ่ะย่ะค่ะ…”ถังเสี่ยวซีเลิกเรือนคิ้วงาม “มีอะไรไม่ค่อยดีรึ เจ้าคิดว่ามู่มู่จะกินข้ารึไง”องครักษ์สีหน้าจนปัญญา บ่นในใจ ก็กลัวว่าเจ้าหนุ่มนี่จะกินอาหารรสเลิศอย่างท่านน่ะสิ! แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดออกมา ได้แต่ตอบด้วยความเคารพ “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรออยู่ด้านนอก หากองค์หญิงไม่ออกมา พวกกระหม่อมก็จะไม่ไปไหนขอรับ”“อืม!”ถังเสี่ยวซีเดินอารมณ์ดีตามหลินมู่อวี่เข้าไป พร้อมปิดประตูใหญ่ลงด้วย ในจักรวรรดิการแอบลอบดูผู้อื่นฝึกถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะอาจต้องสงสัยว่าขโมยวิชาได้ แน่นอนว่า ที่เหลยหงแอบดูหลินมู่อวี่ฝึกไม่นับ เพราะอย่างไรเสียเขาก็อายุปูนนี้แล้ว ไม่มีความไร้ยางอายเหลือแล้ว……ที่ลานบ้านกว้างขวาง มีภูเขาเทียมสองสามลูก และสระบัวอีกหนึ่งสระ“เอาล่ะ รีบให้ข้าดูเร็วเข้า!” ถังเสี่ยวซีอดใจรอแทบไม่ไหว กระโดดขึ้นมานั่งบนราวจับ เอ่ยด้วยรอยยิ้มหลินมู่อวี่พยักหน้าจิตกระบี่โผล่ขึ้นมาในทะเลจิต เขาโบกมือข้างหนึ่งเบาๆ กระบี่เหลียวหยวนที่สะพายอยู่ที่หลังก็หลุดออกจากฝัก แล้วลอยอยู่กลางอากาศ ส่งเสียงร้องเบาๆ นี่เป็นความสามารถพื้นฐานของการใช้จิตควบคุมกระบี่ถังเสี่ยวซีตะลึง ปากน้อยๆ ของนางขยับ “ทักษะควบคุมกระบี่หรือ! ยอดเลย…”หลินมู่อวี่แอบยิ้ม ความสามารถของเขามีแค่ทักษะควบคุมกระบี่ที่ไหนกันเล่า!พอคิดถึงจุดนี้ เขาก็เปล่งเสียงออกมา ปราณเริ่มเคลื่อนไหว แปรเปลี่ยนเป็นแสงอัสนีอยู่กลางฝ่ามือ แสงอัสนีก่อตัวเป็นโซ่ส่องประกายหลายสายเชื่อมระหว่างกระบี่เหลียวหยวนและฝ่ามือทั้งสองข้าง หลินมู่อวี่บังคับแรงและความเร็ว และโจมตีออกไปทันที กระบี่เหลียวหยวนพาสายฟ้าพุ่งออกไปทันที!“เปรี้ยง!”เสาหินต้นหนึ่งหักครึ่งทันที การโจมตีนี้เรียบง่ายและรุนแรง เป็นกระบวนท่าที่หลินมู่อวี่นำพิฆาตอสนีบาตและทักษะการใช้สายฟ้าควบคุมกระบี่มาผนวกเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นคือความเร็วและความแรง สามารถโจมตีอย่างฉับพลันภายในหนึ่งวินาทีได้ คนทั่วไปไม่มีทางตั้งรับได้ทัน อีกทั้งท่านี้เขาแอบฝึกด้วยตนเอง แม้แต่ผู้เฒ่ากระบี่ก็ไม่รู้!ผู้เฒ่ากระบี่กังวลว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้จะแซงหน้าตน แต่หารู้ไม่ว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้ได้ล้ำหน้าตนเองไปนานแล้ว!“โอ้โห…”ถังเสี่ยวซีอ้าปากกว้าง ก่อนเอ่ย “มู่มู่…นี่คือกระบวนท่าที่พัฒนาจากพิฆาตอสนีบาตของปู่ชวีฉู่งั้นหรือ”“อือ ข้าผสานเข้ากับทักษะการใช้สายฟ้าควบคุมกระบี่น่ะ เสี่ยวซีตั้งชื่อให้หน่อยก็แล้วกัน” เขายิ้มพูด“งั้นชื่อว่าอัสนีคลื่นคลั่งก็แล้วกัน” ถังเสี่ยวซียิ้ม“อืม เยี่ยม เหมาะมากเลย!”“ยังมีกระบวนท่าอื่นอีกไหม”“มีสิ!”หลินมู่อวี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ เกิดสายลมขึ้นกลางฝ่ามือ ระหว่างความสงบนิ่งและความเคลื่อนไหว กระแสลมที่โอบล้อมกระบี่เหลียวหยวนค่อยๆ ก่อตัวเป็นพายุขนาดเล็กอย่างช้าๆ หลินมู่อวี่เปล่งเสียง ผลักฝ่ามือออกไปด้านหน้า เกิดเสียงดังปังขึ้น พายุนี้มีกระบี่เหลียวหยวนเป็นศูนย์กลาง พุ่งเข้าใส่หินก้อนใหญ่จนหินแตกกระจุย!“สวรรค์!”ถังเสี่ยวซีนั่งไม่ติด กระโดดลงมาจากราวจับ สีหน้าตกใจ “ช่างเป็นพลังทำลายล้างที่รุนแรงเหลือเกิน!”กระแสลมรอบตัวของหลินมู่อวี่ยังคงส่งเสียงอยู่ เขายิ้มพูด “หลังจากบรรลุจิตกระบี่ ข้าลองนำหลักของธาตุลมในอากาศมาลองผสมผสานดู นึกไม่ถึงว่าจะมีอานุภาพรุนแรงขนาดนี้ อันนี้ ข้าเรียกมันว่าทักษะใช้ลมควบคุมกระบี่ อานุภาพรุนแรง ส่วนข้อด้อยก็คือต้องใช้เวลาสะสมพลังลม ถ้าสู้กับศัตรูระดับเดียวกันจึงไม่ค่อยได้ผลเท่าไร”ถังเสี่ยวซีพยักหน้ายิ้ม “อืมๆ ท่านี้ตั้งชื่อว่า ‘ทลายวายุ’ ดีไหม”“ได้ เยี่ยมไปเลย!”“ยังมีกระบวนท่าอื่นอีกไหม”“มีสิ ทีเด็ดข้ายังไม่ได้แสดงให้เจ้าดูเลยนะ…”……หลินมู่อวี่หันหน้าเข้าหาสระบัว ตั้งสมาธิ กางฝ่ามือออก ทันใดนั้นกระบี่ไร้ลักษณ์ (พลังงานที่มีรูปร่างเหมือนกระบี่) หลายสายบินออกมาจากในร่างกาย เขาปลดปล่อยจิตกระบี่ แม้แต่ถังเสี่ยวซีก็เห็นว่าปราณของเขาเปลี่ยนรูปเป็นกระบี่!“ซู่ๆ…”น้ำในสระสั่นสะเทือนรุนแรง วินาทีถัดมาน้ำในสระพุ่งขึ้นเป็นสายอยู่กลางอากาศ ราวกับมีแรงดูดพวกมันขึ้นไป อุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างรวดเร็ว นึกไม่ถึงว่าลูกธนูวารีหลายสายนั่นจะแข็งตัวกลายเป็นกระบี่น้ำค้างแข็งสีฟ้าอ่อนอย่างรวดเร็ว หากจะบอกว่าผู้เฒ่ากระบี่สอนเรื่องการปลดปล่อยจิตกระบี่ เช่นนั้นกระบวนท่านี้ของหลินมู่อวี่ก็เป็นการยกระดับขึ้นไปอีกขั้น!“ไป!”เขาโบกแขนขึ้น กระบี่น้ำแข็งนับหมื่นสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และร่วงลงสู่พื้นในชั่วพริบตา จนพื้นที่บริเวณนั้นพังพินาศเละเทะ
คอมเม้นต์