The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา ตอนที่45 ฝันคืนสู่สูงสุด 1

อ่านนิยายจีนเรื่อง The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา ตอนที่ 45 ฝันคืนสู่สูงสุด 1 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

EP.45 ฝันคืนสู่สูงสุด 1

ตอนหลินมู่อวี่ที่ตัวเปียกโชกเดินมาข้างกองไฟและนำดอกบัววางลงบนพื้นนั้น ในที่สุดชวีฉู่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “นั่นดอกบัวเจ็ดสีใช่ไหม เจ้าจะใช้มันทำอะไร”
       “ปรุงโอสถ” หลินมู่อวี่ตอบเรียบๆ
       “หลินมู่อวี่ เจ้าไม่เข้าใจจริงๆ หรือแสร้งไม่เข้าใจ” ชวีฉู่ถาม
       “ทำไมหรือขอรับ” ครั้งนี้เป็นหลินมู่อวี่ที่รู้สึกงุนงง
       ชวีฉู่นั่งตัวตรงกล่าว “ดอกบัวเจ็ดสีเป็นสมุนไพรระดับเจ็ด มีกลิ่นหอม มีพิษเล็กน้อย คนที่ใช้มันจะเกิดอาการหลอนประสาท และดอกบัวเจ็ดสีนั้นหายากมาก มีพวกชนชั้นสูงบางคนชอบใช้ผงดอกบัวเจ็ดสีมาต้มโอสถ หลังจากดื่มแล้วก็จะเกิดอารมณ์สมสุขอยู่ชั่วขณะหนึ่ง สมุนไพรชนิดนี้ถูกสมาพันธ์โอสถแห่งจักรวรรดิระบุว่าเป็นสมุนไพรต้องห้ามนานแล้ว จะมีก็แต่แพทย์ทหารเท่านั้นที่สามารถนำดอกบัวเจ็ดสีมาทำโอสถเพื่อลดความเจ็บปวดให้แก่ทหารบาดเจ็บ ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังกล้าที่จะใช้ดอกบัวเจ็ดสีปรุงโอสถอีกหรือ”
       “มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” หลินมู่อวี่คิดไปคิดมา ส่ายหน้าแล้วพูด “ไม่เป็นไร ถ้าท่านไม่พูด ก็ไม่มีใครมากล่าวหาข้าหรอก”
       เขาพูดพลางมองถังเสี่ยวซีที่หลับลึก องค์หญิงน้อยผู้งดงามคนนี้ไม่กล่าวหาตนเองแน่นอน
ชวีฉู่ถลึงตาใส่เจ้าเด็กคนนี้ “เจ้าคิดจะใช้ดอกบัวเจ็ดสีปรุงโอสถอะไร เท่าที่ข้ารู้มา ดอกบัวเจ็ดสีไม่สามารถปรุงร่วมกับโอสถอื่นได้ ส่วนตำรับโอสถของดอกบัวเจ็ดสีก็สาบสูญไปตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว”
       “ฝันคืนสู่สูงสุด”
       เพียงแค่คำง่ายๆ ไม่กี่พยางค์ ชวีฉู่ถึงกับสะท้านไปทั้งตัว
      ฝันคืนสู่สูงสุด นี่เป็นคำที่หายไปนานมาก เพราะตำรับโอสถชนิดนี้ถูกโลกลืมไปนานแล้ว คนสุดท้ายที่สามารถปรุงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดคือเทพโอสถท่านหนึ่ง แต่มันก็ผ่านมาเป็นพันปีแล้ว! ฝันคืนสู่สูงสุดเป็นโอสถที่หายากชนิดหนึ่ง ถูกสมาพันธ์โอสถยกให้เป็นโอสถระดับเจ็ด มีตำนานเล่าว่าโอสถชนิดนี้สามารถกระตุ้นศักยภาพที่ซ่อนเร้นของมนุษย์ออกมาได้ หลังจากดื่มโอสถไปแล้วจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างน้อยสามวันสามคืน เมื่อตื่นขึ้นมาพลังยุทธ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมากถึงขนาดที่มีคนเล่าขานกันว่ามีผู้ที่ปราณพิการคนหนึ่ง หลังจากได้ดื่มโอสถฝันคืนสู่สูงสุดแล้ว หลับไปสี่วัน พอตื่นขึ้นมาก็ปลุกวิญญาณยุทธ์ในร่างได้สำเร็จ!
       สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว ฝันคืนสู่สูงสุดเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาจะได้มาครอบครอง
       “เจ้ารู้ตำรับโอสถฝันคืนสู่สูงสุดจริงๆ หรือ” ชวีฉู่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
      หลินอวี่มู่ยิ้มบางๆ “แล้วท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ  หรือที่ข้าเกือบจะจมน้ำตาย ก็เพื่อเก็บบัวเจ็ดสีมาหลอกท่านเล่นงั้นหรือ”
       เขาพูดพลางมองรอบๆ “ละแวกนี้มีต้นกะโหลกไหม”
       ต้นกะโหลกเป็นหนึ่งในสมุนไพรระดับหก ว่ากันว่ามันเจริญเติบโตบนโครงกระดูกของสัตว์เท่านั้น เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นมาก ปกติจะใช้ผสมตอนปรุงโอสถ ปรับความร้อนในร่างกายมนุษย์
       ชวีฉู่พยักหน้า “ตอนที่มา ห่างไปประมาณห้าลี้มีต้นกะโหลกอยู่ เพียงแต่พลังของเจ้านั้นอ่อนแอยิ่งนัก ถ้าไปไม่แน่ว่าจะมีชีวิตรอดกลับมา เจ้าต้องเข้าใจ สัตว์วิญญาณที่อายุเกินหนึ่งพันปีก็ฆ่าเจ้าได้แล้ว ”
       หลินมู่อวี่หัวเราะหึๆ “ดังนั้นก็…”
      “เจ้าคงไม่คิดจะใช้ข้าไปเก็บต้นกะโหลกใช่ไหม”
       “แล้วท่านคิดว่าไงล่ะ”
       “ฝันไปเถอะ!” ชวีฉู่กอดอกแล้วล้มตัวลงบนโขดหิน เย็นชาอย่างที่สุด ความดื้อรั้นและความหยิ่งในศักดิ์ศรีของยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์ทำให้คนหวาดกลัวได้อยู่เหมือนกัน
       “บนโลกนี้คงมีเพียงข้าผู้เดียวที่รู้ตำรับโอสถฝันคืนสู่สูงสุด ท่านอยากเป็นคนที่สองไหมล่ะ ไม่แน่ว่าระดับราชาโอสถในวังหลวงก็อาจต้องมองท่านใหม่ก็ได้นะ” หลินมู่อวี่พูดเสียงเบา
      ร่างของชวีฉู่กระตุกเบาๆ หนึ่งที ต่อสู้กับความคิดของตัวเองไม่ถึงวินาที ก็พลิกตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปราวกับบินพร้อมกล่าวว่า “เจ้าปกป้ององค์หญิงซีให้ดีๆ ข้าจะรีบไปรีบมา!”
      ยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์นั้นรวดเร็วมาก ไม่ถึงสิบนาทีก็กลับมาแล้ว ในมือถือต้นไม้ขนาดเล็กสีขาวซีดต้นหนึ่งมาด้วย สีหน้าเอาอกเอาใจ ยิ้มพูด “ข้าเอามาให้แล้ว เจ้าต้องสอนข้าปรุงฝันคืนสู่สูงสุดด้วย!”
       หลินมู่อวี่แอบหัวเราะ แต่สีหน้ากลับเคร่งขรึม “วิธีปรุงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดนั้นมีเคล็ดลับอยู่หนึ่งอย่าง คนทั่วไปนั้นข้าไม่มีทางบอก ดังนั้นท่านอยากจะเรียนวิธีปรุงฝันคืนสู่สูงสุดก็ต้องทำตามเงื่อนไขนี้”
       “เงื่อนไขอันใด”
       “สอนเกราะศิลาเขียวกับหมัดเสียงปีศาจให้ข้า!”
      “เจ้าเด็กบ้า เจ้าอยากเรียนทั้งสองวิชาเลยรึ จะมากเกินไปแล้ว” ชวี่ฉู่เลิกคิ้วขึ้นสูง
       หลินมู่อวี่กลุ้มใจเล็กน้อย กล่าวเรียบๆ “ฝันคืนสู่สูงสุด คงจะขาดผู้สืบทอดแล้วสินะ…”
        “ช่างเถอะ ตกลง!”
      ชวีฉู่แท้จริงแล้วคือชายชราที่ไม่สามารถทนต่อสิ่งล่อตาล่อใจได้ แน่นอน ถึงจะเป็นแค่ศาสตร์ปรุงโอสถ หากไม่เป็นเพราะเขาหลงใหลในศาสตร์ปรุงโอสถขนาดนี้ เกรงว่าคงจะไม่กลายเป็นเพื่อนรักกับฉู่เฟิง
       ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงสอนวิธีใช้ฝ่ามือพิสุทธิ์สกัดแก่นโอสถของต้นกะโหลกออกมาทีละขั้นตอน กระบวนการนี้ช่างมหัศจรรย์และซับซ้อน สอนอยู่สิบรอบได้ ในที่สุดชวีฉู่ก็พอทำได้แล้ว ส่วนวิธีการสกัดแก่นโอสถจากดอกบัวเจ็ดสีนั้นง่ายกว่ามาก แต่การหลอมโอสถนั้นค่อนข้างจะซับซ้อนขึ้น คือต้องให้ไฟแก่แก่นโอสถสองชนิดนี้สลับไปมา เพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อน จากนั้นยังต้องใช้ปราณจากฝ่ามือพิสุทธิ์กระตุ้นให้แก่นโอสถทั้งสองชนิดนี้หลอมรวมกัน
      ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงเต็ม หลินมู่อวี่ก็ปรุงฝันคืนสู่สูงสุดออกมาได้ห้าขวด ส่วนชวีฉู่ปรุงออกมาได้สองขวด 
      ชวีฉู่หยิบขวดโอสถของหลินมู่อวี่ขึ้นมาดม เขาถึงกับตะลึง “ฝันคืนสู่สูงสุดเกรดสอง? สวรรค์…”

ตอนหลินมู่อวี่ที่ตัวเปียกโชกเดินมาข้างกองไฟและนำดอกบัววางลงบนพื้นนั้น ในที่สุดชวีฉู่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “นั่นดอกบัวเจ็ดสีใช่ไหม เจ้าจะใช้มันทำอะไร”
       “ปรุงโอสถ” หลินมู่อวี่ตอบเรียบๆ
       “หลินมู่อวี่ เจ้าไม่เข้าใจจริงๆ หรือแสร้งไม่เข้าใจ” ชวีฉู่ถาม
       “ทำไมหรือขอรับ” ครั้งนี้เป็นหลินมู่อวี่ที่รู้สึกงุนงง
       ชวีฉู่นั่งตัวตรงกล่าว “ดอกบัวเจ็ดสีเป็นสมุนไพรระดับเจ็ด มีกลิ่นหอม มีพิษเล็กน้อย คนที่ใช้มันจะเกิดอาการหลอนประสาท และดอกบัวเจ็ดสีนั้นหายากมาก มีพวกชนชั้นสูงบางคนชอบใช้ผงดอกบัวเจ็ดสีมาต้มโอสถ หลังจากดื่มแล้วก็จะเกิดอารมณ์สมสุขอยู่ชั่วขณะหนึ่ง สมุนไพรชนิดนี้ถูกสมาพันธ์โอสถแห่งจักรวรรดิระบุว่าเป็นสมุนไพรต้องห้ามนานแล้ว จะมีก็แต่แพทย์ทหารเท่านั้นที่สามารถนำดอกบัวเจ็ดสีมาทำโอสถเพื่อลดความเจ็บปวดให้แก่ทหารบาดเจ็บ ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังกล้าที่จะใช้ดอกบัวเจ็ดสีปรุงโอสถอีกหรือ”
       “มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” หลินมู่อวี่คิดไปคิดมา ส่ายหน้าแล้วพูด “ไม่เป็นไร ถ้าท่านไม่พูด ก็ไม่มีใครมากล่าวหาข้าหรอก”
       เขาพูดพลางมองถังเสี่ยวซีที่หลับลึก องค์หญิงน้อยผู้งดงามคนนี้ไม่กล่าวหาตนเองแน่นอน
ชวีฉู่ถลึงตาใส่เจ้าเด็กคนนี้ “เจ้าคิดจะใช้ดอกบัวเจ็ดสีปรุงโอสถอะไร เท่าที่ข้ารู้มา ดอกบัวเจ็ดสีไม่สามารถปรุงร่วมกับโอสถอื่นได้ ส่วนตำรับโอสถของดอกบัวเจ็ดสีก็สาบสูญไปตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว”
       “ฝันคืนสู่สูงสุด”
       เพียงแค่คำง่ายๆ ไม่กี่พยางค์ ชวีฉู่ถึงกับสะท้านไปทั้งตัว
      ฝันคืนสู่สูงสุด นี่เป็นคำที่หายไปนานมาก เพราะตำรับโอสถชนิดนี้ถูกโลกลืมไปนานแล้ว คนสุดท้ายที่สามารถปรุงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดคือเทพโอสถท่านหนึ่ง แต่มันก็ผ่านมาเป็นพันปีแล้ว! ฝันคืนสู่สูงสุดเป็นโอสถที่หายากชนิดหนึ่ง ถูกสมาพันธ์โอสถยกให้เป็นโอสถระดับเจ็ด มีตำนานเล่าว่าโอสถชนิดนี้สามารถกระตุ้นศักยภาพที่ซ่อนเร้นของมนุษย์ออกมาได้ หลังจากดื่มโอสถไปแล้วจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างน้อยสามวันสามคืน เมื่อตื่นขึ้นมาพลังยุทธ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมากถึงขนาดที่มีคนเล่าขานกันว่ามีผู้ที่ปราณพิการคนหนึ่ง หลังจากได้ดื่มโอสถฝันคืนสู่สูงสุดแล้ว หลับไปสี่วัน พอตื่นขึ้นมาก็ปลุกวิญญาณยุทธ์ในร่างได้สำเร็จ!
       สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว ฝันคืนสู่สูงสุดเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาจะได้มาครอบครอง
       “เจ้ารู้ตำรับโอสถฝันคืนสู่สูงสุดจริงๆ หรือ” ชวีฉู่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
      หลินอวี่มู่ยิ้มบางๆ “แล้วท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ  หรือที่ข้าเกือบจะจมน้ำตาย ก็เพื่อเก็บบัวเจ็ดสีมาหลอกท่านเล่นงั้นหรือ”
       เขาพูดพลางมองรอบๆ “ละแวกนี้มีต้นกะโหลกไหม”
       ต้นกะโหลกเป็นหนึ่งในสมุนไพรระดับหก ว่ากันว่ามันเจริญเติบโตบนโครงกระดูกของสัตว์เท่านั้น เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นมาก ปกติจะใช้ผสมตอนปรุงโอสถ ปรับความร้อนในร่างกายมนุษย์
       ชวีฉู่พยักหน้า “ตอนที่มา ห่างไปประมาณห้าลี้มีต้นกะโหลกอยู่ เพียงแต่พลังของเจ้านั้นอ่อนแอยิ่งนัก ถ้าไปไม่แน่ว่าจะมีชีวิตรอดกลับมา เจ้าต้องเข้าใจ สัตว์วิญญาณที่อายุเกินหนึ่งพันปีก็ฆ่าเจ้าได้แล้ว ”
       หลินมู่อวี่หัวเราะหึๆ “ดังนั้นก็…”
      “เจ้าคงไม่คิดจะใช้ข้าไปเก็บต้นกะโหลกใช่ไหม”
       “แล้วท่านคิดว่าไงล่ะ”
       “ฝันไปเถอะ!” ชวีฉู่กอดอกแล้วล้มตัวลงบนโขดหิน เย็นชาอย่างที่สุด ความดื้อรั้นและความหยิ่งในศักดิ์ศรีของยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์ทำให้คนหวาดกลัวได้อยู่เหมือนกัน
       “บนโลกนี้คงมีเพียงข้าผู้เดียวที่รู้ตำรับโอสถฝันคืนสู่สูงสุด ท่านอยากเป็นคนที่สองไหมล่ะ ไม่แน่ว่าระดับราชาโอสถในวังหลวงก็อาจต้องมองท่านใหม่ก็ได้นะ” หลินมู่อวี่พูดเสียงเบา
      ร่างของชวีฉู่กระตุกเบาๆ หนึ่งที ต่อสู้กับความคิดของตัวเองไม่ถึงวินาที ก็พลิกตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปราวกับบินพร้อมกล่าวว่า “เจ้าปกป้ององค์หญิงซีให้ดีๆ ข้าจะรีบไปรีบมา!”
      ยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์นั้นรวดเร็วมาก ไม่ถึงสิบนาทีก็กลับมาแล้ว ในมือถือต้นไม้ขนาดเล็กสีขาวซีดต้นหนึ่งมาด้วย สีหน้าเอาอกเอาใจ ยิ้มพูด “ข้าเอามาให้แล้ว เจ้าต้องสอนข้าปรุงฝันคืนสู่สูงสุดด้วย!”
       หลินมู่อวี่แอบหัวเราะ แต่สีหน้ากลับเคร่งขรึม “วิธีปรุงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดนั้นมีเคล็ดลับอยู่หนึ่งอย่าง คนทั่วไปนั้นข้าไม่มีทางบอก ดังนั้นท่านอยากจะเรียนวิธีปรุงฝันคืนสู่สูงสุดก็ต้องทำตามเงื่อนไขนี้”
       “เงื่อนไขอันใด”
       “สอนเกราะศิลาเขียวกับหมัดเสียงปีศาจให้ข้า!”
      “เจ้าเด็กบ้า เจ้าอยากเรียนทั้งสองวิชาเลยรึ จะมากเกินไปแล้ว” ชวี่ฉู่เลิกคิ้วขึ้นสูง
       หลินมู่อวี่กลุ้มใจเล็กน้อย กล่าวเรียบๆ “ฝันคืนสู่สูงสุด คงจะขาดผู้สืบทอดแล้วสินะ…”
        “ช่างเถอะ ตกลง!”
      ชวีฉู่แท้จริงแล้วคือชายชราที่ไม่สามารถทนต่อสิ่งล่อตาล่อใจได้ แน่นอน ถึงจะเป็นแค่ศาสตร์ปรุงโอสถ หากไม่เป็นเพราะเขาหลงใหลในศาสตร์ปรุงโอสถขนาดนี้ เกรงว่าคงจะไม่กลายเป็นเพื่อนรักกับฉู่เฟิง
       ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงสอนวิธีใช้ฝ่ามือพิสุทธิ์สกัดแก่นโอสถของต้นกะโหลกออกมาทีละขั้นตอน กระบวนการนี้ช่างมหัศจรรย์และซับซ้อน สอนอยู่สิบรอบได้ ในที่สุดชวีฉู่ก็พอทำได้แล้ว ส่วนวิธีการสกัดแก่นโอสถจากดอกบัวเจ็ดสีนั้นง่ายกว่ามาก แต่การหลอมโอสถนั้นค่อนข้างจะซับซ้อนขึ้น คือต้องให้ไฟแก่แก่นโอสถสองชนิดนี้สลับไปมา เพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อน จากนั้นยังต้องใช้ปราณจากฝ่ามือพิสุทธิ์กระตุ้นให้แก่นโอสถทั้งสองชนิดนี้หลอมรวมกัน
      ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงเต็ม หลินมู่อวี่ก็ปรุงฝันคืนสู่สูงสุดออกมาได้ห้าขวด ส่วนชวีฉู่ปรุงออกมาได้สองขวด 
      ชวีฉู่หยิบขวดโอสถของหลินมู่อวี่ขึ้นมาดม เขาถึงกับตะลึง “ฝันคืนสู่สูงสุดเกรดสอง? สวรรค์…”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด