The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา ตอนที่96 ใช้จิตควบคุมกระบี่
“เช่นนั้นก็ตกลงขอรับ วิหารศักดิ์สิทธิ์มีบุญคุณต่อข้า ไม่อาจไม่ตอบแทน”หลินมู่อวี่วางอาวุธที่หอบมาลง “พวกนี้คืออาวุธระดับภูต ราคาในท้องตลาดตอนนี้เท่าไรหรือขอรับ”เกอหยางกวาดสายตามองออกไปไกล แล้วเอ่ย “ครูฝึกหลิว เมื่อก่อนเจ้าเคยรับหน้าที่ตรวจสอบที่สมาพันธ์ศาสตราวุธแห่งเมืองหลวง เจ้ามาประเมินระดับของอาวุธเหล่านี้หน่อยได้หรือไม่”ครูฝึกหลิวเป็นชายร่างใหญ่กำยำหนวดเคราเต็มหน้า เขาเดินขึ้นหน้ามา หยิบกระบี่เล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วดึงออกมาจากฝัก ปลายนิ้วลูบไล้ตัวกระบี่ ดวงตาเป็นประกาย ก่อนยิ้มพูด “ยอดกระบี่…นี่เป็นกระบี่เหล็กทมิฬระดับภูตขั้นเจ็ด ราคาในตลาดน่าจะอยู่ที่ 700 – 1,200 เหรียญทองขอรับ เป็นของล้ำค่าที่พวกคุณชายสูงศักดิ์ทั้งหลายต่างแย่งชิงกันเลยนะขอรับ”หลินมู่อวี่หันไปยิ้มให้เหลยหง “เช่นนั้นขายให้วิหารในราคาลดครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน กระบี่พวกนี้ขายให้ท่านด้ามละห้าร้อยเหรียญทอง ปู่เหลยหง คิดว่าอย่างไรขอรับ”เหลยหงพยักหน้าอย่างยินดี “อืม ผู้ดูแลเกอหยาง นำเงินของวิหารสองพันห้าร้อยเหรียญทองให้หลินจื้อ! แล้วอย่าลืมเก็บอาวุธเหล่านี้ไว้ที่ชั้นบนสุดของหอศาสตราวุธ มีเพียงครูฝึกระดับดาวสีเงินและผู้ช่วยฝึกระดับดาวสีทองเท่านั้นที่สามารถใช้อาวุธเหล่านี้ได้”เกอหยางประสานมือคำนับ “ขอรับ ผู้ดูแลอาวุโส!”……หลังจากที่หลินมู่อวี่รับเงิน เขาก็ออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ แวะซื้อฝักกระบี่ชุดใหม่เสร็จแล้วก็ตรงไปยังร้านศาสตราวุธว่านเซิ่งทันที รู้สึกดีอกดีใจอย่างยิ่ง เพราะตนเองทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผู้เฒ่ากระบี่สำเร็จ กระบี่เหลียวหยวนที่หลอมขึ้นใหม่กลายเป็นอาวุธกึ่งเทพระดับนิลขั้นที่ห้า คราวนี้ผู้เฒ่ากระบี่คงจะถ่ายทอดวิชากระบี่ระดับสูงให้กับตนตามที่สัญญาได้แล้วกระมัง” เช้าตรู่ ร้านศาสตราวุธว่านเซิ่งเพิ่งเปิดทำการ ตอนที่หลินมู่อวี่ก้าวขาเข้าไปนั้นก็เห็นผู้เฒ่ากระบี่ในชุดสีขาวยืนอยู่บนยอดกิ่งไม้มาแต่ไกล ท่าทางสง่างามประดุจเซียน ปลายเท้าเหยียบอยู่บนยอดกิ่งอ่อน กระบี่ยาวบินวนรอบกายอย่างเชื่องช้า เขากำลังดูดซับไอวิญญาณจากแสงอรุณ ขณะสูดลมหายใจเข้าออกท่วงท่าดุจดั่งยอดฝีมือระดับปรมาจารย์สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าผู้เฒ่ากระบี่ผู้นี้เป็นใคร แต่อย่างน้อยหลินมู่อวี่ก็มั่นใจว่าพลังของผู้เฒ่ากระบี่ไม่เป็นรองเหลยหงและชวีฉู่อย่างแน่นอน บางทีอาจเป็นยอดฝีมือที่มีจำนวนนับนิ้วได้ของจักรวรรดิ เพียงแต่มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ไม่มีใครรู้จักก็เท่านั้นหลินมู่อวี่ไม่ได้รีบเข้าไปขัดจังหวะ แต่ประคองกระบี่เหลียวหยวนไว้ และยืนบนทางเดินหินเงียบๆ มองผู้เฒ่ากระบี่ฝึกลมหายใจเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง พระอาทิตย์ลอยขึ้นสูง ไอวิญญาณในแสงอรุณค่อยๆ ถูกแผดเผาจนสลายไป ในที่สุดผู้เฒ่ากระบี่ก็ลืมตาขึ้นช้าๆ มองเด็กหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาชื่นชม ยิ้มเอ่ย “จอมยุทธ์น้อย เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือ”“ขอรับ”หลินมู่อวี่กระโดดไปด้านหน้า มือประคองกระบี่เหลียวหยวน คุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมยื่นกระบี่ออกไป “อาจารย์ เชิญท่านตรวจสอบ”“โอ้?”ผู้เฒ่ากระบี่อดยิ้มไม่ได้ ยื่นมือไปรับกระบี่เหลียวหยวน ชักกระบี่ออกจากฝัก เขารู้สึกได้ถึงเปลวเพลิงที่แผ่ซ่านออกมาจากคมกระบี่ทันที พร้อมกับเสียงกรีดร้องของมังกรไฟดังแว่วมา ความโค้งของตัวกระบี่ดูเรียบง่ายแต่งดงามนัก เป็นผลงานยอดเยี่ยมระดับปรมาจารย์ ปลายนิ้วลูบไล้คมกระบี่อย่างแผ่วเบา คมกระบี่ดูทรงพลัง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ระดับนิลขั้นที่ห้า เป็นกระบี่ชั้นยอดอย่างที่คิดไว้ ใช้วิญญาณมังกรไฟอายุเก้าพันปีสินะ”หลินมู่อวี่ตกใจ “อาจารย์รู้ด้วยหรือขอรับ”ผู้เฒ่ากระบี่หัวเราะลั่น “หากเรื่องแค่นี้ข้ายังไม่รู้ ยังจะเป็นอาจารย์ของเจ้าได้อีกหรือ”“ฮ่า ก็จริง…”“ลุกขึ้นเถิด ข้ารับเจ้าเป็นศิษย์แล้ว”“ขอบคุณอาจารย์ขอรับ!”หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยืน ใบหน้าปรากฏความยินดียิ่ง……ผู้เฒ่ากระบี่มองศิษย์ใหม่ผู้นี้ เอ่ยเสียงเบา “แนวทางของกระบี่ กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต คิดจะเรียนวิชาควบคุมกระบี่ที่แท้จริงให้สำเร็จ เจ้าจักต้องฝึกจิตกระบี่ให้บรรลุ ผู้ที่ไร้จิตกระบี่จึงมิอาจเชื่อมจิตกับกระบี่ได้ เข้าใจหรือไม่”หลินมู่อวี่งุนงง “ไม่ค่อยจะเข้าใจขอรับ…”ผู้เฒ่ากระบี่ยิ้ม “ก็ไม่แปลก ความรู้ในวิชากระบี่ของเจ้าก่อนหน้ามีเพียงผิวเผิน พูดให้ชัดเจนหน่อยก็คือ วิชาควบคุมกระบี่บนยุทธภพนั้นล้วนใช้ปราณควบคุมกระบี่ทั้งสิ้น ใช้ปราณบังคับให้กระบี่เหาะเหินเคลื่อนที่ แต่วิชาของข้าเป็นการใช้จิตควบคุมกระบี่ พูดง่ายๆ ก็คือเชื่อมจิตกับวิญญาณของกระบี่ คนและกระบี่รวมเป็นหนึ่ง ถึงแม้กระบี่จะหลุดจากมือก็สามารถบินได้ดั่งที่ใจเจ้าปรารถนา”“ใช้ปราณควบคุมกระบี่กับใช้จิตควบคุมกระบี่แตกต่างกันด้วยหรือ” หลินมู่อวี่ยิ้มถามด้วยความกระอักกระอ่วนผู้เฒ่ากระบี่อดหัวเราะไม่ได้ เขาไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม “ยามที่ต้องออกศึก จิตหรือปราณของเจ้าเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วกว่ากันล่ะ”หลินมู่อวี่เข้าใจโดยพลัน “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ การใช้จิตควบคุมกระบี่ถึงจะเป็นสุดยอดการควบคุมกระบี่ขอรับ!”ผู้เฒ่ากระบี่ลูบเคราขาว สีหน้ามีความยโสที่ดูถูกทุกสรรพสิ่ง “ถูกต้อง เมื่อเจ้าใช้จิตควบคุมกระบี่จนชำนาญแล้ว เจ้าจะค้นพบว่าการใช้ปราณควบคุมกระบี่นั้นเงอะงะขนาดไหน”“ขอรับ ขอบคุณอาจารย์ แล้วเราจะเริ่มฝึกเมื่อไรดีขอรับ”“เราไม่ได้เริ่มกันไปแล้วหรอกหรือ”“อาฮะ อภัยความเขลาของศิษย์ด้วย…”“ใช่แล้ว” จู่ๆ ผู้เฒ่ากระบี่ก็ตัดบทขึ้นมา“อะไรหรือขอรับอาจารย์”ผู้เฒ่ากระบี่กระแอม ก่อนยิ้มพูด “จะเรียนวิชาควบคุมกระบี่กับข้าก็ย่อมได้ แต่ไม่ใช่ว่าข้าจะสอนเจ้าเปล่าๆ ก่อนที่เจ้าจะเรียนสำเร็จ เจ้าต้องเพิ่มกระบี่ระดับนิลหนึ่งเล่มและกระบี่ระดับภูตสองเล่มให้ร้านศาสตราวุธว่านเซิ่งของข้าด้วย จะได้หรือไม่”หลินมู่อวี่ประสานมือคำนับทันที “ขอรับ!”“อืม เช่นนั้นเราก็เริ่มกันเถอะ ขั้นแรก เจ้าต้องบรรลุจิตกระบี่ให้ได้เสียก่อน กระบี่เดิมทีก็เป็นเพียงเหล็กธรรมดา แต่มีวิญญาณเพราะมีผู้ใช้มัน กระบี่เคลื่อนที่ตามจิต กระบี่ไม่ได้อยู่ที่มือ แต่อยู่ที่ใจ…”ผู้เฒ่ากระบี่ร่ายเคล็ดวิถีกระบี่ ให้หลินมู่อวี่ท่องจำ จากนั้นจึงถ่ายทอดวิธีโคจรปราณ หลังจากสอนไปหนึ่งรอบ ผู้เฒ่ากระบี่ก็สะบัดแขนเสื้อแล้วกล่าว “ข้าจะไปเข้าญาณด้านใน เจ้าก็ฝึกที่ลานบ้านไป ภายในสามวันต้องบรรลุจิตกระบี่ให้ได้ มิเช่นนั้นก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเรียนการใช้จิตควบคุมกระบี่ต่อ”หลินมู่อวี่พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ หมุนตัวแล้วไปนั่งที่ขั้นบันไดหินกลางลานบ้าน ดำดิ่งเข้าวิถีกระบี่อย่างเงียบสงบ……ผู้เฒ่ากระบี่หมุนตัวแล้วพุ่งเข้าไปที่ด้านหลังโถง นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างอายุกว่าหกสิบปี ประคองกระถางธูปอยู่หนึ่งอัน เอ่ยเสียงเบา “ท่านให้เด็กผู้นี้บรรลุจิตกระบี่ภายในสามวันจะไม่ยากเกินไปหรือขอรับ แม้แต่ท่านเองยังใช้เวลาถึงห้าวันห้าคืนกว่าจะบรรลุจิตกระบี่เลยนะขอรับ!”ผู้เฒ่ากระบี่ยิ้มบางๆ “สรรพสิ่งล้วนมีโชคชะตา ข้าเคยชินกับความสันโดษ ไม่คิดอยากจะรับศิษย์ แต่เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ฉลาดเฉลียวนัก จะสามารถร่ำเรียนจิตกระบี่ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขา เจ้าแค่ไปส่งอาหารสามมื้อให้เขาก็พอแล้ว”“ขอรับ”……นั่งอยู่แบบนี้สองวันแล้ว ในสองวันนี้ หลินมู่อวี่กินแค่อาหารสามมื้อ แต่กลับไม่รู้สึกหิวโหยมากอะไรที่ผู้เฒ่ากระบี่กล่าว “กระบี่เป็นเหล็กธรรมดา มีวิญญาณเพราะมีผู้ใช้มัน” เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้หลินมู่อวี่ครุ่นคิดถึงสองวันสองคืน อะไรที่เรียกว่ากระบี่อยู่ในใจกระบี่เหลียวหยวนนอนนิ่งอยู่บนตักของเขา เขานั่งนิ่งๆ สัมผัสจิตกระบี่ กลางคืนในปลายฤดูใบไม้ร่วงอากาศหนาวเย็น ลมหนาวพัดผ่านใบหน้าวูบหนึ่ง เขาหลับตานิ่ง ทว่ารอบกายกลับมีปราณสีฟ้าลอยขึ้นมาหลายสายอย่างเชื่องช้า แล้วเปลี่ยนรูปเป็นกระบี่หลายเล่ม จากนั้นก็แทรกซึมกลับเข้าร่าง ทำเอาพ่อบ้านที่ดูอยู่ตกตะลึงจนตาค้างแม้ว่าหลินมู่อวี่จะหลับตาอยู่ แต่เขากลับมองเห็นความว่างเปล่าในทะเลจิต ค่อยๆ มีกระบี่ยาวสีแดงเพลิงเล่มหนึ่งก่อตัวขึ้น นั่นคือภาพเสมือนของกระบี่เหลียวหยวน!“อะไรน่ะ” เขาตกตะลึง เหตุใดกระบี่เหลียวหยวนถึงเข้าไปอยู่ในทะเลจิตของตนได้ล่ะ หรือว่านี่ก็คือกระบี่อยู่ในใจตามที่ผู้เฒ่ากระบี่กล่าวไว้“วิ้งงงง…”กระบี่เหลียวหยวนที่อยู่บนตักส่งเสียงหวีดแหลมเบาๆ หลินมู่อวี่รีบลุกขึ้นยืน ตอนที่มือของเขาจับกระบี่เหลียวหยวนอีกครั้ง พลันเกิดความรู้สึกเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณแล่นมาจากด้ามจับกระบี่“แอ๊ด…”ประตูโถงด้านหลังถูกเปิดออก ผู้เฒ่ากระบี่เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มชื่นชมบนใบหน้า “หลินมู่อวี่ เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่สองวันสองคืนเจ้าก็บรรลุจิตกระบี่ได้แล้ว!”หลินมู่อวี่ชะงักไปเล็กน้อย “ข้าบรรลุจิตกระบี่แล้วเช่นนั้นหรือ อาจารย์…ทำไมท่านถึงรู้ชื่อจริงของข้าได้”“หากไม่รู้กระทั่งว่าเจ้าคือใคร ข้าจะกล้ารับเจ้าเป็นศิษย์ได้อย่างไร”ผู้เฒ่ากระบี่ยิ้ม “การฝึกขั้นต่อไปคือการเชื่อมจิต ส่งจิตของเจ้าเข้าไปในกระบี่ และเชื่อมจิตกับวิญญาณกระบี่เสีย แต่ต้องระวัง เพราะขั้นตอนนี้มีอันตรายอยู่บ้าง ถ้าพลาดพลั้งจิตของเจ้าอาจจะถูกวิญญาณกระบี่กลืนกินได้ เพราะอย่างไรเสียวิญญาณกระบี่ส่วนมากก็เป็นสัตว์วิญญาณที่ดุร้าย คิดจะทำให้มันเชื่องย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย”“อืม ทราบแล้วขอรับ”……ผู้เฒ่ากระบี่หันหลังกลับเข้าห้อง หลินมู่อวี่กุมกระบี่เหลียวหยวนแล้วนั่งลงอีกครั้ง เขาหลับตา จิตสำนึกค่อยๆ แผ่ขยายออกไป และแทรกซึมเข้าไปในกระบี่เหลียวหยวนทีละนิดภายในกระบี่คล้ายเป็นโลกอีกใบหนึ่ง ว่างเปล่าและมืดมิด จิตสำนึกของหลินมู่อวี่ก่อรูปเป็นตัวเขา เขามองไปรอบด้านที่มืดมิดอย่างตกตะลึง แล้วค่อยๆ บินออกไป“โฮก…”ทันใดนั้นเอง เบื้องหน้าก็มีสัตว์ร้ายสีแดงเพลิงตนหนึ่งปรากฏขึ้น บินฉวัดเฉวียนไปมาอยู่บนฟ้า อ้าปากมหึมาของมันพุ่งโจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง นั่นก็คือสัตว์วิญญาณในกระบี่—มังกรไฟ!“เอ๋?”หลินมู่วอวี่รีบกางแขนออก แล้วใช้แขนทั้งสองรับขากรรไกรบนล่างที่กดลงมาของมังกรไฟ ทว่าพลังของมังกรไฟนั้นแกร่งเกินไป มันยังคงกัดลงมาได้ “ฉึก” ภายใต้ความเจ็บปวดรุนแรง แขนขวาของหลินมู่อวี่ถูกกัดขาด มังกรไฟเคี้ยวอาหารเลิศรสนี้แล้วกลืนลงท้อง แผดเสียงคำรามไม่หยุด กางกรงเล็บออกหมายโจมตีอีกครั้ง!“ฉัวะ…”พริบตาเดียวบนหน้าอกของกายจิตของหลินมู่อวี่ก็ถูกตะปบใส่ ร่างกายสลายเป็นประกายดาวกระจายออกไป มังกรไฟยังคงคำรามต่อเนื่อง อ้าปากหวังจะกัดแขนอีกข้างของเขา“เดรัจฉาน!”หลินมู่อวี่คำรามค่ำ ความโกรธที่ยากจะบรรยายก็พรั่งพรูออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ วินาทีถัดมา ลำแสงสีทองปรากฏขึ้นมาท่ามกลางความมืด มังกรสีทองโผล่ออกมาจากร่างของเขาพร้อมกับเปลวเพลิง ลำตัวยาวของมันโอบร่างของหลินมู่อวี่ หันศีรษะจ้องไปทางมังกรไฟอย่างดุดัน พลันแผดเสียงคำรามออกมา แล้วพุ่งเข้ากัดเข้าที่หัวของมังกรไฟ แล้วฉีกสะบัด!“ผัวะ!”กรงเล็บอันมหึมาสะบัดออก ตะครุบเข้าที่คอของมังกรไฟไว้อย่างแน่นหนา ปากมังกรอ้าขึ้น เปลวเพลิงร้อนแรงเอ่อออกมา กำลังจะพ่นไฟใส่มังกรไฟตัวนี้“โฮกกก…”ไม่น่าเชื่อว่ามังกรไฟจะส่งเสียงโหยหวนโศกเศร้า ก้มศีรษะอันหยิ่งยโส ส่งเสียงฮือๆ ราวกับกำลังร้องไห้อยู่มันกำลังวิงวอนขอให้ยกโทษอยู่หรือ!เมื่ออยู่ต่อหน้ามังกรที่แท้จริง มีหรือที่มังกรไฟต่ำต้อยตนนี้จะกล้ากำแหงได้อีกหลินมู่อวี่อดยิ้มออกมาไม่ได้ พละกำลังค่อยๆ สลายไป และปราณรูปร่างมังกรที่พันอยู่รอบกายก็ค่อยๆ จางหายไป ส่วนมังกรไฟตนนี้กลับหมอบแทบเท้าของหลินมู่อวี่ ราวกับกำลังแสดงความภักดี……“ฮึ แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย…”เขายิ้มบางๆ เรียกจิตสำนึกกลับมาอย่างช้าๆ แล้วลืมตาขึ้น พอก้มหน้ามอง กลับรู้สึกถึงความปีติยินดีที่ออกมาจากกระบี่เหลียวหยวน เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ จิตกระบี่เชื่อมต่อกับวิญญาณกระบี่ได้จริงๆ มีเรื่องอัศจรรย์แบบนี้จริงด้วย!
คอมเม้นต์