The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา ตอนที่95 อาวุธไม่หนัก ฟันไม่สะใจ
“ปู่เหลยหง ท่านไม่ต้องแอบดูแล้ว…”ด้านนอกประตูหินมีเสียงซวบซาบขึ้น หลินมู่อวี่ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเหลยหงกำลังคอย “คุ้มครอง” ตนอยู่เหลยหงหัวเราะหน้าตาย “ซื้อเหล็กทมิฬกลับมามากขนาดนี้ จะตีอาวุธหรือ น่าเสียดายแม้แต่เตาก็ยังไม่มี ข้าจะให้คนไปยกมาให้เจ้าอันหนึ่งไหม”“ไม่ต้องหรอกขอรับ แค่ท่านไม่แอบดูก็พอแล้ว…”“ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ตั้งใจฝึกเถอะ!”เสียงฝีเท้าไกลออกไป เหลยหงเดินจากไปไกลแล้ว……หลินมู่อวี่วางเหล็กทมิฬลง แบมือข้างหนึ่งเรียกติ่งหลอมอาวุธออกมา ในติ่งหลอมอาวุธเต็มไปด้วยอักขระภาพสีทองลอยวนอยู่ ติ่งนี้ได้รับพัฒนาจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว จัดเป็นของล้ำค่ายิ่งบนโลกนี้!ประเมิณน้ำหนักของเหล็กทมิฬแล้ว อาวุธของจักรวรรดิโดยทั่วไปมีน้ำหนักมาก อาวุธพวกกระบี่ปกติจะหนักประมาณสิบถึงยี่สิบกิโลกรัม ถ้าใช้คำพูดของพวกจางเหว่ยก็คงจะบอกว่า “อาวุธไม่หนัก ฟันไม่สะใจ” ถ้าให้คนนิสัยอย่างจางเหว่ยไปอยู่ในยุคปัจจุบัน คงได้ถือมีดหั่นแตงโมไล่ฟันคนเป็นแน่เขาเลือกเหล็กทมิฬที่หนักราวยี่สิบจินมาหนึ่งก้อน แล้วโยนออกไปในติ่ง เหล็กทมิฬลอยคว้างอยู่ในติ่งหลอมอาวุธ หลังจากขจัดสิ่งแปลกปลอมออกแล้ว น่าจะเหลือน้ำหนักอยู่สักสิบห้าจิน กระบี่เล่มหนึ่งหนักสิบห้าจินกำลังดี เพราะไม่ใช่อาวุธอย่างดาบศึกหรือหอกยาวอะไรพวกนั้น ที่มักจะมีน้ำหนักน่ากลัวถึงร้อยกว่าจิน!เมื่อปล่อยปราณออกมา ภายในติ่งหลอมอาวุธก็มีเปลวไฟเกิดขึ้น และเริ่มหลอมเหล็กทมิฬก้อนนี้อย่างรวดเร็ว อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ระดับความเร็วในการหลอมก็เร็วขึ้นเช่นกัน ไม่ถึงห้านาทีเหล็กก้อนนี้ก็ถูกหลอมจนกลายเป็นน้ำเหล็กสีแดงเพลิง น้ำเหล็กไหลวนอยู่ในติ่งหลอมอาวุธช้าๆ ถูกพลังอันไร้ลักษณ์ควบคุมเอาไว้ แน่นอนว่าต้นกำเนิดพลังนี้ก็คือหลินมู่อวี่ปราณเพิ่มขึ้น ประกายเล็กๆ ลอยขึ้นมาจากน้ำเหล็ก นั่นคือสิ่งปนเปื้อนที่อยู่ในน้ำเหล็กที่ถูกเผาไหม้อย่างรุนแรงจนระเหิดออกมา การหลอมใช้เวลาราวสิบนาที พอประมาณแล้วล่ะ ระดับความบริสุทธิ์ของเหล็กทมิฬก้อนนี้อย่างน้อยก็มากกว่า 99.5 % แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ หลินมู่อวี่มองดูแล้ว อาวุธชั้นยอดในร้านศาสตราวุธ จริงๆ แล้วมีระดับความบริสุทธิ์ของเหล็กทมิฬไม่ถึง 90 % ด้วยซ้ำไปน้ำเหล็กหลอมเสร็จสิ้น ถึงตาศิลาวิญญาณแล้ว!หลินมู่อวี่หยิบศิลาวิญญาณขึ้นมาหนึ่งก้อน เป็นศิลาวิญญาณของสัตว์ศิลาอายุเจ็ดร้อยปี เขาแบมือออก ศิลาวิญญาณก็ไปอยู่ในติ่งหลอมอาวุธ เปลวเพลิงกลืนกินมันทันที ขั้นตอนการหลอมศิลาวิญญาณง่ายดายยิ่ง ยิ่งพลังของตนเองแข็งแกร่งมากเท่าไร ความเร็วในการหลอมก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น พลังของหลินมู่อวี่จัดว่าเข้มแข็งมากแล้ว อย่างน้อยก็เหนือกว่าสัตว์วิญญาณอายุเจ็ดร้อยปีแต่ในวินาทีที่หลอมศิลาวิญญาณสำเร็จนั้น จู่ๆ ก็มีเสียง “โฮก” ดังขึ้น สัตว์ศิลาดุร้ายตนหนึ่งพุ่งออกจากติ่งหลอมอาวุธ กางกรงเล็บตะปบใส่หลินมู่อวี่!“เฮ้ย!?”เขาตกใจ รีบเรียกวิญญาณยุทธ์ออกมา กระดองเต่าทมิฬปรากฏขึ้น กรงเล็บของสัตว์ร้ายนั้นก็ตะปบเข้าที่กระดองเต่าทมิฬ หน้าอกรู้สึกร้อนวาบ แต่ไม่ได้บาดเจ็บ หลินมู่อวี่คำรามเสียงต่ำ ปราณทะลวงออกมาจากร่างกาย กระแทกวิญญาณสัตว์ร้ายให้กลับเข้าไปในติ่งหลอมอาวุธ“โฮก โฮก…”แม้ว่าสัตว์ศิลากำลังคำรามอย่างเกรี้ยวกราดอยู่นั้น ทว่าเสียงก็เบาลงเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็สลายหายไปในน้ำเหล็ก วิญญาณสัตว์ถูกหลอมจริงๆ แล้ว หลินมู่อวี่เหงื่อกาฬไหลพลั่ก ผ่อนลมหายใจออกอย่างหวาดผวา เขาคิดไม่ถึงว่าขั้นตอนการหลอมวิญญาณจะมีอันตรายขนาดนี้ วิญญาณสัตว์ในศิลาวิญญาณแว้งโจมตีผู้ที่หลอมมันได้ น่ากลัวชะมัด!ในตอนนี้เขาอดกังวลการหลอมกระบี่ด้ามถัดไปของเขาไม่ได้ หากวิญญาณมังกรไฟอายุเก้าพันปีนี้แว้งจู่โจมขึ้นมาล่ะก็ ตัวเขาจะต้านไหวได้อย่างไรพอคิดถึงตรงนี้ก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ มิน่าเหล่าช่างตีเหล็กระดับเทพบนโลกนี้ถึงได้หลอมอาวุธชั้นยอดออกมาได้อย่างยากเย็นแสนเข็น ที่แท้ก็มีเงื่อนไขเยอะแบบนี้นี่เอง ไม่เพียงแต่จะต้องหลอมอาวุธได้ ยังต้องมีพลังด้วยเช่นกัน เมื่อคิดดูแล้วต้องมีช่างตีเหล็กจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตเพราะโดนวิญญาณสัตว์แว้งกัดแน่นอน“พี่ชาย ต้องการกระบี่แบบใดเจ้าคะ” ลู่ลู่เอ่ยยิ้มถาม ตอนนี้นางเป็นผู้ช่วยตีอาวุธของหลินมู่อวี่เรียบร้อยแล้วกระบี่รูปแบบต่างๆ กว่าร้อยแบบปรากฏขึ้นในติ่งหลอมอาวุธอย่างรวดเร็ว แบบกระบี่พวกนี้เป็นแบบที่ลู่ลู่สร้างขึ้นมา หลินมู่อวี่กวาดตามอง แล้วเลือกกระบี่ที่หน้าตามาตรฐานเล่มหนึ่ง จากนั้นพลังในติ่งหลอมอาวุธก็เริ่มไหลเชี่ยว พลังไร้ลักษณ์ก็ก่อตัวเป็นแม่พิมพ์กระบี่ น้ำเหล็กพร้อมวิญญาณสัตว์ไหลเข้าสู่แม่พิมพ์กระบี่อย่างเชื่องช้าหลินมู่อวี่ค่อยๆ ปล่อยปราณออกมา ชั่วพริบตาติ่งหลอมอาวุธก็เย็นลงทันที“ตูม!”กระบี่ยาวรูปทรงมาตรฐานเล่มนี้ร่วงลงไปในสระน้ำด้านข้าง ไอน้ำเดือดฟู่ขึ้นมา ผ่านไปเกือบครึ่งนาที หลินมู่อวี่ยื่นมือออกไปหยิบกระบี่ยาวขึ้นมา เขาถือมันไว้ในมือ รู้สึกเพียงประกายกระบี่ใสและเย็น จึงยิ้มออกมา “ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่าอาวุธแบ่งระดับอย่างไร ลู่ลู่เจ้ารู้รึเปล่า”ภูติระบบตัวจิ๋วยืดอกน้อยๆ ของนาง ยิ้มเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “พี่ชาย นี่เป็นอาวุธวิญญาณระดับภูตขั้นเจ็ดเจ้าค่ะ ผลงานชิ้นแรกของท่านก็เป็นระดับภูตเลย ไม่เลวเลยเจ้าค่ะ!”“อืม เช่นนั้นก็ดี!”หลินมู่อวี่ยิ้มพออกพอใจ ดูท่าขอแค่ตนเองขยันฝึก การเป็นเทพหลอมอาวุธบนโลกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้จะไม่มีทางสร้างอาวุธเทพอย่าง “กระบี่ดวงดารา” ได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยอาวุธระดับนิลเขาก็ทำออกมาได้……เขาตีกระบี่ออกมาติดต่อกันถึงสี่เล่ม สามเล่มเป็นระดับภูติขั้นเจ็ด และอีกหนึ่งเล่มเป็นระดับภูตขั้นหก เป็นเพราะวัตถุดิบไม่ดีพอ แต่ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เหล็กทมิฬพวกนี้เป็นเหล็กทมิฬร้อยปีในตำนาน ไม่จัดว่าเป็นของล้ำค่าอะไร จึงหลอมอาวุธออกมาได้มากสุดก็แค่ระดับนี้เท่านั้นสุดท้ายก็ถึงตากระบี่เหลียวหยวนแล้ว!เขานำกระบี่เหลียวหยวนใส่ลงในติ่งหลอมอาวุธอย่างระมัดระวังแล้ว แต่ทว่ากระบี่เหลียวหยวนเป็นกระบี่วิเศษที่ขึ้นรูปแล้ว การหลอมมันใหม่ต้องใช้ความชำนาญไม่น้อยทีเดียว เกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็หลอมตัวกระบี่ได้ ตอนที่ตัวกระบี่ทั้งหมดกลายเป็นน้ำเหล็ก ก็มีเสียงคำรามต่ำดังขึ้น เป็นไปตามที่คิดไว้ วิญญาณสัตว์ในกระบี่เหลียวหยวนปรากฏกายออกมา!หลินมู่อวี่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงใช้หมัดเสียงปีศาจโจมตีมันสลายไป!พอเป็นแบบนี้กระบี่เหลียวหยวนจึงกลายเป็นอาวุธที่ไม่มีการหลอมวิญญาณเล่มหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นไร ศิลาวิญญาณของมังกรไฟเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วพอปิดตาลงก็ปล่อยพลังเข้าไปในติ่งหลอมอาวุธเพื่อหลอมขจัดสิ่งปนเปื้อนในน้ำเหล็ก ประกายสีแดงเพลิงค่อยๆ โผล่ขึ้นมา ปลิวว่อนทั่วติ่งหลอมอาวุธ และตกลงลงสู่พื้นใส่เหล็กทมิฬใหม่เข้าไปหลอมอีกครั้ง หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า น้ำเหล็กสีแดงเพลิงก็รวมกันเป็นสายอยู่ภายในติ่งหลอมอาวุธ คล้ายธารลาวาเดือดพล่านสีแดงฉานสายหนึ่ง สิ่งปนเปื้อนถูกกำจัดออกไปจนหมด ระดับความบริสุทธิ์มากกว่า 99.8 % แน่นอน นี่เป็นความบริสุทธิ์ที่พลังของหลินมู่อวี่ในตอนนี้จะสามารถทำได้เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ล้วงศิลาวิญญาณของมังกรไฟออกมา การผจญอันตรายที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!ศิลาวิญญาณมังกรไฟก้อรนี้ดื้อรั้นเป็นอย่างยิ่ง แค่หลอมก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง ยามที่ลอกผิวชั้นนอกและหลอมนั้น หลินมู่อวี่ที่ยืนอยู่ในติ่งหลอมอาวุธก็เรียกวิญญาณยุทธ์ออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งปราการเกล็ดมังกรและกระดองเต่าทมิฬครบชุด!“โฮก!”ออกมาจริงๆ ด้วยสินะ วิญญาณมังกรไฟตนหนึ่งพุ่งออกมาจากศิลาวิญญาณ อ้าปากอันมหึมาพุ่งเข้ามาหมายเขมือบ มันพุ่งเข้าใส่กระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรจนเกิดประกายไฟสุกสกาว หลินมู่อวี่แผดเสียงต่ำ หมัดหนักๆ ถูกปล่อยออกไป และหยิบดาบที่เพิ่งหลอมเสร็จมาสะบัดฟาดฟันตัดกำลังของวิญญาณสัตว์ ติ่งหลอมอาวุธบังเกิดคลื่นลมอันปั่นป่วนขึ้นทันที เสียงคำรามดังไม่หยุด!ต่อสู้กันเกือบครึ่งนาที วิญญาณมังกรไฟค่อยๆ ถูกหลอมไป ส่วนหลินมู่อวี่ก็ยืนหายใจหอบอยู่กลางติ่งหลอมอาวุธ หน้าอกมีบาดแผลแสบร้อนขึ้นแผลหนึ่ง ซ้ำตรงแผลเดิม วิญญาณมังกรไฟนี้เป็นของจริง ถือจะอยู่ในติ่งหลอมอาวุธก็ยังแว้งกัดได้อย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ น่ากลัวยิ่งนัก!ทว่าหลินมู่อวี่ดีใจที่ตนยังมีชีวิตอยู่ เช่นนี้กระบี่เล่มนี้ต้องมีระดับไม่ธรรมดาแน่นอน!……วิญญาณมังกรไฟแทรกซึมลงไปในน้ำเหล็ก ยังคงได้ยินเสียงคำรามแว่วๆ อยู่!หลินมู่อวี่เร่งปราณหลอมกระบี่ต่อ และเลือกกระบี่ยาวรูปร่างน่าเกรงขามจาก “แม่พิมพ์กระบี่” ของลู่ลู่ น้ำเหล็กค่อยๆ ไหลเข้าไป ขั้นตอนการขึ้นรูปใช้เวลาไม่กี่นาที ตอนที่ติ่งหลอมอาวุธหายไป กระบี่ยาวสีแดงเล่มหนึ่งก็ลอยอยู่กลางอากาศ หลินมู่อวี่ผลักมือข้างหนึ่งออก ส่งกระบี่ด้ามยาวลงไปอยู่กลางสระน้ำ“ฟู่!”ไอน้ำรุนแรงพวยพุ่งขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้น้ำเกินครึ่งสระระเหยหายไป!ตอนที่นำกระบี่เหลียวหยวนขึ้นมาจากน้ำอย่างระมัดระวัง ดันลืมสลักชื่อลงบนกระบี่ ด้วยความจนใจเลยต้องปล่อยแก่นเพลิงมังกรออกมาที่ปลายนิ้ว ใช้นิ้วมือสลักอักษร “เหลียวหยวน” บนตัวกระบี่ ตัวอักษรเข้มแข็งและทรงพลัง แถมยังเขียนด้วยลายมือแบบหวังซี (นักเขียนพู่กันจีนชื่อดัง) หลินมู่อวี่เรียนการเขียนพู่กันจีนจากบิดามาตั้งแต่เด็ก ในรุ่นเดียวกันฝีมือของเขาถือว่าโดดเด่นที่สุด ในที่สุดก็มามีประโยชน์เอาตอนนี้!“พี่ชาย ยินดีด้วย นี่เป็นกระบี่ระดับนิลขั้นห้าเจ้าค่ะ!” ลู่ลู่ตบมือยิ้มแย้มหลินมู่อวี่ก็ดีใจมากเช่นกันกระบี่เหลียวหยวนที่หลอมขึ้นมาใหม่หนักกว่าเดิมนิดหน่อย ฝักกระบี่จึงไม่พอดีแล้ว ต้องทำอันใหม่เขากอดกระบี่เหลียวหยวนไว้ พิงหัวเตียงแล้วหลับตาเข้าสู่นิทราความเหนื่อยล้าจากการหลอมอาวุธมากกว่าการปรุงโอสถเสียอีก ตีกระบี่ติดต่อกันหลายเล่ม ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนปราณในร่างถูกสูบออกจนแห้ง……ตื่นมาก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว ได้ยินเสียงเคาะประตู “ก๊อก ก๊อก” ดังขึ้นจากด้านนอก“หลินจื้อ ตื่นได้แล้ว” เป็นเสียงของผู้ดูแลเกอหยางหลินมู่อวี่พลิกตัวลุกขึ้นจากเตียง นอนหลับไปตลอดคืน พละกำลังก็กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง จึงรีบไปเปิดประตู เอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า “ปู่เกอหยาง วันนี้ไม่ใช่วันหยุดของข้าหรือ มีเรื่องอะไรหรือขอรับ”เกอหยางหรี่ตา ยิ้มพูด “ใช่แล้ว ผู้ดูแลอาวุโสมีเรื่องจะคุยกับเจ้า ให้เจ้านำผลงานเมื่อคืนไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วย!”“เอ่อ…ขอรับ…”ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เหลยหงคงไม่ทำร้ายตนเองหรอกกระมังหลินมู่อวี่ล้างหน้าล้างตา แล้วหอบกระบี่หกเล่มตามเกอหยางไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ ……เวลาเช้าตรู่ บรรดาครูฝึกและผู้ช่วยฝึกกินอาหารเช้าเสร็จและเริ่มฝึกกันแล้ว ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์จึงเงียบมาก“อาอวี่!” เหลยหงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงใจทว่าในสายตาของหลินมู่อวี่ สีหน้าของเขาดูเหมือนกำลังจะขอร้องอะไรสักอย่างมากกว่า จึงยิ้มออกมา “ท่านปู่เหลยหงมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตามตรงเถอะขอรับ!”“ได้…”เหลยหงยิ้มกระอักกระอ่วน “ความจริงเมื่อคืนข้าคุ้มครองการฝึกของเจ้าทั้งคืน เห็นเจ้าหลอมอาวุธที่ไม่เลวขึ้นมาหลายชิ้น ดังนั้น…อะแฮ่ม ผู้ดูแลเกอหยางเจ้าพูดต่อเถอะ…”เกอหยางมีสีหน้าจนปัญญา “อาอวี่ ความหมายของผู้ดูแลอาวุโสก็คือ…ถึงแม้วิหารศักดิ์สิทธิ์ของเราจะได้รับเงินสนับสนุนจากจักรวรรดิก็ตาม แต่อาวุธในคลังอาวุธของเราล้วนเป็นอาวุธคุณภาพระดับสามเท่านั้น เจ้าก็เห็นแล้ว อาวุธของพวกครูฝึกแตกหักหรือพังอยู่บ่อยครั้ง ความจริงแล้วล้วนเป็นอาวุธชั้นดีกับระดับธรรมดาทั้งนั้น ไม่มีอาวุธระดับภูตสักชิ้น ดังนั้นพอเห็นเจ้าหลอมอาวุธระดับภูตได้ ผู้ดูแลอาวุโสจึงยินดีอย่างมาก…”หลินมู่อวี่เข้าใจแจ่มแจ้งสักที จึงยิ้มพูด “ที่แท้ท่านปู่ทั้งสองอยากจะขอซื้ออาวุธที่ข้าหลอมในนามของวิหารศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือขอรับ”“ใช่!”เกอหยางถูมือ ท่าทางเหมือนพ่อค้าหน้าเลือด “แต่พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าต้องคิดราคาคนกันเองนะ…”หลินมู่อวี่ “……”
คอมเม้นต์