ตอนที่ 1502 ตะลุมบอน
เสียง “แควก” ดังขึ้น! ผ้าคลุมถูกฉีกขาดราวกับกระดาษ ลำแสงเย็นเยียบพุ่งไปปกคลุมเหนือศีรษะของมู่ชิงเอาไว้ มู่ชิงพลันหน้าเปลี่ยนสี แล้วถึงได้รู้ว่ามีดเล่มนี้แหลมคมถึงเพียงนี้ คิดจะหลบหลีกอีกครั้ง แต่กลับสายไปเสียแล้ว มีดพลิ้วไหวกลางอากาศ กลายเป็นภาพลวงตา เปล่งแสงสว่างวาบ จมหายเข้าไปกลางอากาศ ร้องอุทานว่าแย่แล้วในใจ ร่างของมู่ชิงทำได้เพียงมีเกราะสีเขียวชั้นหนึ่งปรากฎขึ้น สี่ด้านแปดทิศไม่ไกลนักมีมีดยักษ์เปล่งแสงสีเงินระยิบระยับปรากฎออกมา ผิวของมีดยักษ์มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ลำแสงเย็นเยียบดำทมิฬหมุนวนเป็นระลอกๆ โจมตีเข้ามา ปกคลุมมู่ชิงจนไม่เหลือช่องโหว่ มู่ชิงมีสีหน้าเหยเก ซีดขาวไร้สีโลหิต แต่ทันใดนั้นพลันกัดฟัน สะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้าง ในมือมีกระบองสั้นสีดำด้ามหนึ่งปรากฎขึ้น สตรีผู้นี้สะบัดกระบองเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นเงากระบอกราวกับภูผาปรากฎขึ้นเบื้องหน้า ร่างกายเคลื่อนไหว ตรงไปหาลำแสงเย็นเยียบ มู่ชิงรู้ดีกว่าหากตัวเองพลาดโอกาสนี้ รั้งรออยู่ที่เดิมจะมีอันตรายถึงชีวิต เสียง “เปรี้ยะๆๆ” ดังราวกับพายุระเบิดฝนกระหน่ำดังขึ้น ไม่รู้ว่ากระบองไม้สีดำคู่นั้นคือสมบัติชนิดใด เงากระบองกระทุ้งม่านลำแสงเย็นเยียบอย่างแรง ปกป้องมู่ชิงเข้าไปข้างใน แต่ครู่ต่อมาลำแสงเย็นเยียบก็สั่นกระเพื่อม ปรากฏขึ้นราวกับไม่มีที่สิ้นุสด ชั่วพริบตาเงากระบองสีดำเริ่มเลือนราง มิคาดเมื่อกระบองสีดำสองส่วนถูกลำแสงเย็นเยียบสับลงมาอย่างรวดเร็ว ก็ชำรุดไม่สมบูรณ์ มู่ชิงมีสีหน้าตกตะลึง เมื่อคิดจะหดมือหมายสำแดงอิทธิฤทธิ์อื่นนั้น ลำแสงเย็นเฉียบรอบด้านกลับหมุนวนทะลวงออกจากเงากระบองที่ไม่สมบูรณ์ ม้วนเข้ามาที่ร่างของสตรีผู้นี้ เห็นเพียงเกราะสีเขียวทำได้เพียงกระพริบวาบสองสามครั้ง ก็ถูกลำแสงเย็นเชียบกลืนกินเข้าไปข้างใน หลังจากกรีดร้องออกมาคราหนึ่ง ด้านในก็ไม่มีสุุ้มเสียงใดอีก คาดไม่ถึงว่ามู่ชิงจะเพลี้ยงพล้ำไปทั้งอย่างนั้น หญิงงามผมขาวตกตะลึงจนตาเบิกโพลง แทบจะไม่เชื่อสิ่งที่ตนเองเห็น นางรู้ดีว่าอิทธิฤทธิ์ของมู่ชิงไม่มีทางด้อยไปกว่านางแน่ ครานี้หุ่นเชิดเกราะทองกลับชี้ไปทางลำแสงเย็นเยียบเบาๆ ชั่วขณะนั้นลำแสงพลันหม่นแสงลง ลำแสงเย็นเยียบทั้งหมดผนึกรวมกันที่ใจกลาง ผนึกรวมกันกลายเป็นมีดสีเงินอีกครั้ง ส่วนด้านล่างของใบมีด ศพของมู่ชิงถูกสับออกเป็นชิ้นๆ ลอยอยู่กลางอากาศ แต่สิ่งพิสดารก็คือ ซากศพเหล่านี้ไม่มีโลหิตไหล่ออกมาแม้แต่หยดเดียว ราวกับไม่ใช่ก้อนเนื้ออย่างไรอย่างนั้น แต่หุ่นเชิดเกราะทองแค่กวาดตาไปแวบหนึ่ง แล้วไม่สนใจเรื่องนี้อีก จากความสามารถในการวินิจฉัยด้วยสายตาของเขานั้น ดูออกว่าร่างของมู่ชิงคือร่างปีศาจไม้ตั้งนานแล้ว ซากศพกลายเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ครานี้เขาพลันหัวเราะอย่างโหดเ**้ยมออกมา มือหนึ่งกระตุ้นอาคม ชั่วขณะนั้นใบมีดพลันหมุนวนแล้วพุ่งออกไปอีกครั้ง เป้าหมายคือหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตที่อยู่ใกล้กัน หุ่นเชิดตนนี้มีร่างกายที่ใหญ่โตขนาดนี้ ช่างเป็นเป้าที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ตามเจตนาเดิมของเขาแน่นอนว่าจะถือโอกาสลอบโจมตีตอนที่พลังปราณของทุกคนใกล้จะหมด เพื่อรวบทุกคนในคราเดียว แต่มิคาดลิ่วจู๋กลับแอบเข้ามายังใต้บ่อ และยังรู้จักเคล็ดวิชาตัดชีพจรวิญญาณที่น้อยคนนักจะรู้จักอีกด้วย นี่จึงทำให้หุ่นเชิดเกราะทองรู้สึกร้อนใจ หากถูกอีกฝ่ายตัดบ่อน้ำกับชีพจรวิญญาณออกจากกันจริงๆ ต่อให้เขาสังหารผู้ที่มาจากภายนอกได้ กลับไปยังเผ่าก็ยังคงต้องรับโทษอยู่ดี ดังนั้นหลังจากที่เขารอมาเป็นเวลานาน ก็ไม่อาจทนรอต่อไปได้อีกและชิงลงมือ แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ มู่ชิงจะระมัดระวังตัวมากาโดยวางเส้นไหมวิญญาณจำนวนมากดักเอาไว้ ทำให้เขาเผยตัวออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่าสำหรับหุ่นเชิดเกราะสีทองแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องที่สลักสำคัญอะไร มีมีดเบญจมังกรอยู่ในมือ ศัตรูเบื้องหน้าก็เสียพลังปราณไปไม่น้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีการควบคุมของอสูรอเวจีอัสนีอีก เงื่อนไขที่เป็นประโยชน์มากมายเช่นนี้ การกำจัดพวกมันก็เป็นเรื่องมั่นใจได้เก้าในสิบส่วนแล้ว ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตยืนอยู่เหนือหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตเห็นสายรุ้งสีเงินบินเข้ามา แววตาพลันฉายแววกริ่งเกรง ไม่ทันได้กล่าวอะไร มือข้างหนึ่งพลันชี้ไปทางสายรุ้งสีเงินที่พุ่งโฉบเข้ามา ชั่วขณะนั้นลูกบอลโลหิตยักษ์เบื้องหน้าพลันสั่นเทา กลายเป็นลำแสงสีโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกไป แทบจะในเวลาเดียวกัน หุ่นเชิดสีม่วงโลหิตที่อยู่ใต้ร่างเปล่งแสงสีม่วงออกมา ร่างกายหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็กลายเป็นคนธรรมดา แต่ดวงตาทั้งหกกลับเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นพร้อมกัน เสาลำแสงสีโลหิตหกสายกลายเป็นเส้นไหมตรงๆ พ่นออกไปตามลำดับ ไล่ตามลูกบอลโลหิตไปติดๆ ส่วนร่างของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตพลันลอยพลิ้ว ร่อนลงข้างหายของหุ่นเชิดสีม่วงโลหิต เสียง “ตูม” ดังขึ้น เมื่อสายรุ้งสีเงินและลูกบอลสีโลหิตสัมผัสกัน ก็จมหายเข้าไปในลูกบอลอย่างเงียบเชียบ ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตเห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีอกดีใจ ลูกบอลโลหิตลูกนี้ของเขาไม่ได้สร้างขึ้นจากโลหิตบริสุทธิ์ธรรมดาๆ แต่ใช้กลิ่นคาวนับเหม็นหมื่นปีหลอมขึ้น สมบัติที่มีกลิ่นเหม็นคาวต่างๆ แทบจะไม่เคยพลาดหลุดมือไปเลย แม้นว่าสายรุ้งสีเงินสายนั้นจะทรงพลัง แต่ก็ไม่อาจไม่มีผลกระทบเลยสักนิดไม่ได้ ความคิดเหล่านี้แล่นผ่านไปมาในหัวของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิต หลังจากเสียงระเบิดตูมดังขึ้น รอยยิ้มในแววตาของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตก็แข็งค้าง ลูกบอลโลหิตลูกนั้นถูกลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนทะลวงผ่านผิวไปได้ในพริบตา ปริแตกออกกลายเป็นหมอกโลหิตฉุนกึกกลุ่มหนึ่ง หมอกโลหิตนี้แค่ลอยพลิ้วอยู่ชั่วครู่ ก็กลายเป็นไอสีดำเหม็นคาวคละคลุ้ง แล้วสลายหายไป และในครานี้มีดเบญจมังกรสายรุ้งสีเงินก็ปะทะกับเสาลำแสงสีโลหิตหกสาย จะว่าไปก็แปลก ผิวของสายรุ้งสีเงินดูแหลมคมมากเมื่อสับลงมาที่เสาโลหิต คาดไม่ถึงว่าลำแสงสีเงินจะพลิ้วไหว ความรู้สึกที่พุ่งออกไปไม่นับว่าช้านัก ชั่วพริบตาเสาลำแสงสองสามสายก็ไปถึงมันอย่างต่อเนื่อง ทำให้สายรุ้งสีเงินสั่นเทาแล้วเผยร่างเดิมออกมา ชุดคลุมสีโลหิต ดวงตาทั้งสองเปล่งประกาย มือหนึ่งร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นเสาลำแสงสีโลหิตสองสามสายพลันผนึกรวมกัน กลายเป็นกระบี่ยักษ์สีโลหิตกระโจนเข้าหามีดแล้วต่อสู้โรมรันกัน ความแหลมคมของมีดเบญจมังกรนี้ช่างทำให้ผู้คนไม่อยากจะเชื่อ แต่ผู้ที่ยืนอยู่บนกระบี่บินสีโลหิตกลับไม่อาจสับออกเป็นสองได้ในทันที มิคาดว่าจะถูกต้านเอาไว้ได้ หุ่นเชิดเกราะสีทองเห็นเช่นนั้น แววตาพลันฉายแววโหดเ**้ยม ร่ายคาถาที่เกี่ยวข้องในใจ ชั่วขณะนั้นมีดเบญจมังกรพลันเปล่งแสงสีเงินออกมา หมุนคว้างรอบหนึ่ง ลำแสงเย็นเยียบจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ในที่สุดเสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น กระบี่โลหิตถูกลำแสงเย็นยเยียบสับออกเป็นหลายส่วน กลายเป็นลำแสงสีโลหิตกลุ่มหนึ่ง ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตที่อยู่ไกลออกไปเห็นเช่นนั้น พลันอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา จากนั้นโลหิตนี้พลันกลายเป็นตัวอักษรสีโลหิตสองสามตัว ลอยฉวัดเฉวียนอยู่เบื้องหน้าผู้สวมชุดคลุมสีโลหิต แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย ครู่ต่อมาลำแสงโลหิตที่อยู่ไกลออกไปก็เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นสองสามครั้ง รวมกันที่ใจกลางอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกระบี่บินสีโลหิตอีกเล่มอีกครั้ง กระบี่บินนี้เปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพันรัดไปบนมีดเบญจมังกร ไม่ปล่อยให้มันบินหนีไป หญิงงามผมขาวที่เดิมทีกำลังรู้สึกครั่นครามจากการที่มู่ชิงเพลี้ยงพล้ำไปอย่างคาดไม่ถึง ครานี้เห็นสมบัติชิ้นนี้ถูกกระบี่โลหิตของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตต้านทานเอาไว้ ก็รู้สึกดีใจขึ้นมา นางไม่สนใจอีกว่าเขตอาคมลำแสงสีดำเหนือศีรษะจะเป็นอย่างไร พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว ในมือมีถุงหนังสีดำปรากฎขึ้น แล้วอัญเชิญขึ้นไปกลางอากาศ ถุงนี้ลอยพลิ้วกลับหัว ปากถุงทิ่มลงพื้น ไอทมิฬสีเทาทะลักออกมา ด้านในมีทหารภูตเกราะทมิฬติดอาวุธร่างกายสูงใหญ่ร้อยกว่าตนปรากฎขึ้น สตรีผู้นี้เก็บทหารภูตสำเร็จรูปกลุ่มนี้เอาไว้มาตลอด หญิงงามผมขาวเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา ชี้ไปยังหุ่นเชิดเกราะโลหิตที่อยู่ไกลออกไป ทหารภูตชูมีดดาบขึ้นในทันที ควบคุมพายุทมิฬ ตรงไปยังฟาดฟันใส่หุ่นเชิดเกราะทอง หุ่นเชิดเกราะทองที่อยู่ไกลออกไปเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พลันหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา เขาหันหน้าไปเอ่ยถามภูตหน้าม้าร่างคนที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าพวกนี้มอบให้เจ้าก็แล้วกัน ไม่มีปัญหาสินะ” “ใต้เท้าโปรดวางใจ ทว่าภูตระดับเหล่านี้ จะเป็นคู่มือของข้าน้อยได้อย่างไร” ภูตหน้าม้าเรือนกายวาววับ ค้อมตัวลงตอบรับ หุ่นเชิดพยักหน้า ชั่วขณะนั้นร่างของภูตตนนี้พลันมีลำแสงเคลือบเงาเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นหมอกลำแสงห้าสีกลุ่มหนึ่งพุ่งออกไป หลังจากผ่านไปชั่วครู่ มันก็ทะลวงเข้ามาในพายุทมิฬอย่างดุดัน กลายเป็นดาบยาวคู่หนึ่งกลางอากาศ ยืนอยู่กับทหารภูตร้ายกว่าตนเหล่านั้น หุ่นเชิดเกราะทองไม่มองการรบราฆ่าฟันด้านนั้น แต่ปากพลันบริกรรมคาถาทันที กระตุ้นมีดเบญจมังกรอีกครั้งอย่างไม่เสียดายจิตสัมผัส ชั่วขณะนั้นหลังจากที่สายรุ้งสีเงินโรมรันกับกระบี่โลหิตจนเกิดเปล่งเสียงร้องไพเราะแล้ว ก็แบ่งออกจากหนึ่งเป็นห้า กลายเป็นสายรุ้งหลากสีสันห้าสาย หนึ่งในนั้นสู้รบปรบมือกับกระบี่โลหิตต่อ ส่วนอีกสี่สายที่เหลือกลับแยกออกเป็นสองกลุ่ม พุ่งเข้าไปหาผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตและหญิงงามผมขาวด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้า หญิงงามผมขาวพลันหน้าเปลี่ยนสี มองม่านลำแสงสีเขียวที่กำลังจะพังแหล่มิพังแหล่ เนื่องจากขาดผู้ช่วยอย่างมู่ชิงไป แล้วมองไปยังหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตที่อยู่ข้างกายผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตแวบหนึ่ง สีหน้าอดที่จะเคร่งขรึมสลับกับสดใสไปมาไม่ได้ สตรีผู้นี้เห็นว่าไร้แววจะชนะ ในใจจึงอดที่จะมีความคิดล่าถอยผุดขึ้นมาไม่ได้ แต่ในตอนนั้นเอง ฉับพลันนั้นในเขตอาคมลำแสงสีทองด้านล่างกรงสีเขียว เสียงกู่ร้องยาวๆ ต่ำๆ พลันดังขึ้น จากนั้นผิวของเขตอาคมลำแสงพลันสั่นกระเพื่อม ทำให้พื้นดินในบริเวณรอบสั่นเป็นระยะๆ “สหายลิ่วจู๋จะลงมือแล้ว” ฉับพลันนั้นข้างหูของหญิงงามผมขาวพลันมีเสียงเย็นชาของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตดังขึ้น ภายใต้ความตกตะลึงของสตรีผู้งดงาม พลันมีสีหน้าลังเลไปเล็กน้อย ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นที่เบื้องหน้า สายรุ้งสองสายเข้าไปประชิดอย่างรวดเร็วจนหาที่เปรียบมิได้ ภายใต้ความจนปัญญาแผ่นหลังของหญิงงามผมขาวพลันมีเงาร่างภูตผมยุ่งเหยิงปรากฎขึ้น สองมือตะปบออกไปเบื้องหน้า ชั่วขณะนั้นมือภูตยักษ์สีดำสองข้างก็ปรากฎขึ้นเหนือสายรุ้ง ตะปบลงมาด้านล่าง ในเวลาเดียวกันหญิงงามพลันพลิกฝ่ามือฝ่ามือหนึ่ง ในมือมีธงกระดูกขาวด้ามเล่มปรากฎขึ้น โบกสะบัดเล็กน้อย หมอกลำแสงสีเทาทะลักออกมา แล้วม้วนไปทางสายรุ้ง ขณะที่ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตและหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตร่วมมือกันอยู่อีกด้าน ก็ถูกสายรุ้งอีกสองสายล้อมเอาไว้ ตกอยู่ในการต่อสู้ที่ดุเดือด ในตอนนั้นเองฉับพลันนั้นสตรีผู้งดงามผมขาวพลันเอะใจ อดที่จะหันไปมองตรงมุมของวิหารแวบหนึ่งไม่ได้ ผลคือชั่วพริบตาสตรีผู้นั้นพลันหน้าเขียวคล้ำ! เห็นเพียงตรงมุมของวิหารด้านนั้น ข้างกายของหยวนเหยาและเหยียนลี่ที่แต่เดิมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฎขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คนผู้นี้ใช้สองมือกดลงไปที่หัวไหล่ของสตรีทั้งสอง ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนแล่นเปรี๊ยะๆ พุ่งออกมาจากฝ่ามือ ทะลักเข้าไปในร่างของสตรีทั้งสอง แน่นอนว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็คือหานลี่ หยวนเหยาและเหยียนลี่ที่แต่เดิมมีสีหน้าแข็งทื่อพลันร่างกายสั่นเทา เส้นไหมสีโลหิตเป็นสายๆ ถูกบีบออกจากร่าง ใบหน้าเผยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสออกมา “เจ้าหัวขโมย บังอาจ?” อารมตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวของหญิงงามผมขาวพลันร้องตะโกนเสียงกร้าวออกมา หานลี่กลับทำเป็นไม่ได้ยินเสียงตะโกนของสตรีคนงาม ชั่วพริบตาฝ่ามือก็มีประจุไฟฟ้าสีทองทะลักออกมามากกว่าเดิมสองสามส่วน ทำให้เส้นไหมสีโลหิตเหล่านั้นถูกบีบออกจากร่างไปชั่วคราว ถูกอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายทำให้หายไป ร่างของสตรีทั้งสองอ่อนยวบ ทรุดลงกับพื้น ร่างหานลี่เปล่งแสงสีเขียวออกมา ม้วนเอาสตรีทั้งสองเข้าไปข้างใน จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งไปยังปากทางเข้าวิหาร
คอมเม้นต์