ตอนที่ 1532 แย่งชิงสวรรค์ทมิฬ
เสาลำแสงหนาๆ สายหนึ่งพ่นออกมาจากใจกลางของเขตอาคม มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณร้อยจั้งเศษ กะพริบวาบแล้วปกคลุมหานลี่เอาไว้ข้างใน ความเร็วขนาดนั้น หานลี่ไม่อาจหลบหลีกได้เลย หานลี่พลันตะลึงงัน และไม่รู้ว่าเสาลำแสงนี้มีประสิทธิภาพที่มหัศจรรย์อย่างไร คาดไม่ถึงว่าจะทะลวงผ่านอากาศเหนือภูเขาเทวะดูดปราณได้ แล้วตรงมาหาเขา รอบด้านล้วนเป็นหมอกสีโลหิต! ในเวลาเดียวกันรอบกายของหานลี่พลันถูกรัดแน่น แม้แต่นิ้วก็ยังกระดิกไม่ได้ หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี ร่ายอาคมในใจ ชั่วขณะนั้นดอกบัวสีเขียวที่กำลังลอยคว้างอยู่รอบกายพลันกะพริบวาบคราหนึ่ง แล้วกลับคืนรูปเดิมเป็นกระบี่บินความยาวสองสามฉื่อ ภายใต้แสงสาดประกาย ก็กลายเป็นกระบี่ลำแสงเป็นสายๆ สับลงมายังจุดเดียวกันอย่างโหดเ**้ยม กระบี่ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ทะลวงผ่านและบินออกไปอย่างง่ายดาย ราวกับว่าเสาลำแสงยักษ์ทั้งเสาเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างไรอย่างนั้น แต่หานลี่ยังคงไม่อาจกระดิกตัวได้ บรรยากาศโดยรอบล้วนแข็งกร้าวราวกับเหล็กกล้าไร้สนิม ตรึงแขนขาทั้งสี่และร่างกายของเขาเอาไว้แน่น หานลี่สูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง! เห็นเพียงเขตอาคมลำแสงเหนือศีรษะมีอักขระสีโลหิตขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาพลันไม่สนใจจะรักษากิริยาเอาไว้อีก ร้องตะโกนออกมาเสียงหนึ่ง ผิวของหานลี่มีลำแสงสีทองเรืองรองปรากฏขึ้น เหนือศีรษะมีรูปเทวรูปมารสามเศียรหกหัตถ์ปรากฏขึ้น เทวรูปองค์นี้นั่งขัดสมาธิ แขนทั้งหกร่ายอาคมพร้อมกัน รัศมีสีทองเป็นวงแผ่ออกมาจากร่างเทวรูป ทุกแห่งที่รัศมีกวาดผ่านไป เสาลำแสงสีโลหิตที่แต่เดิมนิ่งสงบพลันมีลำแสงสว่างวาบ ราวกับว่ามีระลอกคลื่นเกิดขึ้นเล็กน้อย แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่พลันสัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบด้านอ่อนเบาลง ราวกับว่าผ่อนคลายออกไปส่วนหนึ่ง ขณะที่กำลังดีอกดีใจ หานลี่พลันบริกรรมคาถา ลมปราณในร่างกายโคจรไปมาไม่หยุด หมายจะกระตุ้นเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ให้ถึงขีดสุด แต่ในตอนนั้นเอง เขตอาคมลำแสงสีโลหิตที่อยู่สูงขึ้นไปพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นใจกลางของเขตอาคมพลันมีอักขระสีโลหิตแผ่ออกมา จู่ๆ หลุมสีดำสนิทหลุมหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ขนาดประมาณยี่สิบสามสิบจั้ง ด้านในมีเสียงร้องคร่ำครวญของภูตผีดังขึ้น เงาโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนไปมาอยู่ในนั้น เสาลำแสงสีโลหิตสายนั้นพลันหมุนวนอย่างรวดเร็ว หานลี่รู้สึกเพียงว่าผิวกายหนักอึ้ง พลังที่เพิ่งได้รับมาพลันสลายหายไปในทันที ในเวลาเดียวกันท่ามกลางลำแสงสีโลหิตรอบด้าน อักขระจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้น พุ่งเข้ามาหาเรือนร่างของหานลี่ทั้งหมด “เหวอ” หานลี่ที่ในยามปกติจะเยือกเย็นสงบนิ่ง ครานี้ใบหน้าพลันซีดขาวไร้สีเลือด แม้จะไม่รู้ว่าอักขระเหล่านี้มีอานุภาพอย่างไร แต่ตอนนี้เขาถูกควบคุมอยู่ ไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด จะไม่เป็นได้เพียงเป้านิ่งหรือ ภายใต้ความร้อนใจของหานลี่ เขาพลันร่ายอาคมกระบี่ในใจ กระบี่บินรอบกายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ปรากฏขึ้นรอบทิศทางแล้วหมุนวนโคจร กระบี่ลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนสะบั้นลงมาจากทั้งสี่ทิศแปดด้านดุจขุนเขา แต่ทุกแห่งที่ลำแสงสีเขียวกวาดไป อักขระเหล่านั้นจะพลิ้วไหว ล้วนปลอดภัยไร้อันตราย พริบตานั้นพวกมันพลันทะลุผ่านกระบี่ลำแสงตรงไปเบื้องหน้าของหานลี่ หานลี่กัดฟัน บนร่างมีไอสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ เกราะทมิฬสีดำสนิทชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ขับเคลื่อนจิตสัมผัส ชั่วขณะนั้นพลันเชื่อมโยงกับแมลงกลืนทองในถุงอสูรวิญญาณ เขามีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายวาบผ่าน หมายจะปล่อยแมลงกลืนทองนับพันตัวด้านในออกมาพร้อมกัน ต่อให้เขตอาคมเบื้องหน้าแปลกพิสดารขนาดไหน จะสามารถต้านทานแมลงกลืนทองโตเต็มวัยจำนวนมากขนาดนี้ได้หรือ ส่วนอักขระเหล่านั้นแน่นอนว่าก็ทำได้เพียงอาศัยเกราะทมิฬบนร่างและความแข็งแกร่งของกายเนื้อต้านทานไป ทว่าต่อให้เขาพัฒนาระดับจนอยู่ในระดับหลอมสุญตาแล้ว แมลงกลืนทองจำนวนมากขนาดนี้ก็ทำได้เพียงต้านทานเอาไว้ชั่วครู่ ยามนี้อันตรายมาเยือนอยู่ตรงหน้า จึงทำได้เพียงค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเท่านั้น แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็ทำให้หานลี่ตกตะลึง ชั่วขณะนั้นพลันหยุดเรียกแมลงกลืนทองออกมา ในตอนที่อักขระเหล่านั้นโจมตีลงบนร่างเขา กลับหันเปลี่ยนทิศทางในฉับพลัน แล้วทยอยกันกลายเป็นจุดแสงวิญญาณจมหายเข้าไปในวัตถุที่เขากุมอยู่บนมือ หานลี่รู้สึกเพียงว่าฝ่ามือร้อนฉ่า คาดไม่ถึงว่าผลสวรรค์ทมิฬที่แต่เดิมกำแน่นอยู่จะสั่นสะท้านแล้วหลุดออกจากการจับกุมของนิ้วทั้งห้า กลายเป็นลำแสงสีขาวก้อนหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า แค่กะพริบวาบสองสามครั้ง เจ้าผลนี้ก็บินสูงขึ้นไปร้อยกว่าจั้งขณะที่มีอักขระโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบอยู่ แต่ทันใดนั้นผลสวรรค์ทมิฬพลันหมุนติ้วๆ ขนาดขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า อักขระโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นสะท้านแล้วแผ่ขยายออก จากนั้นก็เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าราวกับไอกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน เหล่าอักขระทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกตีให้เข้ากันจนแตกออกเป็นชิ้นๆ เมื่อแสงหม่นแสงลง ลำแสงสีขาวพลันสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากที่ผลสวรรค์ทมิฬเปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว ก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อน ได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หานลี่ตกตะลึงจนตาค้าง แต่เขาก็ได้สติขึ้นมาในทันที ชั่วขณะนั้นพลังปราณที่เก็บสั่งสมไว้พลันทะลักออกมาจากยอดเศียรเทวรูป ราวกับกระแสน้ำอย่างไรอย่างนั้น ชั่วขณะนั้นร่างเทวรูปพลันสั่นเทา หลังจากรัศมีสีทองเรืองรองบนร่างหมุนโคจรไปมาแล้ว ก็เปล่งแสงสว่างวาบและขยายออกไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน ครั้งนี้รัศมีเรืองรองพลันลอยขึ้นเหนือศีรษะของหานลี่ราวกับพระอาทิตย์สีทองดวงหนึ่ง “มารศักดิ์สิทธิ์ขี่ตะวัน!” วลีอันน่าพิศวงถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของหานลี่ ทันใดนั้นเศียรทั้งสามของเทวรูปก็ยืดออกพร้อมกัน แขนทั้งหกโบกสะบัดไปรอบด้าน เสียงกรีดร้องต่ำๆ ยาวๆ ดังออกมาจากปาก ดวงอาทิตย์สีทองขยายใหญ่และหดเล็กลง แล้วพลันระเบิดออก หลังจากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ระลอกคลื่นสีทองเป็นวงๆ พลันซัดกระเพื่อมออกมาราวกับมีรูปร่างจับต้องได้ ทุกแห่งที่ระลอกคลื่นสีทองกวาดผ่านไป ลำแสงสีทองที่แต่เดิมดูเหมือนลายแพรไหมไม่ขยับเขยื้อนพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นก็ล่าถอยไปด้านหลัง ในรัศมีสิบจั้งเศษซากของลำแสงสีทองล้วนถูกบีบให้ถอยออกไปโดยมีหานลี่เป็นใจกลาง เขาได้อิสระภาพคืนมาในพริบตา อิทธิฤทธิ์ที่เรียกว่ามารศักดิ์สิทธิ์ขี่ตะวันนี้ คือเคล็ดวิชาลับชนิดหนึ่งที่หานลี่เรียนรู้ด้วยตนเองจากเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากบรรลุระดับหลอมสุญตา ความจริงแล้วมันเป็นแค่การอาศัยพลังของเทวรูป นำอานุภาพของเคล็ดวิชาทั้งหมดมารวมเอาไว้ในจุดเดียว แล้วค่อยปล่อยออกมา การโจมตีที่ดูธรรมดาเมื่อครู่ ความจริงแล้วได้สำแดงพลังปราณกว่าครึ่งของหานลี่ไปจนเกลี้ยงแล้ว แน่นอนว่าหานลี่ไม่รู้ว่าหากเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ผสมเข้ากับเคล็ดวิชาเทวรูปมารในเวลาเดียวกัน จะเป็นธาตุที่พิเศษอย่างสุดๆ และเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชาอีกชนิดหนึ่งได้ เกรงว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ก็ไม่อาจสลัดการควบคุมของลำแสงโลหิตได้ ไม่พูดไม่ได้ว่าดวงของเขาช่างดีไม่เลวจริงๆ ในเวลาเดียวกันกับที่หลุดพ้นจากพันธนาการ หานลี่ก็สูญเสียพละกำลังไปมหาศาลแล้ว หลุมดำในเขตอาคมลำแสงสีโลหิตกลางอากาศพลันเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา เส้นไหมโลหิตสีแดงสดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา เพียงกะพริบวาบ ก็ห่อหุ้มผลสวรรค์ทมิฬด้านล่างเอาไว้ได้แล้ว ผลสวรรค์ทมิฬกลับดูเหมือนว่าจะมีจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ผิวของมันสั่นเทาเบาๆ แล้วเปล่งแสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา พริบตานั้น เมื่อลำแสงสีขาวและเส้นไหมโลหิตตัดสลับกันไปมา ก็เปล่งเสียงระเบิดดังเปรี๊ยะๆ ไม่หยุด แม้ว่าลำแสงสีขาวจะคมกริบเป็นพิเศษ ตัดเส้นไหมโลหิตกว่าครึ่งออกเป็นชิ้นๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าตอนท้ายจะแผ่วกำลังลง หลังจากหม่นแสงลง เส้นไหมโลหิตที่ไม่สมบูรณ์ก็ยังรัดผลทมิฬสวรรค์เอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับรังไหมโลหิตยักษ์รังหนึ่ง! แม้ว่าผลสวรรค์ทมิฬจะพยายามต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในเส้นไหมโลหิต มันสั่นเทาไม่หยุด แต่ลำแสงสีขาวสองระลอกที่ปล่อยออกมาก่อนหน้า ก็เห็นได้ว่าทำให้มันสูญเสียพละกำลังไปจนหมดแล้ว หลังจากถูกเส้นไหมโลหิตดึงลากไป เจ้าผลนี้ก็ยังคงพุ่งเข้าไปในหลุมสีดำสนิท แต่ในตอนนั้นเอง ฉับพลันนั้นด้านล่างลำแสงโลหิตพลันมีลำแสงสีทองระเบิดออกมา ทำให้ลำแสงโลหิตส่วนใหญ่กระจายตัวออก ทันใดนั้นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งแหวกลำแสงโลหิตออกมา แค่กะพริบวาบครั้งหนึ่งก็มาอยู่ใกล้กับรังไหมโลหิต ลำแสงวิญญาณกะพริบวาบ พลันกลายเป็นมือยักษ์สีเขียวตะปบลงมา เสียง ปัง ดังขึ้น มือยักษ์สีเขียวคว้ารังไหมโลหิตเอาไว้แน่น ในมือยักษ์มีกระบี่ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบจำนวนนับไม่ถ้วน ตวัดตัดลงไปยังเส้นไหมโลหิตเหล่านั้น แต่เหตุการณ์แปลกประหลาดพลันเกิดขึ้น กระบี่ลำแสงชะงักค้างอยู่เหนือเส้นไหมโลหิต กะพริบแสงสว่างวาบราวกับภาพมายาก็ไม่ปาน ไม่อาจทำอะไรเส้นไหมโลหิตเหล่านั้นได้เลยสักนิด ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลง มือยักษ์สีเขียวกลายเป็นเงาร่างของหานลี่ แขนเสื้อของเขาข้างหนึ่งกะพริบแสงสีเขียววาบ แล้วเข้าพันรัดผลทมิฬสวรรค์ทมิฬเอาไว้ แต่เส้นไหมโลหิตเหล่านั้นมีแรงดึงมหาศาลกว่าที่หานลี่จินตนาการเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ผลสวรรค์ทมิฬก็ยังลอยสูงขึ้นไปอย่างช้าๆ หากไม่ใช่เพราะตัวของผลสวรรค์ทมิฬเองพยายามดิ้นรนขัดขืน และต่อต้านพลังมหาศาลของเส้นไหมโลหิต เกรงว่าแค่กะพริบวาบสองสามครั้งก็ถูกดึงเข้าไปในหลุมดำกลางอากาศแล้ว แต่เช่นนั้น การที่ผลสวรรค์ทมิฬจะถูกดึงเข้าไปในหลุมดำก็เป็นเพียงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกชั่วครู่เท่านั้น หานลี่รู้สึกร้อนใจ ฉับพลันนั้นอีกมือหนึ่งพลันชี้ไปที่กระบี่บินสีเขียวเล่มหนึ่ง หลังจากที่กระบี่บินเล่มนั้นเปล่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา ฉับพลันนั้นตัวกระบี่ก็รางเลือนไป คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นรอยสีเขียวจางๆ ราวกับว่าหายตัวไปอย่างไรอย่างนั้น นี่คืออิทธิฤทธิ์ระดับหลอมสุญตาของกระบี่วิญญาณ ทันใดนั้นก็เห็นรอยสีเขียวเปล่งแสงสว่างจ้า เสียง ฉับๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เส้นไหมโลหิตที่ดูเหมือนจะล่องหนไปเช่นกันนั้นพลันถูกสับออกจนนับไม่ถ้วน หานลี่พลันดีอกดีใจ สะบัดแขนเสื้อไปอย่างไม่ต้องขบคิด ชั่วครู่ก็กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป ในเวลาเดียวกันกระบี่บินเล่มอื่นๆ ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วไล่ตามมาข้างหลังของหานลี่ จมหายเข้าไปในร่างของเขาอย่างไร้เงา จากความเร็วของหานลี่ แค่กะพริบวาบสองครั้งก็มาอยู่ห่างออกไปสองร้อยจั้งแล้ว เมื่อกะพริบวาบอีกสองสามครั้ง ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย หานลี่ที่อยู่ท่ามกลางลำแสงหลีกหนี ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็คิดว่าโชคดีรอดพ้นมาได้แล้ว แต่ในตอนนั้นเอง กลางอากาศพลันมีสิ่งแปลกพิกลปรากฏขึ้น! หลุมดำในเขตอาคมลำแสงสีโลหิตหดเล็กลงกลางหลุมดำ หมอกสีแดงโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมา เพียงเลือนหายไปก็ข้ามผ่านระยะทางสองร้อยจั้งด้วยพลังมหาศาลได้อย่างแปลกประหลาด ไล่ตามมาอยู่ข้างกายของหานลี่ หานลี่พลันตะลึงงัน หมอกสายนี้รวดเร็วเกินไปแล้ว เขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ก็รู้สึกว่าเบื้องหน้ามีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ แม้แต่คนและผลสวรรค์ทมิฬก็ถูกม้วนเข้าไปในสีแดงโลหิต ทันใดนั้นผิวหนังของหมอกก็มีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ เปลี่ยนทิศทางพุ่งกลับไป ความเร็วของมันน่าเหลือเชื่อเช่นกัน หลังจากกะพริบวาบก็จมหายเข้าไปในหลุมดำ ชั่วพริบตาที่หมอกกระโจนเข้าไปในหลุมดำ เขตอาคมลำแสงสีโลหิตกลางอากาศก็ส่งเสียงอึกทึกดังสนั่นออกมา ชั่วขณะนั้นเมฆโลหิตรอบด้านพลันหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันพลันมีอัสนีสีโลหิตเป็นสายๆ ปรากฏขึ้น หลังจากที่เขตอาคมลำแสงมีอักขระจำนวนมากทะลักออกมา ก็เริ่มรางเลือนไม่ชัดเจน หานลี่ที่ถูกหมอกล้อมรอบอยู่พลันรู้สึกว่าศีรษะหนักอึ้งแต่เท้าเบาหวิว ชั่วครู่ก็สูญเสียพลังในการบิน จึงพ่นกระบี่บินเล่มหนึ่งออกมาสับไปทางหมอกสายนั้น แต่กลับถูกดีดกลับมาอย่างไม่เป็นผล ครั้งนี้เกรงว่าต่อให้เขาสำแดงกระบี่บินระดับกระบี่วิญญาณหลอมสุญตาออกมา ก็ยังคงไม่อาจแหวกผ่านหมอกผืนนี้ไปได้ ในตอนนั้นเอง ลำแสงรอบด้านพลันหม่นแสงลง ทันใดนั้นพลันมีเสียงกรีดร้องโหยหวนของภูตผีดังขึ้น จากนั้นระลอกคลื่นที่แข็งแกร่งพลันปรากฏขึ้นรอบด้าน หานลี่ร้องอุทานว่า ‘แย่แล้ว’ ในใจ หัวใจตกลงไปถึงตาตุ่ม
คอมเม้นต์