Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 121 ความตั้งใจแน่ชัดอีกครั้ง
การตัดสินใจของนายท่านใหญ่หนิง ความโศกเศร้าคับแค้นของนายหญิงใหญ่หนิงกับหนิงอวิ๋นเยี่ยน คุณหนูจวินในจวนตระกูลฟางเมืองหยางเฉิงล้วนไม่รับรู้ แล้วก็ไม่เคยขบคิดถึงแต่ส่งหนิงอวิ๋นเจาจากไปแล้ว กินหมั่นโถวแล้ว นางก็ไม่ได้ว่างก่อนอื่นผู้ดูแลใหญ่เกาของเต๋อเซิ่งชางมาส่งสมุดบัญชี เพราะนานแล้วไม่ได้พบหน้าจึงขาดไม่ได้นั่งคุยกันครู่หนึ่ง รอส่งผู้ดูแลใหญ่เกาไปแล้ว นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางก็เข้ามา“ในเมืองหลวงเกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยถามตรงๆอย่างไรบริหารกิจการมานานปีปานนี้ นายหญิงผู้เฒ่าฟางยังคงเกิดคิดสงสัยในจดหมายที่ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วแห่งเมืองหลวงส่งให้พวกนางเล่าว่าเฉินชีกลับมาเยี่ยมมารดา คุณหนูจวินก็คิดถึงบ้านกลับมาดูสักหน่อยนายหญิงผู้เฒ่าฟางรู้สึกว่าคำพูดที่พูดบนจดหมายประหลาดอยู่บ้าง ครั้งนี้หนิงอวิ๋นเจามา นางคิดตั้งนานถึงเข้าใจขึ้นมากะทันหันว่าที่แปลกคืออะไรนางคิดถึงบ้านนางคิดถึงบ้านรึ?แน่นอน นางไม่ได้บอกว่าคุณหนูจวินไม่นับที่นี่เป็นบ้าน แต่คุณหนูจวินไม่ใช่คนที่จะคิดถึงบ้าน หากคิดถึงบ้านอยากกลับมา กลับมาด้วนกันกับหนิงอวิ๋ยเจาไม่ใช่ยิ่งสมเหตุสมผลกว่าหรือ?โดยเฉพาะวันนี้หลังพบหนิงอวิ๋นเจา เห็นเจ้าหนูนี่ตั้งแต่เข้าประตูมาในดวงตาไม่หยุดเปล่งประกาย นางหญิงผู้เฒ่าฟางไม่สงสัยสักนิดว่าหนิงอวิ๋นเจาต้องเคยชวนนางทำเช่นนี้มาก่อนสัญญาหมั้นเป็นเรื่องหลอกนางไม่สงสัย แต่คุณชายหนิงคนนี้มีหรือไม่มีความคิดอื่น นางสงสัยอยู่บ้างคุณหนูจวินต้องปฏิเสธที่จะกลับมากับเขาแน่ ถึงขั้นบอกว่าจะไม่กลับมา ดังนั้นได้รู้ว่าคุณหนูจวินกลับมา เขาจึงมาถึงบ้านสอบถามทันทียังค่อนข้างฉลาดหลบเลี่ยงพวกนางด้วย ต้องมีปัญหาแน่นอน“เมืองหลวงเกิดเรื่องขึ้นมากมาย” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ยเป็นอย่างที่คิด นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางกระจ่าง สีหน้าหนักใจขึ้นอีกครั้ง“แต่ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สาเหตุที่ข้าจากเมืองหลวงมา” ไม่รอพวกนางเอ่ยถาม คุณหนูจวินก็เอ่ยต่อ “ข้าเพียงแต่ไม่พอใจนักกับผลที่ได้ในเมืองหลวง”ผลที่ได้นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางตะลึง“เมืองหลวงด้านนั้นสิ่งที่ได้มาได้ ข้าก็ได้มาแล้ว อยู่ต่อไปก็เท่านั้น” คุณหนูจวินเอ่ย ยิ้มเล็กน้อยให้พวกนาง “ดังนั้นข้าจึงกลับมาคิดๆ ดูว่าต่อไปควรทำอย่างไร”ต่อไปควรทำอย่างไร?เจ้ายังจะทำอะไรอีกหรือ?“แค่การปลูกฝีอย่างเดียว โรงหมอจิ่วหลิงก็ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วใต้หล้าแล้ว” นายหญิงใหญ่ฟางเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เจินเจินเอ๋ย ท่านปู่ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าในปรโลกล้วนนอนตายตาหลับแล้ว”นายหญิงผู้เฒ่าฟางก็สีหน้าทำนองนี้เช่นกันคุณหนูจวินยิ้มพวกนางคิดเช่นนี้ก็ดี อย่างไรเรื่องบางอย่างก็ไม่อาจพูดได้ “ทะเลสรรพวิชาไร้ที่สิ้นสุด มีชีวิตจนแก่เฒ่าก็เรียนรู้จนแก่เฒ่า” นางเอ่ยคล้อยตามคำของพวกนาง “เรื่องบางอย่างไม่อาจหยุดได้”ที่จริงก็คือเส้นทางการเป็นหมอที่เมืองหลวงสุดขอบแล้ว ถูกขวางแล้วล่ะสินายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางในใจคิดขึ้นมา มองคุณหนูจวินแล้วยิ้มนางคิดเช่นนี้ได้ก็ดี อย่างไรเรื่องบางอย่างพูดหมดเปลือกแล้วไม่น่าดู“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ที่บ้านค่อยๆ คิด” นายหญิงผู้เฒ่าฟางลุกขึ้นยืนเอ่ย “อย่างไรวิชาแพทย์ของเจ้าใครก็ไม่อาจปฏิเสธ กำจัดได้”คุณหนูจวินขานรับลุกขึ้นส่งนายหญิงผู้เฒ่าฟางทำท่าให้นางหยุดเท้า“เฉิงอวี่เล่า?” นางมองไปรอบด้านทีหนึ่งเหมือนเอ่ยถามขึ้นมาเฉยๆคุณหนูจวินชี้ห้องหนังสืออีกด้านหนึ่ง“ตรวจบัญชีอยู่” นางเอ่ย แล้วมองสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกอีกครั้ง “อยากเรียกเขาไหมเจ้าคะ?”นายหญิงผู้เฒ่าฟางส่ายศีรษะ“ไม่ต้อง ให้เขาตรวจเถอะ” นางเอ่ยพานายหญิงใหญ่ฟางเดินออกไปถึงเวลานี้แสงสายัณห์ก็ชักเปิดแล้ว คุณหนูจวินยืนอยู่หน้าประตูเรือนมองส่งแม่สามีลูกสะใภ้ตระกูลฟางจากไปหลังเดินมาช่วงหนึ่งนายหญิงใหญ่ฟางก็หันกลับไปมองหนหนึ่ง เด็กสาวคนนั้นท่ามกลางแสงสายัณห์หมุนตัวเข้าไปแล้ว โคมไฟในเรือนจุดขึ้น ค่ำคืนของต้นฤดูร้อนสว่างไสวทั้งเงียบสงบ“ท่านแม่ ทำไมท่านไม่พูดเรื่องให้เฉิงอวี่ย้ายออกมาล่ะเจ้าคะ?” นางประคองแขนนายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยเสียงเบานี่เป็นจุดประสงค์ที่พวกนางมาที่นี่ ทำไมมาถึงที่นี่แล้วนายหญิงผู้เฒ่าฟางดันไม่เอ่ย?นายหญิงผู้เฒ่าฟางแค่นเสียงเหอะ“อยู่ในเรือนเดียวกันแล้วยังไง? พวกเขาก็ไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว ข้าเชื่อใจพวกเขาสองคน” นางเอ่ยนี่มันอะไรกัน นายหญิงใหญ่ฟางร้องไห้ไม่ได้หัวร่อไม่ออกก็เพราะพวกเขาไม่ใช่เด็กน้อยแล้วถึงต้องหลบเลี่ยงคำครหาไงเล่า“เลี่ยงคำครหาอะไร อยู่ในบ้านตนเองเลี่ยงคำครหาอะไร” นายหญิงผู้เฒ่าฟางแค่นเสียงเหอะอีกครั้ง “คนในบ้านไม่มีทางพูดส่งเดชอะไร เป็นคนข้างนอกสิถึงควรเลี่ยงคำครหา อย่าอยู่ดีๆ ก็วิ่งมาถึงในบ้านคนอื่น คนข้างนอกไม่รู้ว่าสัญญาหมั้นเป็นเรื่องหลอก ตัวเขาเองไม่รู้รึ ยังไม่รู้จักเลี่ยงคำครหา”นี่คือไม่พอใจกับหนิงอวิ๋นเจาแล้วนายหญิงใหญ่ฟางเม้มปากยิ้ม“ใช่แล้ว” นางพยักหน้าด้วย “จอหงวนหนิงคนนี้กระทำตามใจเกินไปแล้ว”คนที่กระทำตามใจมากมายนัก แต่จอหงวนหนิงหนิงอวิ๋นเจายิ่งทำให้ผู้คนจับจ้อง เพราะตัวเขาเองก็เป็นคนที่น่าจับตาปานนั้นคนหนึ่งนายหญิงใหญ่ฟางคิดถึงหนิงอวิ๋นเจาที่ได้พบวันนี้ แม้ในโลกนี้ล้วนเป็นบุตรชายของตนเองดี แต่นางก็ไม่อาจไม่ยอมรับ บุคลิกลักษณะของหนิงอวิ๋นเจาทำให้คนนับถือนางรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าหากจอหงวนหนิงคนนี้มีใจจริงๆ ล่ะก็ เฉิงอวี่เกรงว่าคงผิดหวังแล้วนางคิดเช่นนี้ อดไม่ได้เอ่ยออกมาคำพูดนี้นายหญิงผู้เฒ่าฟางไม่ชอบฟังแล้ว“ผิดหวังอะไรกัน เฉิงอวี่ของพวกเราเป็นอย่างไร? ไม่ใช่แค่มีชื่อว่าจอหงวนรึ?” นางเอ่ย “นั่นก็เพราะเฉิงอวี่ของพวกเราไม่ได้ไปสอบ หากเฉิงอวี่ของพวกเราจะสอบก็สอบได้เหมือนกัน”นายหญิงใหญ่ฟางปิดปากยิ้มแล้ว“จะพูดถึงผิดหวัง คนแซ่หนิงนี่ต้องผิดหวังมากกว่าเฉิงอวี่ของพวกเราอีก” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยอีก “อย่าลืมเรื่องเหล่านั้นที่ตระกูลของเขาทำเสียเล่า ตอนนั้นพวกเขารังเกียจเจินเจินอย่างกับเป็นสุนัข”เรื่องนี้หรือ นายหญิงใหญ่ฟางกระแอมเบาๆ ทีหนึ่งตอนนั้นพวกนางที่จริงก็รังเกียจเจินเจินอย่างสุนัขเหมือนกัน นอกจากนี้เรื่องที่ฟางเฉิงอวี่ทำกับจวินเจินเจินก็เกินไปจะเทียบเรื่องนี้กัน พวกนางก็ไม่ได้ครองความเหนือกว่านายหญิงผู้เฒ่าฟางส่งเสียงชิทีหนึ่ง“เฉิงอวี่ของพวกเราขอโทษแล้วไหม” นางเอ่ย “สำนึกผิดแก้ไขปรับปรุงไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่กว่านี้”สรุปคือเฉิงอวี่ของพวกเราดีที่สุดส่วนในเวลาเดียวกันนี้ในจวนสกุลหนิงที่เป่ยหลิว หนิงอวิ๋นเจาก็เล่าเรื่องที่เมืองหลวงของคุณหนูจวินให้นายท่านใหญ่หนิงฟังจบแล้วนายท่านใหญ่หนิงลูบเคราไม่พูดจาอยู่นาน สีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุด เห็นชัดมากว่าในสมองกำลังผุดความคิดนับไม่ถ้วน“ข้าคิดว่ามหาบัณฑิตหวงครั้งนี้จบสิ้นแล้ว” เขาพลันโพล่งออกมาประโยคหนึ่ง ดวงตาก็ทอประกายขึ้นมาด้วย “ถ้าอย่างนั้นท่านอาของเจ้าก็มีโอกาส…”หนิงอวิ๋นเจายิ้ม“ทุกสิ่งล้วนยังไม่แน่” เขาเอ่ย “ลองดูว่าหลังท่านอากลับเมืองหลวงจะว่าอย่างไรเถิด”นายท่านใหญ่หนิงพยักหน้า เดินไปมาในห้อง ราวกับเช่นนี้ถึงทำให้จิตใจสงบได้นิดหน่อย ฉับพลันเขาก็หยุดเท้า“ตอนนี้ไม่พูดเรื่องเมืองหลวงก่อนชั่วคราว ตรงหน้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ” เขาเอ่ย มองไปทางหนิงอวิ๋นเจา “เจ้ากับคุณหนูจวินต้องแต่งงานกันตอนนี้ทันที”แต่งงานได้ยินประโยคนี้หนิงอวิ๋นเจากลับอึ้งไปนิดหนึ่งแม้รู้สึกว่าไม่เหมาะแก่กาลเทศะ แต่ได้ยินบิดาเอ่ยเช่นนี้ เขาก็ยังแย้มรอยยิ้มแม้ทำตามใจคือความเบิกบานอย่างที่สุด แต่เมื่อทางเลือกของตนเองได้รับการยอมรับจากผู้อื่นก็ยังเป็นเรื่องที่ทำให้คนยินดีนักเพียงแต่สัญญาหมั้นครั้งนี้เป็นเรื่องหลอกแต่งงานตอนนี้เดี๋ยวนี้ทันทียิ่งเป็นไปไม่ได้“ท่านพ่อ นี่เป็นไปไม่ได้” หนิงอวิ๋นเจายิ้ม “พวกเราตอนนี้เป็นเรื่องหลอก นางคิดว่าเป็นเรื่องหลอกมาตลอด…”“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปบอกนางสิว่าเจ้าคิดจริงน่ะ” นายท่านใหญ่หนิงถลึงตาเอ่ย “ยังพิรี้พิไรทำอะไรอยู่? ไปตระกูลฟางพบคุณหนูจวินเที่ยวหนึ่ง ไม่พูดเรื่องสำคัญ พูดอะไรยังไม่ยกเลิกสัญญาหมั้นชั่วคราว นี่เจ้าไม่ใช่โง่หรือ?”นี่ก็คือโง่หรือ?หนิงอวิ๋นเจาอยากยิ้มอยู่บ้าง“เจ้าก็ไม่ใช่ไม่ชอบนาง เจ้าชอบนางทำไมไม่ให้นางรู้ อยากแต่งนางก็ไปบอกให้นางรู้สิ”“ตอนนี้ข้างนอกล้วนไม่รู้ว่าเป็นเรื่องหลอก พวกเจ้าก็รีบทำเรื่องหลอกให้เป็นเรื่องจริง หลังจากนั้นแต่งงาน เข้าเมืองหลวง เช่นนี้ก็ถูกต้องตามครรลอง เรื่องนี้ก็กลบเกลื่อนผ่านไปแล้ว”เสียงของนายท่านใหญ่หนิงดังต่อข้างหู“ไม่แต่งงานปุบ เรื่องนี้ก็ต้องถูกคนเอามาพูด”“แต่งงานแล้ว ทุกสิ่งก็จะผ่านพ้นไป”“นอกจากนี้คุณหนูจวินชื่อเสียงเลื่องลือ มีชื่อเสียงในหมู่ประชาชน ตระกูลหนิงเรามุกร้อยเคียงหยก เจ้ากับท่านอาของเจ้าในราชสำนักก็จะประหนึ่งพยัคฆ์ติดปีก”“นี่ถึงสำคัญที่สุด เจ้ายังพิรี้พิไรจริงหลอกอะไรทำอะไร”ไม่ นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดก็คืออยากขอนางก็ต้องให้นางรู้ ให้นางรู้แม้นางรู้มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่นั่นก็เพียงความชื่นชอบเท่านั้นตอนนี้ไม่ใช่เพียงความชื่นชอบ แต่เป็นคิดใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับนางก่อนหน้านี้นางเคยพูดว่าไม่อยากไม่เหมาะ เวลานั้นไม่เหมาะอยู่บ้างจริงๆ ความรู้สึกของตนรวมถึงท่าทีของที่บ้านล้วนยังไม่พูดเผยออกมาถ้าอย่างนั้นตอนนี้ลองถามนางดูอีกครั้งดีไหม อาจอยาก รวมถึงเหมาะสมไม่เหมาะสม?“ตกลง” เขาเงยหน้าขึ้นเอ่ยนายท่านใหญ่หนิงกำลังพูดอยู่ถูกขัดกะทันหันอึ้งไปนิดหนึ่ง“ข้าจะไปลองพูดกับนาง” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย พูดพลางก็ยิ้มอีกครั้ง “แต่ไม่แน่ว่าจะได้”นายท่านใหญ่หนิงหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว ยื่นมือตบหัวไหล่เขา“อย่าไม่มั่นใจปานนั้นสิ หนิงอวิ๋นเจาของพวกเราจะไม่ไหวได้ยังไง” เขาเอ่ย “เจ้าเป็นถึงคุณชายอันดับหนึ่งของหยางเฉิงของพวกกเรา”แต่เรื่องรักใคร่ชอบพอพรรค์นี้ สิ่งนี้คงไม่มีผลหนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ยเหมือนการเรียนหนังสือ ความขยันไม่แน่ว่าจะมีผลตอบแทนมีเพียงทุ่มหมดหัวใจ เช่นนี้ถึงไม่ผิดต่อตนเองหนิงอวิ๋นเจาเดินออกมาจากห้องหนังสือของนายท่านใหญ่หนิง มองดูดวงดาราระยิบระยับบนท้องนภาค่ำคืนฤดูร้อน สีหน้าดังเช่นปกติ มีเพียงดวงตาทั้งคู่สุกใสเพิ่มหลายส่วนราตรีห่มคลุมฟ้าดิน สรรพสิ่งเงียบงัน เสียงแมลงร้องค่อยๆ ดังขึ้น โคมไฟตรงหน้าโต๊ะของคุณหนูจวินก็ถูกจุดสว่างขึ้นบ้าง“จิ่วหลิงเจ้ายังไม่นอนหรือ?” ฟางเฉิงอวี่ยื่นศีรษะอยู่นอกประตูเอ่ยขึ้นคุณหนูจวินยิ้มให้เขา“ข้าอ่านหนังสืออีกพักหนึ่ง” นางว่าฟางเฉิงอวี่ไม่ได้เข้ามา แต่ยิ้มพยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นเจ้าค่อยๆ อ่าน ข้านอนก่อนแล้ว” เขาว่า โบกมือแล้วออกไปคุณหนูจวินยิ้ม ก้มหน้าพลิกเปิดจดหมาย……………………………………….
คอมเม้นต์