Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 101 มีคนส่ง
บทที่ 101 มีคนส่ง
โดย
Ink Stone_Romance
รุ่งอรุณเดือนสี่ สายฝนพรำประหนึ่งเส้นไหม ทำให้ท้องฟ้ายิ่งแลดูขมุกขมัวตลาดกลางคืนวายไปนานแล้ว ตลาดเช้ายังไม่เปิด บนถนนแลดูเงียบนักด้านหน้าโรงหมอจิ่วหลิงกลับครึกครื้น คนกับม้าสิบกว่าร่าง รถม้าสามคันเรียงแถวเฉินชียืนอยู่นอกประตูสั่งการเด็กรับใช้สองคนให้ปูเสื่อน้ำมันบนรถ คลุมข้าวของเต็มคันรถคันหนึ่ง“ขนไปมากเกินหรือไม่? นี่ก็กินไปหนึ่งคันรถแล้ว” ฟางจิ่นซิ่วถือร่มยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเอ่ย“กลับมาจากเมืองหลวงของขวัญจะน้อยได้อย่างไร” เฉินชีตอบแล้วก็วิตกอยู่บ้างอีก “ไม่เช่นนั้นข้าไม่กลับไปดีกว่า เอาอย่างที่คุณหนูจวินว่าให้นางจัดคนส่งแม่ของข้ามา”“นางยุ่งมาก อย่าให้นางวุ่นวายใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ของเจ้าเลย”ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยเฉินชีหัวเราะหึหึ“ได้ ข้ารู้เจ้าคนเดียวอยู่ที่เมืองหลวงก็ไม่มีปัญหา” เขาเอ่ย“กลับไปอย่าป่าวประกาศหาเรื่องให้คนโขยงหนึ่งมาทวงทรัพย์สมบัติเจ้าเล่า” ฟางจิ่นซิ่วกำชับเฉินชียิ้มอีกครั้งรับคำผู้ดูแลใหญ่หลิ่วที่ยืนอยู่ด้านข้างยิ้มตาหยีมองพวกเขาคุยกัน“ผู้ดูแลใหญ่ ถามผู้ดูแลใหญ่ชีหน่อยขอรับ ของของพวกเราจะเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาไหมขอรับ? หรือว่าวางไว้บนรถคันอื่น” ผู้ดูแลคนหนึ่งเอ่ยเตือนผู้ดูแลใหญ่หลิ่วโบกมือให้เขา“รีบร้อนอะไร” เขาเอ่ย “อีกพักหนึ่งค่อยว่ากัน อย่ารบกวนคนคุยกัน”รบกวนอะไรเล่า? พวกเขาสองคนก็ไม่ได้คุยธุระสำคัญอะไรนี่นาผู้ดูแลไม่เข้าใจทั้งยังร้อนรนอยู่บ้าง เมียงมองเฉินชีกับฟางจิ่นซิ่วแล้วก็มองท้องฟ้าเร่งออกเดินทางสิถึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดฟ้านี่ดูไม่ดี ฝนอาจตกหนักก็ได้นะไม่ออกเดินทางตอนนี้ก็ต้องรอพรุ่งนี้ค่อยเดินทาง อย่าเปียกฝนกลางทางพวกเขากำลังคุยกัน คุณหนูจวินกับหลิ่วเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากด้านในสองคนเปลี่ยนเป็นชุดเดินทางแล้ว มองเห็นพวกนางออกมา พวกผู้ดูแลใหญ่หลิ่วกับเฉินชีล้วนหยุดพูดคุณหนูจวินมองพวกเขา ย่อเข่าคำนับ“หลายวันนี้ลำบากแล้ว” นางเอ่ยพวกผู้ดูแลใหญ่หลิ่วรีบคำนับกลับ“หลังจากนี้ยิ่งลำบากแล้ว” คุณหนูจวินคำนับอีกครั้งพวกผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็ยิ้มคำนับกลับคุณหนูจวินยืนตรง ยิ้มให้พวกเขา“ไปล่ะ” นางเอ่ย ไม่พูดมากอีกสักคำก็หมุนตัวขึ้นรถ หลิ่วเอ๋อร์ดีอกดีใจตามไปเฉินชีโบกมือให้บรรดาผู้คุ้มกัน“ออกเดินทาง” เขาเอ่ยเสียงดัง ตนเองก็ขึ้นรถม้าอีกคันหนึ่ง“เดินทางโดยสวัสดิภาพ” พวกผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยพร้อมเพรียงตามหลักพวกเขาควรส่งสิบลี้ แต่คุณหนูจวินบอกว่าตนเองมาเงียบๆ ดังนั้นก็อยากจากไปเงียบๆพวกผู้ดูแลใหญ่หลิ่วไม่ขัดเจตนาของนาง ยืนอยู่นอกโรงหมอจิ่วหลิงมองส่งขบวนรถที่มุ่งไปนอกเมือง ค่อยๆ หายลับไปท่ามกลางหมอกฝนขมุกขมัว“มาเงียบๆ ไปก็เงียบๆ จริงๆ” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วถอนหายใจเอ่ย “นับดูแล้ว เวลายังไม่ถึงหนึ่งปี”แต่เวลาหนึ่งปีนี้กลับพลิกเมืองหลวงให้วุ่นวายหลายครั้งนี่เป็นสิ่งที่ยามนั้นมองเห็นแม่นางน้อยผอมบางคนนั้นลงจากรถเดินมา ฝันก็คิดไม่ถึงไม่รู้ว่านางจะไปที่ใด แล้วจะพลิกที่นั่นให้วุ่นวายอย่างไรอีกประตูเมืองเวลานี้ยังไม่เปิด เฉินชีหยิบหนังสืออนุญาตผ่านทางที่ขอมาก่อนแล้วไปข้างหน้า“คุณหนูจวินจะไปหรือ?” ทหารรักษาเมืองเอ่ย สีหน้าลำบากใจอยู่บ้าง “ยังกลับมาไหมขอรับ?”“แน่นอนต้องกลับมา” เฉินชียิ้มเอ่ย “แค่กลับบ้านเยี่ยมญาติเท่านั้น”คุณหนูจวินย่อมไม่ได้ถูกหัวหน้ากองพันลู่ขู่จนกลัว วิ่งหนีหางจุกตูดทุกคนอย่าได้เข้าใจผิดเด็ดขาดคิดถึงตรงนี้ ในใจเฉินชีก็ถอนหายใจอีกครั้งไม่เข้าใจผิดเป็นไปไม่ได้ เดิมเขาก็แนะนำว่าผ่านไปสิบวันครึ่งเดือนให้เรื่องที่องครักษ์เสื้อแพรขัดขวางคุณหนูจวินรักษาโรคเงียบลงก่อนสักหน่อยหลังจากนั้นค่อยไปเช่นนี้จะแลดูสง่ามีเหตุผลอยู่บ้างตอนนี้เกรงว่าทุกคนคงคิดว่าคุณหนูจวินกลัวหัวหน้ากองพันลู่จากไปเช่นนี้โง่เง่าเกินไปแล้วจริงๆ แล้วก็ไม่มีสง่าราศีเหลือเกินเฉินชียังคิดจะพูดอะไรกับนายประตูอีกสักหน่อย นายประตูคนนั้นกลับหมุนตัวเดินจากไปแล้ว“เปิดประตูเถอะ” เขาเอ่ยกับทหารยาม หลังจากนั้นก็ยืนอยู่ด้านข้างประตู ท่าทางไม่ยินดีเข้าใกล้พวกเขาอีกเฉินชีในใจด่ามารดามันคำหนึ่งเจ้าพวกไร้ใจไร้คุณธรรมพวกนี้เขาแค่นเสียงเหอะทีหนึ่งคร้านจะสนใจนายประตูผู้นี้ประตูเมืองถูกทหารยามสามคนดึงเปิดออกช้าๆ“ไปล่ะ” เฉินชีเอ่ยหมุนตัวขึ้นรถม้า เพิ่งขึ้นรถก็ถูกทหารยามด้านหน้าร้องเรียก“ผู้ดูแลชี” พวกเขาร้องเรียก เสียงตะลึงอยู่บ้างมีอะไรน่าตะลึงเล่า ตกอกตกใจจนเป็นสภาพอะไร เฉินชีมองข้ามไปไม่สบอารมณ์ ฉับพลันก็ตะลึงไปเช่นกันนอกประตูเมืองหาได้ว่างเปล่าไม่มีคน แต่คนยืนอยู่มากมายยุบยับ บางคนถือร่ม บางคนคลุมเสื้อฟางบางคนสิ่งใดก็ไม่มี คนเหล่านี้มีผู้เฒ่ามีเด็กน้อยมีบุรุษมีสตรี ยืนเงียบกริบไม่ส่งเสียงอยู่กลางสายฝนพวกนี้คือ…เฉินชีรู้สึกเพียงทั้งร่างชา ขนลุกไปทั้วตัวคนพวกนี้คือ…นายประตูที่ยืนอยู่ด้านข้างประตูเวลานี้ยกแส้ในมือหวดไปบนพื้นหนักหน่วง เกิดเสียงดังใสกังวาน“ส่งคุณหนูจวิน” เขาก็ตะโกนเสียงดังตามด้วย “เดินทางโดยสวัสดิภาพ”ฝูงชนที่เงียบสนิทอยู่นอกประตูก็ประหนึ่งน้ำสาดลงในกระทะน้ำมันส่งเสียงดังขึ้นมา“คุณหนูจวิน!”“คุณหนูจวินเดินทางโดยสวัสดิภาพ!”รู้อยู่เชียว รู้อยู่เชียวว่ามนุษย์ไม่มีทางไร้ใจไร้คุณธรรมเช่นนี้เฉินชียิ้มยินดีไม่ทันสนขึ้นรถ วิ่งไปหน้ารถม้าของคุณหนูจวิน“คุณหนูจวิน คุณหนูจวิน คนมากมายมาส่งเจ้า” เขารีบร้อนเอ่ยหลิ่วเอ๋อร์เลิกม่านรถขึ้นนานแล้ว“เห็นแล้ว” นางเอ่ย โบกมือเร่ง “เร็ว อย่าขวางทาง”เฉินชียิ้มยืนหลบไปมองเห็นคุณหนูจวินปรากฎตัวในสายตาชาวบ้านด้านนอกประตูเมืองก็ฮึกเหิม“คุณหนูจวินท่านจะไปจริงหรือ?”“คุณหนูจวินท่านต้องกลับมานะ”พวกเขาพากันเอ่ยยังมีผู้ใหญ่เร่งให้พวกเด็กน้อยโขกศีรษะคำนับคุณหนูจวินลงมาจากรถ ห้ามเด็กๆ เอาไว้ คำนับคืนให้บรรดาชาวบ้านที่ประจันอยู่ด้านหน้า ตอบคำถามที่สับสนวุ่นวายทีละคำถามๆ“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไป?” นางยิ้มอีกครั้งถามขึ้น“ข้าได้ยินพวกหมอพูดกัน” ชาวบ้านทั้งหลายต่างปากตอบเป็นเสียงเดียวคุณหนูจวินตัดสินใจออกจากเมืองหลวง ย่อมเปรยกับท่านหมอเฒ่าเฝิงแล้วท่านหมอเฒ่าเฝิงไม่ได้พูดอะไรแล้วก็ไม่ได้มาส่ง ที่แท้บอกข่าวกับหมอทั้งหลาย หมอทั้งหลายก็บอกกับชาวบ้านทั้งหลายอีกทีคุณหนูจวินยิ้มเฉินชีด้านหลังก็ยิ้มที่แท้การส่งเดินทางของท่านหมอทั้งหลายเหล่านี้ก็อยู่ที่นี่เอง เขายังตำหนิอยู่เลยว่าทำไมทั้งเมืองหมอสักคนก็ไม่มาส่งเวลานี้ในเมืองร้านรวงมากมายเปิดประตูเตรียมกิจการ โรงหมอก็ไม่เว้นหมอคนหนึ่งยืนอยู่นอกประตูมองไปทางนอกเมือง ใบหน้ายิ้มลูบเครา“ท่านหมอ ท่านหมอ” มีคนร้องกุมท้องเดินรีบร้อนมา “”ท่านรีบดูให้ทีข้าเป็นอะไรไป?”ท่านหมอรั้งสายตากลับ ปรับสีหน้า“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว มาข้าดูสิ” เขาเอ่ย ยื่นมือประคองคนเข้าไปในร้านสายฝนพรำลอยร่วงตามลมอยู่ข้างประตู พัดป้ายไม้อันเล็กเขียนว่ามีหน่อฝีโรงหมอจิ่วหลิงห้าคำซึ่งมัดอยู่กับเชือกแดงที่แขวนอยู่เหนือประตูหมุนเป็นวงเทียบกับการไปส่งคุณหนูจวิน สงบใจเปิดร้านตรวจรักษาโรคให้ผู้ป่วย คุณหนูจวินคงจะยิ่งดีใจมากกว่าสินะการส่งเดินทางที่ประตูเมืองยังคงดำเนินต่อไป มองดูชาวบ้านที่ตามด้านหลัง คุณหนูจวินลงรถเป็นครั้งที่สาม“ส่งสิบลี้แล้ว” นางคำนับเอ่ย “เชิญสหายชาวเมืองทั้งหลายกลับไปเถิด ไม่เช่นนั้นข้าคงเร่งเดินทางไปไม่ทันศาลาพักม้าแล้ว”ชาวบ้านทั้งหลายหัวเราะ นี่ถึงหยุดลงคุณหนูจวินคำนับให้พวกเขาอีกครั้ง ขึ้นรถไปรถม้าของเฉินชีแซงมาข้างหน้าแล้ว“ไปล่ะ!” เขายกมือตะโกนเอ่ยในสายตามองส่งของบรรดาชาวบ้าน รถม้าของคุณหนูจวินเคลื่อนไปทางตะวันตก ค่อยๆ ลับหายไปจากสายตาคุณหนูจวินเลิกม่านรถ มองเมืองที่ค่อยๆ กลายเป็นจุดสีดำจุดหนึ่ง“ไม่คิดว่าคนจะมาส่งมากปานนี้นะเจ้าคะ” หลิ่วเอ๋อร์ค้ำหน้าต่างรถมองไปทางด้านหลังด้วย สีหน้าเริงร่า “คุณหนูร้ายกาจที่สุดแล้ว”คุณหนูจวินยิ้ม ลูบศีรษะนางคนเหล่านี้มาส่ง คิดไม่ถึงจริงๆ ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกฮึกเหิมนักผู้อื่นมอบท้อ มอบสาลี่คืน ใจคนแลกใจคน เรื่องราวบนโลกนี้ก็ง่ายดายเช่นนี้ ก็ยุติธรรมเช่นนี้“ไปเถอะ” นางเอ่ย ปิดม่านรถลง……………………………………….
คอมเม้นต์