Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 62 มีอะไรพูดต่อหน้าผู้คน
การสอบหน้าพระที่นั่งครั้งนี้ เร่งให้ทันคดีความอันหนึ่งที่ซีหนาน หนิงเหยียนวุ่นวายกับการจัดการไม่ได้เข้าร่วม แน่นอนคืนวานเขาก็ไม่ได้กลับ ก็อยู่ที่ในกรมรอผลการสอบหน้าพระที่นั่งการสอบหน้าพระที่นั่งสิ้นสุดก็ตกค่ำ ปรากฏว่าการขานชื่อแจ้งกลับไปแล้ว หนิงอวิ๋นเจาจอหงวนคนใหม่กลับไม่อยากกลับไป กลับบ้านไปก็เป็นหนึ่งคืนที่นอนไม่หลับ จึงเอาบทความที่วันนี้เขียนมาให้หนิงเหยียนตรวจรอบหนึ่งที่นี่บรรดาชาวบ้านยังไม่รู้ว่าจอหงวนคือใคร จอหงวนก็ลืมฐานะของตนเองแล้ว อาหลานสองคนนั่งถกบทความ แล้วก็หารือตำแหน่งขุนนางที่หนิงอวิ๋นเจากำลังจะได้ด้วยความเบิกบานและผ่อนคลาย ไม่รู้เนื้อรู้ตัวฟ้าก็สว่างแล้วเพราะรู้ผลลัพธ์นานแล้ว อาหลานสองคนจึงไม่สนใจอีก หลังฟ้าสว่างก็ล้มตัวลงนอนหลับงีบหนึ่งจนถึงตอนนี้ พวกข้ารับใช้เร่งถึงตื่นมากลับไปบ้านพวกเขาอาหลานหลับสบายไม่รู้ด้านนอกเกิดเรื่อง บรรดาคนติดตามดูความครึกครื้นอยู่ครึ่งวันแล้ว“เป็นบุตรชายเฉิงกั๋วกงกับหัวหน้ากองพันลู่ตีกัน กรมทหารม้าห้าเมืองที่มาแยกคนทะเลาะก็ผสมโรงเข้าไปด้วย” ผู้ติดตามคนหนึ่งหน้าตาระรื่นเล่าบุตรชายเฉิงกั๋วกงกับหัวหน้ากองพันลู่ หนิงเหยียนล้วนไม่รู้สึกดีอะไร“มีอย่างที่ไหน” เขาเอ่ยผู้ติดตามรีบเก็บสีหน้าระรื่นไป“ใต้เท้าไป๋หยุดพวกเขาแล้ว ฝ่าบาทก็ให้คนมาตำหนิแล้ว” เขาเก็บสีหน้าเอ่ยหยิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึมไม่พูดจาก้าวเดินจะจากไป หนิงอวิ๋นเจากลับมองด้านนั้นไม่ขยับ“ทำไมพวกเขาทะเลาะกันเล่า?” เขาเอ่ยถามไม่ว่าทำไมทะเลาะกัน อย่างไรทะเลาะกันก็เป็นเรื่องไร้สาระ นี่มีอะไรให้น่าถาม หนิงเหยียนมองหนิงอวิ๋นเจาทีหนึ่งผู้ติดตามทนรอไม่ไหวอยากตอบคำถามนี้จะแย่แล้ว“เพราะคุณหนูจวินของโรงหมอจิ่วหลิง” เขากดเสียงเบาหน้าตาสนุกสนานเอ่ยขึ้นอีกครั้งคุณหนูจวินแห่งโรงหมอจิ่วหลิงสีหน้าหนิงเหยียนยิ่งไม่น่าดูแล้ว หนิงอวิ๋นเจาขมวดคิ้วคุณหนูจวินโรงหมอจิ่วหลิงก่อนปีใหม่หลังปีใหม่ล้วนเป็นจุดสนใจของคนเมืองหลวง ก่อนหน้าเพราะฝีดาษ ต่อมาเพราะความขัดแย้งกับลู่อวิ๋นฉีฐานะของคุณหนูจวิน ฐานะของลู่อวิ๋นฉี รวมกับเรื่องบุรุษสตรี สามจุดสำคัญนี้ทำให้ทั้งเมืองหลวงครึกครื้นขึ้นมา ทุกหนทุกแห่งล้วนพูดถกกัน ไม่เพียงชาวบ้านที่หัวถนน คหบดีตระกูลใหญ่ บรรดาขุนนางของกรมกองทางการก็ถกกันไม่หยุดหย่อนหนิงเหยียนต่อให้ไม่อยากรู้ก็ไม่อาจไม่รู้แม้ผู้ติดตามพูดเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้คนคาดเดาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วสายตาของหนิงอวิ๋นเจาทะลุผ่านฝูงชน มองเห็นรถม้าที่มีตราสัญลักษณ์โรงหมอจิ่วหลิงอยู่เลือนราง รวมถึงหีบห่อที่ตกกระจายบนพื้น ผ้าไหมแดงที่ถูกคนเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้าลู่อวิ๋นฉีทุกวันๆ ส่งสินสอดไปยังโรงหมอจิ่วหลิง ได้ยินว่ายังมีจดหมายที่องค์หญิงจิ่วลีทรงเขียนด้วยพระองค์เองอีกด้วย ส่วนโรงหมอจิ่วหลิงก็โยนสินสอดกลับมานอกประตูจวนสกุลลู่ครั้งแล้วครั้งเล่าสองฝ่ายไม่ทะเลาะไม่โวยวาย ทำสงครามยื้อยุดเจ้ามาข้าไปเห็นได้ชัด สงครามยื้อยุดอันเงียบงันถูกการกลับมาของบุตรชายเฉิงกั๋วกงทำลายแล้ว“นี่ไม่ใช่ครั้งแรก” ขุนนางผู้น้อยคนหนึ่งในฝูงชนเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “ก่อนหน้านี้ก็ทะเลาะกันเพราะคุณหนูจวินมาก่อน”“ข้าก็เคยได้ยินเหมือนกัน เหมือนคุณหนูจวินไปทำให้หัวหน้ากองพันลู่โกรธ หัวหน้ากองพันลู่จะไปทุบโรงหมอจิ่วหลิง หลังจากนั้นบุตรชายเฉิงกั๋วกงไม่ยอม ตีกับหัวหน้ากองพันลู่ขึ้นมา” มีคนร่วมวงหัวเราะเสียงเบาเอ่ยคำพูดนี้ดึงให้คนมากกว่าเดิมมาร่วมวงด้วย“ถ้าอย่างนั้นพูดเช่นนี้หัวหน้ากองพันลู่กับคุณหนูจวินก็รู้จักกันเพราะทะเลาะกันน่ะสิ?”“คุณหนูจวินที่แท้ชอบคนไหนเล่า?”“ดูท่าคงชอบท่านชาย อย่างไรท่านชายก็ยังไม่แต่งงาน”“ไม่แปลกที่ตลอดมาไม่รับปากนะ”เสียงหัวเราะแผ่วเบากระซิบกระซาบแผ่ขยายไปข้างหลังของฝูงชนหนิงเหยียนขมวดคิ้ว มองหนิงอวิ๋นเจาด้านหน้า ประหนึ่งรู้สึกถึงสายตาของเขา ไม่รอเขาเอ่ยวาจา หนิงอวิ๋นเจาก็หันกลับมา“ทะเลาะกันเช่นนี้” เขาเอ่ยเสียงเบา “ทั้งสองคนอาจโดนลงโทษทั้งคู่?”บุตรชายเฉิงกั๋วกงโอหังทำตามอำเภอใจ รั้งเขาไว้ที่เมืองหลวงก็เพื่อเตือนเฉิงกั๋วกงส่วนลู่อวิ๋นฉีลับๆ นับเป็นขุนนางชั่วการกระทำของทั้งสองคนนี้ล้วนไม่เข้ากับเส้นทางขุนนางผู้ทรงคุณธรรมในด้านงานขุนนาง ทั้งสองคนถนัดเล่นลิ้นไม่อาจจับความผิดของพวกเขาได้ หากจากเรื่องส่วนตัวเล่า? เวลาอื่นอาจไม่ได้ แต่ครั้งนี้ผู้หญิงที่เกี่ยวพันคือคุณหนูจวิน คุณหนูจวินชื่อเสียงวันนี้หาได้ธรรมดาไม่หนิงเหยียนเข้าใจเจตนาของหนิงอวิ๋นเจา กลับส่ายศีรษะ“ฝ่าบาทรงทราบ” เขาเพียงเอ่ยหนึ่งประโยคหนิงอวิ๋นเจาก็เข้าใจความหมายสี่คำนี้ของเขา ความหมายนี้ก็คือฝ่าบาทไม่ยุ่ง เขาขมวดคิ้ว เดินไปข้างหน้าหลายก้าวอีกครั้ง ราวกับจะมองให้ชัดว่าขันทีด้านนั้นจะจัดการสองคนนี้อย่างไรหยิงเหยียนอ้าปากสุดท้ายก็ไม่ได้เรียกเขาไว้ อนาคตเป็นขุนนางในราชสำนัก ย่อมเลี่ยงคบหากับสองคนนี้ไม่ได้ สนใจสักหน่อยก็เป็นเรื่องปกติขันทีในเหตุการณ์ถูกจูจั้นเกาะจนทุลักทุเลอยู่บ้าง แต่ยังคงกัดปากไว้สนิท“ท่านชาย ฝ่าบาทไม่พบพวกท่าน และฝ่าบาทก็ทรงไม่ยุ่งเรื่องของพวกท่าน พวกท่านก่อเรื่องต่อหน้าผู้คน พวกท่านก็อธิบายต่อหน้าผู้คนเถอะ” เขาตะโกนเอ่ย“เรื่องเช่นนี้มีอะไรต้องอธิบาย” จูจั้นเอ่ย “ย่อมเป็นหัวหน้ากองพันลู่กระทำเรื่องที่สวรรค์พิโรธคนคั่งแค้น ทุกคนในใจใครไม่เข้าใจ”“ข้าไม่เข้าใจ” เสียงของลู่อวิ๋นฉีดังขึ้นตามมาลู่อวิ๋นฉีที่เงียบงันไม่พูดจามาตลอดเดินเข้ามา รอยเลือดที่มุมปากเช็ดไปแล้ว แต่รอยช้ำยิ่งเห็นชัดบนหน้าขาวประหนึ่งเครื่องเคลือบ ดูสะบักสะบอมอยู่บ้างจูจั้นยกคิ้วขึ้น สีหน้าทะมึนหนิงอวิ๋นเจาที่ยืนอยู่ในฝูงชนก็สีหน้าทะมึนไปเช่นกัน“ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านชายมาก่อเรื่อง” ลู่อวิ๋นฉีสีหน้านิ่งสนิทเอ่ย “พังประตูใหญ่กรมสืบสวนของข้า”สายตามองไปทางหีบหอที่ร่วงกระจายอยู่บนพื้น“ที่ใช้ยังเป็นสินสอดของข้าอีก”เขามองไปทางจูจั้นอีกครั้ง“สินสอดของข้าไปทำอะไรท่านชายแล้ว?”ฝูงชนกลายเป็นวุ่นวายอยู่บ้างลู่อวิ๋นฉีเอ่ยวาจาน้อยนัก ต่อหน้าผู้คนยิ่งแทบไม่พูด คนในที่นั้นเพิ่งได้ยินเขาพูดมากเช่นนี้เป็นครั้งแรก ดูท่ายังจะพูดต่ออีกนอกจากนี้ที่จะพูดยังเป็นเรื่องบุรุษสตรีอีกด้วย“ข้าชอบพอคุณหนูจวิน ขอแต่งงานอย่างจริงใจ ท่านชายเล่าทำเพื่ออะไร?” เสียงของลู่อวิ๋นฉีเอ่ยต่อพูดออกมาแล้ว พูดออกมาแล้วจะเล่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับคุณหนูจวินต่อหน้าผู้คนแล้วความวุ่นวายของฝูงชนสงบลงในพริบตาคำพูดนี้ลู่อวิ๋นฉีคนพรรค์นี้กล้าพูด บุตรชายเฉิงกั๋วกงจะกล้าพูดไหม? บุตรชายเฉิงกั๋วกงจะว่าอย่างไร?คนทั้งหมดล้วนสีหน้าตื่นเต้นมองไปทางจูจั้นจะเล่าความขัดแย้งของพวกเขาสามคนไหม? รู้จักกันได้อย่างไร? ที่แท้ใครชอบใคร?บุตรชายเฉิงกั๋วกงจะบอกว่าชอบพอนาง ขอคุณหนูจวินแต่งงานไหม?ลู่อวิ๋นฉีไม่มีพ่อไม่มีแม่ เรื่องแต่งงานนอกจากฮ่องเต้ก็เป็นเขาคนเดียวตัดสินใจ ไม่ว่าหญิงคณิกาหรือภรรยาผู้อื่น เขาอย่างทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ในบ้านไม่มีใครคุม แต่บุตรชายเฉิงกั๋วกงย่อมไม่เหมือนกันมีสามีภรรยาเฉิงกั๋วกงอยู่ คำสั่งของบิดามารดาวาจาแม่สื่อ ตั้งแต่นาทีนั้นที่ท่านชายเกิดก็มีครอบครัวมากมายมาขอเกี่ยวดอง นานปีขนาดนี้คู่สามีภรรยาเฉิงกั๋วกงปฏิเสธการแต่งงานนับครั้งไม่ถ้วน กระทั่งการจับคู่ของฮ่องเต้กับไทเฮาก็ปฏิเสธผู้ใหญ่ในบ้านที่แข็งแกร่งปานนี้ยังอยู่ จูจั้นเขาจะตัดสินใจเองได้อย่างไร?คู่สามีภรรยาเฉิงกั๋วกงรักใคร่ตามใจเขาอย่างไร เรื่องแต่งงานก็ไม่มีทางส่งเดชได้ อย่างไรจูจั้นก็ต้องสืบอทดบรรดาศักดิ์เฉิงกั๋วกง เกี่ยวข้องกับการสืบต่อของตระกูลจูทั้งตระกูลหากบุตรชายเฉิงกั๋วกงพูดออกมา คู่สามีภรรยาเฉิงกั๋วกงไม่เห็นด้วย คุณหนูจวินก็กลายเป็นตัวตลกแล้วหากบุตรชายเฉิงกั๋วกงไม่กล้าพูด จะอธิบายการกระทำของตนเองตอนนี้ได้อย่างไรอีก? เหมือนกับแย่งยอดหญิงงามของหอนางโลม?ไม่ว่าเขาพูดอย่างไร สตรีผู้หนึ่งถูกบุรุษสองคนต่อสู้แย่งกันต่อหน้าผู้คนก็ล้วนเป็นเรื่องตลกสีหน้าเฉินชีซีดขาวลู่อวิ๋นฉีไม่มีทางสนใจชื่อเสียงของคุณหนู สำหรับเขาแล้ว ทำลายชื่อเสียงของคุณหนูได้ยิ่งดี ยิ่งยากหนีไปจากฝ่ามือของเขาเป็นการกระทำที่เลวทรามไร้ยางอายจริงๆเหตุการณ์ที่นิ่งชะงักอยู่ถูกเสียงหนึ่งทำลาย“เจ้าชอบพอนางขอแต่งงานแล้วอย่างไร?” จูจั้นสีหน้าเหยียดหยัน “เจ้าทำเรื่องพรรค์นี้ ใครเป็นคนก็ต้องถ่มน้ำลายประณาม”สีหน้าลู่อวิ๋นฉีนิ่งสนิทมองเขา“เหตุใดต้องถ่มน้ำลายประณาม?” เขาเอ่ยจูจั้นยิ้มมองเขา ดวงตาเปลี่ยนเป็นคมกริบ ปล่อยขันทีคนนั้น“เพราะว่านาง…” เขาเอ่ยคำพูดเพิ่งออกจากปากก็ได้ยินเสียงบุรุษกังวานเสียงหนึ่งลอยมา“เพราะนางเป็นคู่หมั้นของข้า”คู่หมั้น?ในที่นั้นชะงักนิ่งไปหมด คนทั้งหมดล้วนมองไปทางต้นเสียงโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเดินเชื่องช้าออกมาจากในฝูงชนหน้าผากของเขานูน จมูกโด่งเป็นสัน หน้าตาโดดเด่น สีหน้าอบอุ่น สวมเสื้อตัวยาวสีน้ำเงิน ใต้แสงตะวันรูปร่างสะโอดสะอง หล่อเหลาสง่างาม“ใต้เท้าลู่อาจไม่รู้” เขายิ้มเล็กน้อยให้หัวหน้ากองพันลู่ “ข้ากับคุณหนูจวินมีสัญญาหมั้นหมายกันตั้งแต่เล็ก ดังนั้นการกระทำของใต้เท้าไม่เหมาะสมจริงๆ โปรดอย่าตำหนิที่ท่านชายโกรธเกรี้ยว”จูจั้นขมวดคิ้ว ฮะ…เฉินชีอ้าปาก ฮ่ะ…ส่วนหนิงเหยียนที่ยืนอยู่ในฝูงชนพริบตามึนงงตอนนี้เขากำลังฝันอยู่รึ?ใช้ยังนอนหลับอุตุอยู่ในกรมหรือไม่?ไม่เช่นนั้นทำไมมองเห็นได้ยินเรื่องบ้าบอเช่นนี้?……………………………………….
คอมเม้นต์