Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 32 ช่วยเหลือและเชื่อมั่น
ผู้ใหญ่กับเด็กน้อยลองยาไม่เหมือนกันจริงๆอย่างที่คิด ตอนยัดฝีเด็กโตหน่อยยังว่าง่าย มีแต่เด็กน้อยสามขวบคนนี้เพราะอายุน้อย ในจมูกยัดสิ่งแปลกปลอมเข้ามา ยังคงจาม รวมถึงไม่ระวังก็ใช้มือดึงออกมา“ไม่สู้เช่นนี้เถอะ” คุณหนูจวินเอ่ย “ฝีดาษติดต่อกันผ่านสัมผัส ห้าทวารเชื่อมต่อในร่าง ไม่ใช้ห้าทวาร ถ้าอย่างนั้นก็เปิดช่องสักแห่งขึ้นมา”ผู้คนยังไม่ทันเข้าใจหมายความว่าอะไร คุณหนูจวินก็ดึงเสื้อเก่าขาดของเด็กคนนี้ลงเผยแขนออกมา หยิบตะไบเล่มหนึ่งกรีดลงไปปากแผลขนาดเล็กอันหนึ่งปรากฏขึ้นทันที ยังไม่ทันเลือดไหล คุณหนูจวินก็เอาเมล็ดพิษฝีในหลอดทองแดงแนบไว้บนปากแผล แล้วใช้ผ้าพันแขนของเด็กคนนี้ไว้อย่างฉับไวอีกครั้งเด็กคนนี้ตอนนี้ถึงเพิ่งรู้สึกตัว เบะปากร้องไห้ขึ้นมาปากแผลที่ตะไบกรีดเปิดไม่ใหญ่มาก พันไว้ไม่นานเลือดก็ไม่ไหลแล้ว แต่บรรดาท่านหมอยังคงตกใจสะดุ้งโหยง ยิ้มเฝื่อนส่ายศีรษะอีกครั้งคุณหนูจวินตบหัวไหล่ของเด็กคนนี้“เด็กดี ไม่ร้อง ไม่ร้อง” นางเอ่ย เหมือนเล่นกล ผลไม้เชื่อมชิ้นหนึ่งพลันวางอยู่บนมือตรงหน้าเด็กน้อยเด็กน้อยหยุดร้องไห้ทันที น้ำตาเอ่อคลอมองผลไม้เชื่อมนี่“ผลซิ่งเชื่อม” เขาเอ่ยเสียงอ้อแอ้ดูทีเดียวก็รู้ว่าเป็นอะไรเชื่อม เห็นได้ว่าคงเป็นของที่กินบ่อย ตระกูลโจวเป็นตระกูลชนชั้นสูงของเมืองเจินติ้ง บรรดาเด็กทั้งหลายในตระกูลย่อมกินดีอยู่ดีเด็กน้อยไม่ได้ยื่นมือมา กลืนน้ำลายหันไปมองเด็กผู้หญิงด้านข้าง“ท่านพี่ ผลซิ่งเชื่อม” เขารีบร้อนเอ่ย “ไม่ได้กินตั้งนานแล้ว…”คนที่ถูกขังอยู่ในคุกรอความตาย นั่นยังมีผลไม้เชื่อมกินที่ไหนบรรดาท่านหมอด้านข้างในใจหดหู่เด็กผู้หญิงคนนั้นมองคุณหนูจวิน กัดริมฝีปาก“ขอบคุณท่านหมอ” นางเอ่ย พยักหน้าให้เด็กน้อยเด็กน้อยตอนนี้ถึงดีใจยื่นมือคว้าไป“ขอบคุณท่านหมอ” เขาเอ่ยเลียนแบบพี่สาว พลางยัดผลไม้เชื่อมเข้าปากอย่างอดรนทนไม่ไหวยัดเข้าไปปุบก็คิดอะไรได้รีบถ่มออกมาอีก ยื่นให้เด็กผู้หญิงด้านข้าง“ท่านพี่กินด้วยกัน” เขาเอ่ยเด็กผู้หญิงรีบส่ายศีรษะ“ข้าไม่กิน ข้าไม่กิน” นางตอบท่านหมอคนหนึ่งดูต่อไปไม่ไหวแล้ว“ยังมีอีก ยังมีอีก” เขาเอ่ย “ผลไม้เชื่อมมากไป อีกเดี๋ยวเอามาให้พวกเจ้า มีทุกคน”บรรดาท่านหมอคนอื่นก็พากันเอ่ยในบ้านของพวกเขาล้วนมีเด็กอายุเท่านี้ มองเห็นเด็กน้อยทุกข์ทรมานไม่ไหว“เอาล่ะ ยังเหมือนกับครั้งก่อน พาพวกเขาไปเถอะ” คุณหนูจวินเอ่ยท่านหมอเฒ่าเฝิงเป็นต้นจึงเรียกเด็กๆ แล้วถามอีกว่าห้องด้านนั้นเก็บกวาดเสร็จหรือยัง เฉินชีที่แอบอยู่ข้างประตูตอนนี้ถึงเดินออกมาตอบ พาคนเหล่านี้ไปคนด้านในโถงพระพุทธรูปสลายตัวไป กลายมาเป็นเงียบสงบหัวหน้ากองร้อยเจียงที่ยืนอยู่ไม่ไกลอดไม่ได้ขมวดคิ้ว“ใต้เท้า ถึงกับเอาครอบครัวของโจวเปิ่นถังออกมาได้…” เขาเอ่ย “พวกเราไม่ต้องสนหรือ?”“พวกเราฟังฝ่าบาท” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยก็ใช่ ไม่มีคำอนุญาตของฝ่าบาท จูจั้นความสามารถมากอีกเท่าใดก็เอาคนออกมาไม่ได้หัวหน้ากองร้อยเจียงกอดอกขมวดคิ้วที่แท้เจ้าหนูนี่ก็ไปทำสิ่งนี้ ยังคิดว่าเขาหนีไปแล้วเสียอีกเจ้าเล่ห์จริงๆ เอานักโทษตายคนหนึ่งมาก็หลอกท่านหมอพูดมากเหล่านี้ได้แล้วลู่อวิ๋นฉีไม่ได้เอ่ยวาจากอีก เพียงมองเด็กสาวด้านในโถงพระพุทธรูป เด็กสาวเดินเข้ามายืนตรงหน้าจูจั้น“นี่นับว่าข้าช่วยท่านอีกครั้งแล้วหรือไม่?” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ยถามจูจั้นคิ้วกระตุก“เจ้าช่างกลับดำเป็นขาวเก่งจริงนะ” เขาเอ่ย “ใครช่วยใครกัน?”คุณหนูจวินมองเขาเม้มปากยิ้ม พลันยกมือขึ้นตบหน้าอกเขาทีหนึ่งจูจั้นไม่ทันตั้งตัวร้องโอ้ยทีหนึ่งถอยหลังไปก้าวหนึ่ง“เจ้าทำอะไร? ลงไม้ลงมือ” เขาร้องคุณหนูจวินเดินผ่านเขาไปแล้ว ได้ยินก็แหงนหน้าหัวเราะลั่นไร้เสียงไม่หันกลับมามองเดินจากไป…“ท่านหมอเฝิง ท่านหมอเฝิง”วัดยามเช้าตรู่ถูกน้ำเสียงร้อนรนของท่านหมอทั้งหลายทำลาย“เด็กที่อายุน้อยที่สุดคนนั้นตัวร้อนแล้ว”บรรดาท่านหมอแบ่งเวรดูแลเด็กห้าคนนี้ตามอย่างครั้งก่อนอย่างนั้น เพิ่งผ่านไปหนึ่งคืนก็เกิดตัวร้อนแล้วครั้งก่อนยังต้องผ่านไปตั้งหลายวันท่านหมอเฒ่าเฝิงก็เคร่งเครียดอยู่บ้างด้วย พยักหน้าอีก“คุณหนูจวินเคยบอก เด็กกับผู้ใหญ่มีปฏิกิริยาต่อพิษฝีแตกต่างกัน ผู้ใหญ่เดิมก็ไม่ถูกเล่นงานง่ายๆ เด็กๆ ถึงป่วยเป็นฝีดาษง่าย” เขาเอ่ยขณะที่พวกเขาพูดอยู่ คุณหนูจวินที่ได้ยินข่าวก็เดินเข้าก็ตอบว่าใช่ทุกคนมองไปที่เด็กน้อยคนนั้นด้วยกันเด็กน้อยนอนอยู่บนเตียงสีหน้าแดงเล็กน้อยลมหายใจถี่กระชั้น แต่คนยังมีสติ กะพริบตามองบรรดาท่านหมอที่ล้อมตนเอง มองดูถามไถ่จับชีพจรอยู่“ข้าป่วย ต้องกินยา ต้องกินผลไม้เชื่อม” เขาเอ่ยปากอีกเมื่อวานท่านหมอทั้งหลายเอาของกินอร่อยเครื่องดื่มอร่อยมาให้พวกเขาจริงๆ แต่ผลไม้เชื่อมกลับไม่ได้ให้เด็กกินมากได้ยินเด็กคนนี้เอ่ยเช่นนี้ บรรดาท่านหมอก็ทั้งขำทั้งปวดใจ“เจ้าป่วย แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องกินยา” คุณหนูจวินเอ่ย ลูบศีรษะเขา มองฝีไม่กี่เม็ดจางๆ บนร่างเขาอย่างละเอียด “พรุ่งนี้ก็หายดีแล้ว รอหายแล้วค่อยกินผลไม้เชื่อม”ปลอบเด็กน้อยแล้ว เดินออกไปแล้วท่านหมอเฒ่าเฝิงไม่สบายใจอยู่บ้าง“พรุ่งนี้จะหายดีได้จริงหรือ?” เขาเอ่ยถามเสียงเบา “นอกจากนี้ฝีบนตัวเด็กคนนี้ทำไมน้อยเช่นนี้?”คุณหนูจวินยังไม่ทันเอ่ย ก็มองเห็นเด็กหลายคนยื่นศีรษะออกมาจากหน้าต่างด้านในห้องถัดไป สีหน้าพวกเขายากปิดบังความกังวลคุณหนูจวินคิดนิดหนึ่งก็เดินเข้าไป“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล น้องชายของพวกเจ้าอาการเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ พรุ่งนี้ก็หายดีแล้ว” นางเอ่ยเด็กหลายคนมองนาง ส่ายศีรษะพร้อมเพรียง“พวกเราไม่กังวล พวกเราเชื่อท่านชาย…” เด็กคนหนึ่งพลันหลุดปากเอ่ยคำพูดของเขาออกจากปากปุบก็ถูกเด็กคนอื่นหลายคนถลึงตาใส่ ยังมีคนด้านหลังกระทุ้งเขา“พวกเรายินดี พวกเรายินดี ไม่เสียใจ” โจวจิงรีบเอ่ยคุณหนูจวินยิ้ม ส่วนท่านหมอเฒ่าเฝิงหันหน้ามาแต่ทำเป็นไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไร ในใจประหลาดใจเล็กน้อยคนตระกูลโจวเชื่อท่านชาย?ตามหลักแล้วคนตระกูลโจวสมคบศัตรูทำลายชื่อเสียงของเฉิงกั๋วกง คนที่ชิงชังตระกูลโจวที่สุดควรเป็นเฉิงกั๋วกง ทำไมฟังดูความหมายนี้ตระกูลโจวกับบุตรชายเฉิงกั๋วกงดูเหมือนจะคุ้นเคยกันมาก? นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นมากด้วย?เชื่อมั่นว่าบุตรชายเฉิงกั๋วกงจะช่วยเหลือตระกูลโจวให้เหลือทายาทไว้ได้หรือ?บุตรชายเฉิงกั๋วกงพูดได้ทำได้ แต่ทำไมบุตรชายเฉิงกั๋วกงถึงทำเช่นนี้? นักโทษตายในคุกมากมายนัก เด็กๆ ก็ไม่ใช่ไม่มี ทำไมดันเลือกเด็กของตระกูลโจวได้?เรื่องเหล่านี้ซับซ้อนเกินไป ไม่ใช่เขาหมอคนหนึ่งจะคิดส่งเดชได้ แล้วก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย“ท่านหมอเฝิง” เสียงคุณหนูจวินดังขึ้นข้างหูท่านหมอเฒ่าเฝิงรีบหันมา“ท่านถามว่าทำไมตัวร้อนเร็วเช่นนี้ ก็เพราะว่าเขาอายุน้อย” คุณหนูจวินเอ่ย แล้วมองเด็กๆ คนอื่นที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างทีหนึ่ง เห็นพวกเขาฟังตั้งใจนัก “นอกจากนี้ข้าคิดว่ายังมีสาเหตุเรื่องวิธีการด้วย”“วิธีการ?” ท่านหมอเฒ่าเฝิงเอ่ยถามหมอคนอื่นก็ล้อมเข้ามานี่ไม่ใช่แค่ลองยาอย่างเดียวแล้ว ยังเป็นการทำความเข้าใจและทดลองยาใหม่ชนิดนี้ของพวกเขาท่านหมอเหล่านี้ด้วย……………………………………….
คอมเม้นต์