Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 15 คนถือโคมยามดึกดื่น
หากยังเหมือนก่อนหน้านี้พูดจาโอหังเช่นนั้นว่าไม่มีปัญหานางรักษาได้ เรื่องก็คงทำง่ายแล้วนางพูดแค่คนป่วยมากเกินไป ต้องการทุกคนไปช่วยเป็นลูกมือสักหน่อย พูดเช่นนี้ก็คงมีคนไม่น้อยหวั่นไหว บางทีเห็นแก่ที่นางเคยชี้แนะ บางทีอยากอาศัยโอกาสสร้างชื่อ ไม่ว่าเพราะอะไรก็คงมีความกล้าติดตามไปแต่หากขู่จนความกล้าของทุกคนไม่เหลือแล้ว ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าเพราะอะไร ไม่มีชีวิตอยู่สิ่งใดย่อมไม่สำคัญแล้วเขาทนแล้วก็ทนอีก พูดวาจาเช่นนี้กับเด็กสาว พูดตรงๆ ก็คือจะสอนให้เด็กสาวคนนี้ไปหลอกหมอคนอื่นนี่ช่างจิตใจชั่วช้าจริงหนอทำเรื่องเช่นนี้เป็นการหลอกคนโดดเข้ากองเพลิงสินะท่านหมอเฒ่าเฝิงหน้าแดงก้มหน้าอยากจะมุดเข้าดินไปเสียข้างหูเสียงหัวเราะของคุณหนูจวินลอยมา“ขอบคุณมาก” นางคำนับให้เขา สีหน้าจริงใจทั้งยังขอบคุณอยู่หลายส่วนนางฟังเข้าใจแล้ว ท่านหมอเฝิงจิตใจหดหู่ ไม่รู้ควรดีใจหรือไม่ดีใจ สีหน้าสับสนนักก็เหมือนเขาหวังให้นางทำเช่นนี้ แต่หากนางทำเช่นนี้จริงๆ เขาก็รู้สึกในใจผิดหวังนักด้วยประหลาดจริงๆ วิธีนี้เป็นเขาคิดออกมา เอ่ยออกมาก่อนแท้ๆ ทำไมเขายังไปตำหนิเด็กสาวคนนี้อีกเขาไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว เขารีบค้อมกายคำนับจะหมุนตัวจากไป“แต่ ข้าไม่อาจทำเช่นนี้ได้” เสียงคุณหนูจวินลอยมาต่อไม่อาจทำได้หรือ?ท่านหมอเฒ่าเฝิงก้าวเท้าหยุดชะงักเงยหน้าขึ้น“ครั้งนี้ข้าต้องการขอความช่วยเหลือของทุกคน จำต้องพูดให้เข้าใจ” คุณหนูจวินเอ่ย “มีแต่ทำให้ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไรถึงสำเร็จได้”ที่แท้นี่ก็เป็นความโอหังอย่างหนึ่งสินะข้าจะบอกพวกเจ้าเรื่องนี้ทำขึ้นมาอันตรายนักเชื่อถือไม่ได้เกินไปแล้ว แต่ข้าก็ยังเชิญพวกเจ้า พวกเจ้ากล้ามาช่วยหรือไม่คนอายุน้อยก็เป็นเช่นนี้หนา ท่านหมอเฒ่าเฝิงสีหน้ายุ่งยากใจ บางครั้งก็ซื่อไร้เดียงสาอยู่บ้าง“แต่ท่านทำเช่นนี้มีปัญหานะ” เขายังเอ่ยเสียงเบา“ข้าบอกเช่นนี้ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ต้องให้ทุกคนคิดเข้าใจ ตนเองตัดสินใจ” คุณหนูจวินเอ่ย “โรคนี้ข้าต้องการคนช่วยเหลือจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่ข้าคนเดียวทำออกมาได้ แต่นี่ไม่ใช่ข้าไม่มั่นใจหรือข้าลองส่งเดช ในใจข้ามีทฤษฎี เพียงแต่ขาดลงมือทำจริงเท่านั้น”ท่านหมอเฒ่าเฝิงมองนาง“แต่ ทำจริงใยไม่ใช่ยากที่สุด?” เขายิ้มเฝื่อน“ยากก็ไม่ทำแล้วหรือ?” คุณหนูจวินยิ้มแล้ว “แต่ละสูตร การรักษาสำหรับแต่ละโรคที่พวกเราใช้วันนี้ ไม่ใช่ล้วนจากไม่มีกลายเป็นมี ล้วนเป็นเหล่าบรรพบุรุษทดลองลงมือทำออกมาได้หรือ โบราณมีเสินหนงต่อมาก็มีหมอเทวดาเปียนเชวี่ย ล้วนได้สูตรยาวิชาแพทย์อันยอดเยี่ยมมาจากการทดลองทั้งสิ้น หากไม่มีการทดลองลงมือทำของพวกเขา พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าพิษอูโถว[1]ใช้ได้ สารหนูช่วยคนได้”ท่านหมอเฒ่าเฝิงมองนาง ขยับริมฝีปากอยากพูดอะไรก็ไม่ได้พูดออกมาคุณหนูจวินยิ้มให้เขาอีกครั้ง สีหน้าอ่อนโยน แววตาจริงใจ“ข้ารู้เรื่องนี้เสี่ยงอันตรายจริงๆ ท่านหมอเฒ่าเฝิงท่านมากล่อมข้า พูดวาจาเหล่านี้กับข้า ข้าขอบคุณยิ่งนัก” นางเอ่ย ย่อเข่าคำนับท่านหมอเฒ่าเฝิงถอนหายใจโบกมือไม่รับการคำนับ“แต่เรื่องนี้ข้าจำต้องทำแล้ว” คุณหนูจวินเอ่ย หันกลับมองไปด้านนอกเมือง “พิษของฝีดาษ สังหารคนนับไม่ถ้วน ประหนึ่งมองทิศพายัพศัตรูดั่งสุนัขป่า ข้ารอจนข้าศึกถึงหน้าค่ายแล้ว เผชิญหน้ากองทัพแล้วจะล่าถอยได้หรือ? ต่อให้บุกฝ่าทางรอดเส้นหนึ่งไม่ได้ สังหารได้กี่คนก็เท่านั้น แสวงหาแนวทางบางอย่างเหลือไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง ก็นับว่าไม่เสียแรงเปล่าแล้ว”พูดจบก็คำนับท่านหมอเฒ่าเฝิงครั้งหนึ่งหมุนกายก้าวยาวจากไป“คุณหนูของข้าจะไม่เสียแรงเปล่า” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยกับท่านหมอเฒ่าเฝิง กอดหีบยาแน่นเชิดหน้าแค่นเสียงเหอะก้าวยาวตามไปท่านหมอเฒ่าเฝิงยืนอยู่ที่เดิมสีหน้ายุ่งยากไม่ขยับ…สีของราตรีค่อยครอบลงมา ม่านประตูส่งเสียงดัง มองเห็นคุณหนูจวินเดินเข้ามา ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วกับฟางจิ่นซิ่วรีบลุกขึ้น“พวกเฉินชีไปจัดการนอกเมืองได้พอประมาณแล้ว วันนี้คงไม่กลับมา จัดการทั้งคืน” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย“สมุนไพรยาเหล่านั้นก็บรรทุกใส่รถส่งไปยังวัดกวงหวาตลอดทั้งคืน” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยใครก็ไม่ถามว่านางออกไปทำอะไรทำเป็นอย่างไรคุณหนูจวินพยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าก็จะไป” นางเอ่ย ไม่ได้พูดถึงตนเองไปทำอะไรได้ผลอย่างไรเช่นกัน“ถ้าอย่างนั้นกินข้าวเถอะ” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย แล้วมองผู้ดูแลใหญ่หลิ่วผู้ดูแลใหญ่หลิ่วรีบโบกมือ“ข้ากลับก่อน ในร้านยังมีธุระบางเรื่อง ข้าไม่กินข้าวที่นี่ล่ะ” เขาเอ่ย “คนที่ต้องตามไปวันพรุ่งนี้ข้าเตรียมไว้บ้างแล้ว วันพรุ่งนี้จะส่งมาที่นี่”หลิ่วเอ๋อร์ยิ้มพยักหน้าให้เขาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็ยิ้มหมุนตัวออกไป เดินออกจากโรงหมอจิ่วหลิงรอยยิ้มของเขาก็หายไป ที่มาแทนที่คือสีหน้าหนักใจเดินทั่วทั้งเมือง ท้ายที่สุดเชิญหมอไม่ได้สักคนพวกหมอหลวงเหล่านั้นมีความแค้นกับคุณหนูจวิน ตัดสินใจแน่วแน่จะมองดูเรื่องตลก ไม่แน่ข่าวที่คุณหนูจวินรักษาฝีดาษของไหวอ๋องหายก็อาจเป็นพวกเขากระจายไปยังผู้ป่วยเหล่านี้ พวกเขาไม่มีทางมาช่วยเด็ดขาดส่วนหมอในเมืองหลวงเหล่านี้ แม้เริ่มแรกขัดแย้งกับคุณหนูจวิน ต่อมาล้วนคลี่คลายแล้ว ยังได้รับน้ำใจจากคุณหนูจวินเท่าไร ทุกคนเวลาปกติพูดุยก็นับถือโรงหมอจิ่วหลิงอย่างยิ่งแต่แค่นับถือก็ไม่ไหวเหมือนกัน เผชิญกับเวลาที่เกี่ยวพันถึงประโยชน์และการสูญเสีย ทุกคนก็ยังคงเลือกปกป้องตนเองนี่ก็ไม่มีอะไรให้กล่าวโทษ นี่เป็นปกติของมนุษย์ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วพรูลมหายใจ สายลมยามค่ำของเดือนหนึ่งยังคงเย็นยะเยือก พัดจนเขาอดไม่ได้ซุกมือในเสื้อกลัวอะไร ต่อให้ท้ายที่สุดล้มเหลวแล้ว ก็ไม่พ้นหยิบราชโองการออกมา ปิดโรงหมอจิ่วหลิงออกจากเมืองหลวง ชีวิตนี้อย่างไรก็รักษาไว้ได้เหมือนกันกิจการของตระกูลที่บรรพบุรุษบุกเบิกมาก็ไม่ใช่เพื่อให้ลูกหลานล่มกิจการหรือ ล่มก็สร้างขึ้นใหม่ไหมผู้ดูแลใหญ่หลิ่วดึงหมวกลงมา มุดเข้าไปในรถจากไปราตรีครอบคลุมเมืองหลวง แสงโคมค่อยๆ สว่างขึ้นด้านในโรงหมอไป๋เฉ่าโคมไฟยังสว่าง พนักงานน้อยคนหนึ่งฟุบด้านหลังโต๊ะงีบ ท่านหมอเฒ่าเฝิงยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะ ด้านหน้าวางตำราแพทย์ไว้ ทว่าตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้พลิกผ่านเลยสักหน้าโคมน้ำมันเต้นระริกหลายวูบ ส่องใบหน้าหนักใจของเขา ทันใดนั้นเขาก็ตบโต๊ะลุกขึ้นยืนเสียงนี้ทำพนักงานน้อยตกใจตื่น“อาจารย์ จะกลับแล้วหรือขอรับ?” เขาขยี้ตาเอ่ยท่านหมอเฒ่าเฝิงขานรับ ไม่ได้ตอบรับ หยิบโคมดวงหนึ่งมายกขึ้นเดินออกไปแล้วพนักงานน้อยปิดประตูดีอกดีใจ ไม่เห็นว่าทิศทางที่ท่านหอมเฒ่าเฝิงเดินไปไม่ใช่บ้าน แต่ถือโคมเดินไปทางถนนใหญ่ที่ตกอยู่ในความเงียบสงัดของราตรีหลังจากนั้นไม่นานเสียงเคาะประตูปึงปึงก็ดังทำลายความเงียบสงัดของถนน เสียงแกรกดังขึ้นทีหนึ่งประตูเปิดออกแล้ว“ท่านหมอเฒ่าเฝิง? ดึกเช่นนี้ท่าน…” คนด้านในมองเห็นคนที่เคาะประตูประหลาดใจเล็กน้อย“ท่านหมอหลิว พวกเราเข้าไปคุยกัน” ท่านหมอเฒ่าเฝิงเอ่ยพลางดับโคมหน้าประตูตกอยู่ในความมืดอีกครั้งราตรียิ่งมืดขึ้นทุกที โคมในห้องสว่างอยู่เนิ่นนาน ชาที่วางไว้บนโต๊ะตัวน้อยกลายเป็นเย็นเฉียบสองคนที่นั่งประจันหน้ากันสีหน้าเคร่งเครียด แต่กลับไม่มีท่าทางเหนื่อยล้าสักนิด“ตาเฒ่าเฝิงอา เรื่องนี้เสี่ยงอันตรายเกินไปแล้วจริงๆ” ในที่สุดบุรุษที่ประจันหน้าอยู่ก็ถอนหายใจเอ่ยขึ้นท่านหมอเฒ่าเฝิงมองเขาพยักหน้า“ใช่สิ ข้ารู้” เขาเอ่ย“นางมีหลักให้พึ่ง เกิดเรื่อง หยิบราชโองการของเต๋อเซิ่งชางตระกูลฟางออกมา ฮ่องเต้ก็ทำอะไรนางไม่ได้แล้ว นางยังเป็นแม่นางคนหนึ่งถึงเวลาประตูปิดกลับไปในบ้าน แต่งงาน กินดื่มไม่ปวดหัวแล้ว พวกเราเล่า?” บุรุษคนนั้นเอ่ย “เมืองหลวงนี่คงอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว โรงหมอนี่ก็เปิดไม่ได้แล้ว ผู้เฒ่าลูกเล็กเด็กแดงทั้งบ้านคงจบสิ้นกันหมด”“ข้ารู้ ข้ารู้” ท่านหมอเฒ่าเฝิงพยักหน้าเอ่ยอีกครั้ง“ในเมื่อล้วนรู้ ถ้าอย่างนั้นทำไมยังต้องตระเวนโน้มน้าวแทนนางให้ได้เล่า?” บุรุษเอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้ท่านหมอเฒ่าเฝิงยกน้ำชาที่เย็นนานแล้วด้านหน้าดื่มคำหนึ่ง“เพราะว่า ข้ารู้สึกว่านางเชื่อถือได้” เขาเอ่ย……………………………………….[1] อูโถว(乌头) พืชจำพวกหญ้าชนิดหนึ่ง มีพิษแต่ใช้ในการรักษาได้เช่นเป็นยาชา เป็นยากระตุ้นหัวใจ
คอมเม้นต์