Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 4 เข้าเฝ้าพระราชทานรางวัล

อ่านนิยายจีนเรื่อง Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ตอนที่ 4 เข้าเฝ้าพระราชทานรางวัล 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

การเอ่ยย้ำเช่นนี้ทำให้คุณหนูจวินหัวเราะแล้ว
เอ่ยย้ำว่าครั้งนี้เป็นความบังเอิญของจริง หรือก็คือจะบอกว่าความบังเอิญก่อนหน้านี้เป็นของปลอม
ก่อนหน้านี้ทำไมบังเอิญ ตอนนี้นางก็รู้แล้ว
ประโยคนี้ทั้งเอ่ยถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ทั้งยังอธิบายเรื่องตอนนี้วันนี้
คุณหนูจวินหัวเราะแล้ว หนิงอวิ๋นเจานับว่าเป็นคนแรกที่สารภาพรักกับนาง ก่อนหน้านี้นางไม่เคยพบมาก่อน ยิ่งไม่รู้ว่าหลังปฏิเสธจะคบหากันอย่างไรต่อ
นางเป็นคนที่ไม่ต้องขบคิดเรื่องเหล่านี้สักนิด
หลังปฏิเสธหนิงอวิ๋นเจา บางครั้งนางก็คิดขึ้นมาเหมือนกัน รู้สึกว่าทำให้คนปวดหัวและอึดอัดอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้พบเข้าจริงๆ แล้ว นอกจากนี้หนิงอวิ๋นเจายังเอ่ยวาจาเช่นนี้อีก จึงรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป
การรับมือกับคนเรื่องนี้ นางเองอับอายสู้ไม่ได้
“บังเอิญขนาดนี้ พอดีเยี่ยมปีใหม่เจ้าล่วงหน้า” คุณหนูจวินเอ่ย ย่อเข่าคำนับ
หนิงอวิ๋นเจารับคำนับอย่างสง่างาม พลางคำนับกลับ
“ข้ากำลังจะไปส่งของขวัญวันปีใหม่ให้แก่บรรดาสหายของข้า” เขาเอ่ย มองหีบที่หลิ่วเอ๋อร์หิ้วอยู่ในมือ
“ข้าไปเอาพวกของขวัญวันปีใหม่มาจากบ้านผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย
หนิงอวิ๋นเจายิ้มแล้วยกมือ
“ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินพยักหน้า เบี่ยงกายส่ง หนิงอวิ่นเจาก็พยักหน้าแย้มยิ้มเดินผ่านไป
เช่นนี้ก็ดี เพียงพยักหน้าทักทาย เดิมทีก็ควรเป็นเช่นนี้
หนิงอวิ๋นเจาไม่ได้หันกลับ ไม่รู้ว่านางหันกลับมาไหม
“นายน้อย คุณหนูจวินหันกลับมามองทีหนึ่ง ตอนนี้เลี้ยวหัวถนนไปแล้ว” เสี่ยวติงเอ่ย
เขาไม่ใช่คุณชาย ไม่ต้องสำรวมกิริยา ดังนั้นเดี๋ยวก็หันๆ กลับไปตลอด
หนิงอวิ๋นเจาตวัดตามองเขาทีหนึ่ง อยากจะหันกลับไปมองสักทีเช่นกัน
บนถนนไม่เห็นเงาของเด็กสาวคนนั้นแล้วจริงๆ
คิดไม่ถึงว่าจะได้พบนาง
นี่บังเอิญเกินไปจริงๆ แล้ว
ชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้ มักจะมีเรื่องประหลาดใจน่ายินดีเล็กน้อยยามไม่ใส่ใจอยู่เสมอ
นอกจากนี้ เมื่อครู่นางกับเขาก็พูดคุยกันด้วยดียิ่ง พยักหน้าทักทาย ตอนนี้ยังเป็นเช่นนี้ได้ไม่เลวจริงๆ
มุมปากหนิงอวิ๋นเจาผุดรอยยิ้มขึ้นมา ฝีเท้าเบาเร็วเดินไปข้างหน้า
แต่เมื่อครู่เขาลืมแสดงความยินดีที่นางรักษาไหวอ๋องหายดี
ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักไป แต่ก็ไม่มีอะไรน่ายินดี นางรักษาไหวอ๋องหายดีเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สมควรเกิดขึ้น อยู่ในความคาดคิด ไม่ควรค่าให้พูดถึงเท่านั้น
หนิงอวิ๋นเจาเดินทางต่อไปอีกครั้ง เสี่ยวติงก็ผ่อนลมหายใจฝีเท้ากลายเป็นกระฉับกระเฉง
ดีเหลือเกินจริงๆ ปีนี้ในที่สุดก็ผ่านไปด้วยดีแล้ว
พนักงานในโรงหมอจิ่วหลิงกลับไปฉลองปีใหม่แล้ว
เฉินชีกับฟางจิ่นซิ่วกำลังมองหญิงรับใช้สองคนเช็ดถูเก็บกวาดแขวนป้ายไม้ท้อ
“ท่านป้าหลิ่วทำของอร่อยอะไรหืม?” เฉินชีมองเห็นคุณหนูจวินนายบ่าวเข้ามา รีบยิ้มเอ่ยถาม
“ล้วนเป็นขนมของหยางเฉิง” คุณหนูจวินเอ่ยบอก พลางให้หลิ่วเอ๋อร์เปิดออก “พวกเจ้าลองชิม”
ฟางจิ่นซิ่วกับเฉินชีเดินเข้ามา ร้องเรียกหญิงรับใช้สองคนนั้นมาชิมด้วย กำลงคุยเล่นกันอยู่ เสียเคาะประตูรีบร้อนก็ดังขึ้น
“เย็นขนาดนี้ใครกัน?” เฉินชีตกใจสะดุ้งเอ่ย
“ป่วยยังแบ่งเช้าค่ำรึ?” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย “ป่วยไม่มีฉลองปีใหม่นี่”
พูดจบก็ไปเปิดประตู คนที่มากลับไม่ใช่คนที่มาตรวจ แต่เป็นผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว
“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วท่านมาได้ยังไง?” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยถามไม่เข้าใจ
พวกนางเพิ่งกลับมาจากบ้านของเขา
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยกมือเช็ดเหงื่อบางๆ บนหน้าผาก
“เพิ่งได้รับข่าว ไทเฮาเชิญเจ้าเข้าวังถวายพระพรพร้อมกับท่านหญิงบรรดาศักดิ์ในเดือนหนึ่ง”เขาเอ่ย
เข้าวังถวายพระพร นี่เป็นถึงของพระราชทาน
ในห้องเงียบไปพักหนึ่งหลังจากนั้นก็ปลื้มปิติ
“ก็บอกแล้วไหม ช่วยรักษาไหวอ๋อง จะให้แค่เงิน ไม่มีของพระราชทานได้อย่างไร” เฉินชีตบฝ่ามือเอ่ย “ที่แท้ของพระราชทานก็อยู่ที่นี่”
เข้าวังถวายพระพรกับบรรดาท่านผู้หญิงบรรดาศักดิ์ในราชสำนัก ถึงเวลาไทเฮาต้องตรัสกับคุณหนูจวินเพียงลำพังแน่ ต่อหน้าท่านผู้หญิงบรรดาศักดิ์มากมายเช่นนั้น ชื่อเสียงของคุณหนูจวินย่อมเลื่องลือแล้ว
ฟางจิ่นซิ่วก็เผยยิ้มที่ยากจะมีเช่นกัน
“เข้าวังครั้งนี้ต้องใช้ชุดพิธีการ ให้ข้าจัดการ คุณหนูจวินท่านไม่ต้องกังวล” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ย แล้วถูมือไปมา “ข้าจะเชิญนางข้าหลวงในวังหลายคนออกมาด้วย ถึงเวลาจะมาอธิบายมารยาทพิธีการในการเข้าวังให้คุณหนูฟัง ท่านไม่ต้องตื่นเต้น”
คุณหนูจวินยิ้ม
“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วท่านไม่ต้องตื่นเต้น” นางเอ่ย
ต่อมาเดิมอยากบอกว่าไม่ต้องให้คนมาสอน แต่เห็นความดีใจตื่นเต้นของทุกคน คุณหนูจวินก็รู้สึกฝาดเฝื่อนขึ้นมาอย่างประหลาดอยู่บ้าง
จะให้ตนเองแสดงออกว่าไม่มีปัญหาไม่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่สู้ให้พวกเขาได้ทำอะไรบ้างจะโล่งใจและผ่อนคลายมากกว่า
คิดถึงจุดนี้นางก็พยักหน้า
“เวลาฉุกละหุกอยู่บ้าง แต่ข้าจะตั้งใจเรียน”
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วปลื้มปริ่มพยักหน้า
“นี่ข้าได้ข่าวมาจากเส้นสาย ไม่นานก็คงมีคนในวังมาแจ้งท่าน ครั้งนี้รักษาไหวอ๋อง พูดให้ถึงที่สุดแล้วเป็นการแข่งขัน พวกผู้สูงศักดิ์ไม่ค่อยชอบเรื่องเช่นนี้” เขาเอ่ยจริงจังอีกครั้ง “ครั้งนี้ต้องเข้าเฝ้าไทเฮา ฐานะหมอหญิงของท่านได้เปรียบอย่างที่สุด ถึงเวลาตอบรับอย่างเหมาะสมย่อมคลี่คลายสถานการณ์ไม่มั่นคงนั่นก่อนหน้านี้ได้”
คุณหนูจวินยิ้มขานรับ
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วลูบเคราสีหน้าเบิกบาน สายตากวาดผ่านโรงหมอจิ่วหลิง
ราชโองการของอดีตฮ่องเต้ที่ตระกูลฟางครอบครองก็อยู่ที่นี่ วันนี้ก็ยังกำลังจะได้รับความสำคัญจากฝ่าบาทองค์ปัจจุบันอีก ครั้งนี้โรงหมอจิ่วหลิงยืนมั่นคงในเมืองหลวงได้โดยสมบูรณ์แล้ว
เวลาครึ่งปีเท่านั้น สำหรับคุณหนูจวินคนนี้อยู่ที่เมืองหลวงก็ไม่ได้ยากนัก
“ปีนี้ผ่านไปด้วยดีแล้ว” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วถอนหายใจเอ่ย
เทียบกับความเบิกบานใจของผู้อื่น ท่านหมอเกิ่งแห่งสำนักแพทย์หลวงไม่เบิกบานมาก
สำนักแพทยหลวงเริ่มหยุดงาน เจียงโหย่วซู่ในฐานะหัวหน้าสำนักยังเฝ้าอยู่อย่างรับผิดชอบ นี่เป็นความเคยชินตลอดมาของเขา แล้วก็ค่อนข้างเป็นที่ชื่นชมของทุกคนเช่นกัน
“อาจารย์ ทำไมท่านพูดชมคุณหนูจวินคนนั้น?” เขาเอย สีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม “เห็นชัดๆ ว่าทุกคนล้วนบอกว่านางไม่ดี ท่านดันบอกว่านางดี”
เจียงโหย่วซู่ละมือจากบันทึกการตรวจ
“นางมีอะไรไม่ดี? ไม่ใช่แค่เอ่ยประโยคไม่เกรงใจหลายประโยคเท่านั้นหรือ?” เขาเอย “ไม่ดีอีกอย่างไร ไหวอ๋องก็เป็นนางรักษาหาย ไม่บอกว่านางดี ยังบอกว่าใครดี”
ตอนที่ทุกคนเห็นว่าดี เขาดันบอกว่าไม่ดี นี่ไม่เพียงไม่อาจทำให้คนผู้นั้นเปลี่ยนเป็นไม่ดีได้ ตรงกันข้ามจะแสดงว่าตนเองน่าขันนัก
ท่านหมอเกิ่งขัดเขิน
“อาจารย์ ท่านช่างใจคอกว้างขวางจริงๆ” เขาเอ่ยนอบน้อม “นางไม่เกรงใจต่อพวกเราขนาดนี้ อาจารย์ยังเอ่ยชมนาง นางดูแคลนวิชาแพทย์ของพวกเรา ท่านกลับพยายามยกย่องวิชาแพทย์ของนาง”
พูดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมกรุ่นโกรธไม่ยอม
“ฝ่าบาทกับไทเฮาเดิมทีไม่ได้คิดเรียกนางเข้าเฝ้า ล้วนเป็นอาจารย์ ท่านชมนางร้ายกาจมากเพียงไร ไทเฮาถึงใคร่รู้อยากพบหน้า นั่นเป็นถึงไทเฮาเรียกเข้าเฝ้าเชียวนะ แล้วยังเป็นยามถวายพระพรอีก นี่ให้หน้านางมากเท่าไร”
เจียงโหย่วซู่ยิ้ม
“ให้หน้ามากสิถึงดี” เขาเอ่ย
อนาคตเสียหน้าก็ง่ายแล้ว นอกจากนี้ถึงเวลาที่เสียย่อมใช่หน้าของนางแล้ว แต่เป็นหน้าของราชวงศ์
ผลลัพธ์นั่นย่อมต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าอยู่บ้างแน่นอน
โอกาสดีครั้งหนึ่งเช่นนี้ ก็เหมือนช่วงเวลาเทศกาล เขายิ่งชมชอบเฝ้าเวรอยู่ที่สำนักแพทย์หลวง เพราะช่วงเทศกาลคนป่วยน้อย เหล่าผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นล้วนมีข้อห้ามช่วงเทศกาล ป่วยก็ชอบยื้อไว้หลังเทศกาล เรื่องที่ทั้งสบายทั้งแลดูรับผิดชอบต่อหน้าที่เช่นนี้เขาย่อมต้องทำแน่นอน
นอกจากนี้ให้นางฉลองปีใหม่มีความสุขไปก่อนเถอะ

ต้นเดือนหนึ่งวันที่หนึ่งยามฟ้าสว่างขมุกขมัว ผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว เฉินชี ฟางจิ่นซิ่ว มองส่งรถม้าของคุณหนูจวินออกจากโรงหมอจิ่วหลิง ตรงไปยังวังหลวง
“รถม้าจะจอดอยู่ที่ถนน คุณหนูท่านลงจากรถอย่าได้เดินส่งเดช”
“พวกผู้ชายไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ พวกผู้หญิงจะตรงไปยังวังหลัง”
“สถานที่ที่บรรดาท่านหญิงบรรดาศักดิ์ยืนอยู่ก็ไม่เหมือนกัน แบ่งเป็นท่านหญิงบรรดาศักดิ์ในกับท่านหญิงบรรดาศักดิ์นอกรวมถึงองค์หญิง คุณหนูท่านต้องอยู่ที่ตรงท่านหญิงบรรดาศักดิ์นอกที่นี่ อย่ายืนผิดตำแหน่ง”
บนรถม้านางกำนัลที่ถูกปล่อยออกจากวังซึ่งได้ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเชิญมายังคงกำชับส่งท้าย
คุณหนูจวินถูกขัดตอนเหม่อลอย มองนางแล้วยิ้ม
“กฎเยอะปานนี้เชียว” นางเอ่ย
“ใช่แล้ว กฏของการเข้าเฝ้ามากมายนัก” นางกำชับเอ่ยจริงจัง “คุณหนูไม่รู้ล่ะสิ”
คุณหนูจวินพยักหน้า ใช่แล้ว นางไม่รู้จริงๆ
ก่อนหน้านี้นางเป็นคนผู้นั้นที่ถูกเข้าเฝ้า บ้างก็ถูกพระมารดาจูงไว้ บ้างก็นั่งอยู่ข้างกายฮองเฉา ไหนเลยจะรู้ว่ารอคอยด้านนอกเป็นอย่างไร
……………………………………….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด