Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 193 ตกลง
นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดคำนี้คำพูดของเขาฟังดูพิลึกอยู่บ้างรักษาไหวอ๋องหาย เขาบอกเขาจะปกป้องชีวิตนาง รักษาไหวอ๋องหายดีนางต้องกังวลกับชีวิตงั้นหรือ? นางรักษาพระญาติราชวงศ์หายดี ไม่ใช่ชื่อเสียงลือลั่น ชื่อหมอเทวดายิ่งโด่งดังหรือ? ใยต้องการเขาปกป้องชีวิตนางแล้วรักษาไหวอ๋องไม่หาย เขาบอกจะปกป้องตระกูลฟาง รักษาไหวอ๋องไม่หายอาจถูกพาลโกรธ คนที่มีอันตรายคือนาง เขากลับไม่สนใจสักนิด บอกเพียงจะปกป้องตระกูลฟางกลับไม่สนใจความเป็นความตายของนางข้อแลกเปลี่ยนนี่ฟังไปแล้วทำให้คนไม่ชอบจริงๆคุณหนูจวินก็ไม่รู้สึกชอบ นางเพียงอยากร้องไห้อยู่บ้างเจ้ารู้ว่าไหวอ๋องเป็นผู้ใดไหม?ไหวอ๋องเป็นคนที่ไม่ควรอยู่ น่าจะตายไปเสียเร็วๆ ไม่ใช่มีชีวิตอยู่ขัดพระเนตรฮ่องเต้เขาตายไปทุกคนล้วนปรีดายิ่ง เขาไม่ตายไม่มีสักกี่คนดีใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮ่องเต้ยิ่งไม่มีทางดีใจทำให้ฮ่องเต้ไม่โสมนัส นางผู้ที่รักษาไหวอ๋องหายดีคนนี้ย่อมอันตรายอยู่บ้างส่วนรักษาไหวอ๋องไม่หาย นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดแล้ว ฮ่องเต้ต้องทรงโสมนัสยิ่งให้นางแบกรับผลลัพธ์ทุกสิ่งแน่นอน นอกจากนี้ยังพัวพันถึงผู้อื่นนางเข้าไปในวังไหวอ๋องย่อมออกมาไม่ได้แล้ว หากฮ่องเต้ต้องการให้นางตาย นั่นก็ตายแน่นอนแล้ว ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองความคิดไปช่วยนาง ที่สำคัญที่สุดคือปกป้องครอบครัวที่นางห่วงใยไว้เขากำลังปกป้องนาง หากนางไม่อยู่ก็ปกป้องคนที่นางห่วงใย บนโลกนี้มีข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้คนซาบซึ่งยิ่งกว่าสิ่งนี้อีกหรือ?นอกจากนี้ที่ทำให้นางยิ่งซาบซึ้งก็คือ เป้าหมายของข้อแลกเปลี่ยนนี้คือเพื่อไหวอ๋อง เพื่อให้นางทุ่มเทสุดกำลังไปช่วยรักษาไหวอ๋องช่วยรักษาน้องชายของนางเป็นน้องชายของนาง ไม่ใช่น้องชายของเขานอกจากนี้เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาสักนิด คนที่ทุกคนล้วนหลบเลี่ยงเขาถามนางเจ้ารู้ว่าไหวอ๋องเป็นผู้ใดไหม? นางก็อยากถามเขารู้หรือไม่ไหวอ๋องคือผู้ใดคุณหนูจวินมองเขา“เพราะอะไร?” นางเอ่ยถามเพราะอะไรนี่เข้าใจไปได้มากมาย แต่จูจั้นคิดก็ไม่คิด“ข้ายินดี เกี่ยวอะไรกับเจ้า” เขาเอ่ยเรียบง่ายเด็ดขาดเขายินดียินดีเขายินดีทำตามคำพูดล้อเล่นไปอย่างนั้นของเด็กน้อยให้เป็นจริง ยินดีให้ไหวอ๋องมีชีวิตนางคิดว่ามีนางเพียงคนเดียวมาตลอด คิดไม่ถึงว่านอกจากนาง นอกจากพี่สาว ยังมีคนคิดถึงพวกนางอีกคุณหนูจวินมองเขา ขยับปากไม่ได้เอ่ยวาจาอีกสีหน้าจูจั้นรำคาญอยู่บ้าง“เจ้าทำการค้าเป็นหรือไม่ ทำการค้ารู้ว่าตนเองจ่ายอะไรไป ได้อะไรมา ไม่ใช่ก็พอแล้วรึ ผู้อื่นเพราะอะไรสำคัญอะไร…” เขาเอ่ยใช่แล้ว ไม่มีอะไรสำคัญ เพียงเพราะเขายินดีคุณหนูจวินยื่นมือโถมเข้าไปกอดไว้จูจั้นกำลังพูด ฉับพลันก็ถูกเด็กสาวคนนี้กอดไว้ ร้องโวยวายขึ้นมา“เจ้าทำอะไร!” เขาตะโกนร่างกายออกแรงต้องการผลักเด็กสาวคนนี้ออก แต่เพิ่งออกแรงก็คิดถึงเรื่องที่ตนเองขอร้องขึ้นมา เขาจึงฝืนรั้งไว้ดื้อๆ ยื่นมือบีบหัวไหล่ของเด็กสาวคนนี้ดึงออกไปข้างนอก“ข้าว่าเจ้าอย่าได้เกินไปนักนะ…การค้าขายก็คือการค้าขาย…ข้าให้ราคาแล้ว…เจ้าตกลงก็ตกลง ไม่ตกลงก็ล้มโต๊ะ….อย่าได้คืบจะเอาศอก…” เขากัดฟันเอ่ย “ข้าไม่มีทางให้เจ้าเอาเปรียบเช่นนี้หรอก…”คุณหนูจวินได้ยินเข้าก็หัวเราะ แรกสุดเป็นเสียงหัวเราะในคอ ต่อมาเป็นหัวเราะลั่น พลางยื่นมือตบแผ่นหลังกว้างแข็งแกร่งของจูจั้นจูจั้นทั้งร่างเกร็งเครียด“อย่าแตะนั่นแตะนี่คลำมั่วซั่ว!” เขากัดฟันคำรามคุณหนูจวินยิ้ม ปล่อยเขาจูจั้นถอยออกไปหลายก้าวทันที สีหน้ารังเกียจระแวงเขาเพื่อให้ตนรับปากดังนั้นไม่ได้หนึ่งหมัดต่อยตนเองออก ก็นับว่าอดทนกับความอัปยศหนักหนาเช่นกันคุณหนูจวินมองเขาหัวเราะลั่นอีกครั้ง หัวเราะเข้า ก็มีน้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเป็นบ้าไปอีกแล้วจูจั้นยื่นมือชี้นาง ถอยหลังหลายก้าวอีกครั้ง หมุนตัวจะไป คุณหนูจวินหุบยิ้ม“ได้ ตกลง” นางเอ่ยจูจั้นหันกลับมามองนาง เด็กสาวยืนตัวตรง หุบรอยยิ้ม ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ไม่มองเขาอีก ก้มตัวบีบนวดหลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างหลิ่วเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วยิ่ง ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใดอยู่บ้าง ยื่นมือนวดหัวไหล่“คุณหนู ข้าหลับไปได้อย่างไรเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามไม่เข้าใจในตรอกไม่มีเงาร่างของจูจั้นแล้ว“ไม่มี อาจจะเหนื่อยเกินไป เจ้าถึงเป็นลม” คุณหนูจวินเอ่ยเสียงอ่อนโยน พยุงหลิ่วเอ๋อร์ขึ้นมา “พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”หลิ่วเอ๋อร์สีหน้ากังวล“ข้าเหนื่อยจนเป็นลมไปหรือ? ข้าไม่ได้ทำอะไรนะ จะเหนื่อยได้อย่างไร” นางเอ่ย “ข้าถ่วงธุระของคุณหนูแล้วใช่หรือไม่?”คุณหนูจวินยิ้มลูบศีรษะนาง“ไม่หรอก ธุระของข้าทำเสร็จแล้ว” นางเอ่ย “พวกเรากลับไปรอเถอะ”หลิ่วเอ๋อร์ตอนนี้ถึงพยักหน้าเดินออกจากตรอกไปกับคุณหนูจวิน เพิ่งเดินออกมา ก็มองเห็นหมอหลวงหลายคนท่าทางดุร้ายเดินมาบนถนนบรรดาหมอหลวงมองเห็นคุณหนูจวินนายบ่าว หยุดฝีเท้าไม่ได้หนีเรอะสองฝ่ายสบตาครู่หนึ่ง“เจ้ารักษาได้?” หมอหลวงที่นำหน้าเอ่ยถามเปิดเข้าประเด็น“ข้าทำได้” คุณหนูจวินก็เอ่ยตอบเด็ดขาดฉับไวหมอหลวงที่นำหน้ามองนาง“เจ้ายินดีรักษา?” เขาเอ่ยถามอีกครั้ง“ช่วยเพื่อนมนุษย์ช่วยผู้คน วิถีแพทย์ ข้าย่อมยินดี” คุณหนูจวินเอ่ยเวลานี้อ้างช่วยเพื่อนมนุษย์ช่วยผู้คนแล้ว เจ้าช่วยคนไม่ใช่เลือกเอาคัดเอาหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็ดี ครั้งนี้เจ้าเลือกเอง เจ้าอย่าเสียใจทีหลัง“คุณหนูจวิน ใต้เท้าของพวกเราจะทูลแก่ฝ่าบาท โปรดรอสักครู่” หมอหลวงที่นำหน้าประสานมือหันไปทางวังหลวงเอ่ย“ได้ ข้ารอ” คุณหนูจวินเอ่ยนางเชื่อว่าหมอหลวงเจียงต้องทุ่มสุดใจสุดกำลังทำได้แน่…“เจ้าพูดอะไร? หมอหญิงคนหนึ่ง? ยังเพิ่งมาเมืองหลวงด้วย?”ในวังหลวงฮ่องเต้ได้ยินคำกล่าวของหมอหลวงเจียง เลิกพระขนงตรัสขึ้น“เจียงโหย่วซู่ เจ้ากำลังล้อเล่นหรือ?”“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่กล้า” เจียงโหย่วซู่เอ่ย “ท่านหมอจวินคนนี้เป็นทายาทของชาวหรู่หนานนามจวินเฝิงชุน แล้วก็เป็นบุตรสาวของจวินอิ้งเหวินนายอำเภอแห่งฝู่หนิงคนก่อนด้วย”ฮ่องเต้ตะลึงเล็กน้อย นายอำเภอคนหนึ่งเขาย่อมจำไม่ได้ แต่ในเมื่อเป็นลูกหลานของขุนนาง ท่าทีก็ดีขึ้นอยู่บ้าง“ท่านปู่ของนางเป็นหมอชื่อดัง ก็ไม่แน่ว่านางจะเป็น” เขาเอ่ย “หมอไม่เหมือนกับอย่างอื่น ไม่อาจส่งเดชได้”“กระหม่อมไม่กล้า” เจียงโหย่วซู่เอ่ยอย่างจริงใจ “คุณหนูจวินคนนี้วิชาแพทย์สูงส่งจริงๆ ที่หรู่หนานที่หยางเฉิงที่เมืองหลวงล้วนชื่อดัง กระหม่อมอยู่ที่หยางเฉิงยังเคยแลกเปลี่ยนความรู้กับนางมาก่อน”แลกเปลี่ยนความรู้มาก่อนหรือ? ฮ่องเต้ติดจะประหลาดใจ“รักษาโรคได้จริงรึ?” เขาเอ่ยถามเจียงโหย่วซู่ยิ้มแล้ว“ฝ่าบาท ไหนเลยแค่รักษาโรคได้ วิชาแพทย์ของนางดียิ่งนัก” เขาเอย “กระหม่อมพบโรคที่รักษาไม่หาย นางรักษาหาย”ฮ่องเต้สีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง“กระหม่อมไม่เอ่ยโป้ปด นางไม่เพียงวิชาแพทย์สูงส่ง นอกจากนี้ยังถ่อมตนมีมารยาท จิตใจกว้างขวาง” เจียงโหย่วซู่เอ่ย สีหน้าเต็มไปด้วยความนับถือและปิติยินดี “ที่หรู่หนานเป็นหมอผู้เมตตาทำกุศลเป็นประจำ ไม่คิดค่ารักษาแจกยา หลังมาเมืองหลวง กับเพื่อนร่วมอาชีพ รู้ไม่มีไม่บอก บอกก็หามีหมกเม็ด กำจัดอคติเรื่องสำนักครูศิษย์ มุ่งเพียงรักษาโรคช่วยคน”ฮ่องเต้ขานอ้อทีหนึ่ง“ถึงกับชื่อเสียงโด่งดังเช่นนี้เชียวหรือ?” พระองค์ตรัส เคาะโต๊ะเหมือนมีความคิด “ได้ เจ้าออกไปก่อนเถอะ”เจียงโหย่วซู่ไม่ได้เอ่ยอีกขานรับคำหนึ่ง ถอยออกจากในตำหนักไป เห็นเพียงลู่อวิ๋นฉีเดินเข้ามาเจียงโหย่วซู่คำนับลู่อวิ๋นฉีลู่อวิ๋นฉีหยุดฝีเท้า“เจ้ารักษาไม่ได้จริงหรือ?” เขาเอ่ยถามเจียงโหย่วซู่ประหลาดใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงลู่อวิ๋นฉีจะพูดกับตนเองในสถานการณ์เช่นนี้เวลาเช่นนี้เห็นชัดว่าฮ่องเต้ต้องการให้เขาตรวจสอบความจริงลวงของเรื่องที่ตนเองกล่าวเมื่อครู่ เวลานี้เขาไม่ใช่ควรหลบเลี่ยงข้อสงสัยกับตนหรือ?ไม่เพียงไม่หลบเลี่ยงข้อสงสัย ตรงกันข้ามถามเขาเรื่องอาการป่วยนี่ไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้ หรือเขาอยากให้ฮ่องเต้สงสัย ปฏิเสธไม่ให้คุณหนูจวินคนนี้รักษาไหวอ๋องหรือ?ไม่น่านะ เขาไม่ใช่คิดจะจัดการกับโรงหมอจิ่วหลิงแห่งนี้ด้วยหรือ?หรือหวั่นเกรงตระกูลฟางแห่งเต๋อเซิ่งชางเบื้องหลังโรงหมอจิ่วหลิง?เจียงโหย่วซู่สีหน้าเปลี่ยนไปมาครู่หนึ่ง“ข้ารักษาไม่ได้จริงๆ” เขาเอ่ยลู่อวิ๋นฉีมองเขาทีหนึ่ง เจียงโหย่วซู่ร่างกายหนาวยะเยือก ไม่แปลกที่ใครๆ ล้วนกล่าวว่าลู่อวิ๋นฉีน่าขนลุกประดุจภูตผี เป็นอย่างที่ว่า…แต่เขาไม่มีสิ่งใดหลบซ่อน อาการป่วยนี้ของไหวอ๋องเขารักษาไม่หายจริงๆเจียงโหย่วซู่เหยียดหลังตรงอยากจะพูดอะไร ลู่อวิ๋นฉีก็เดินผ่านเขาเดินจากไปแล้วเจ้าคนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายยากจะจับทางคนนี้ เจียงโหย่วซู่ขมวดคิ้วเดินออกไป…ในตำหนักฮ่องเต้สีหน้าอบอุ่นมองลู่อวิ๋นฉี“วิชาแพทย์ของคุณหนูจวินคนนี้ยอดเยี่ยมจริงอย่างที่ว่าไหม?” พระองค์ตรัสถามลู่อวิ๋นฉีหลุบตา“คุณหนูจวินคนนี้เป็นหลานสาวของตระกูลฟางแห่งเต๋อเซิ่งชางที่หยางเฉิง” เขาไม่ได้ตอบคำถามของฮ่องเต้ แต่เอ่ยขึ้น “ราชโองการของอดีตฮ่องเต้ ตอนนี้ก็อยู่ในโรงหมอของนาง”ในตำหนักเงียบไปครู่หนึ่ง ฮ่องเต้บนพระที่นั่งสีหน้ายังคงอบอุ่นดุจเดิม แต่ขันทีที่ยืนอยู่สองข้างกลับรู้สึกกดดันอย่างประหลาด พวกเขาอดไม่ได้ก้มศีรษะให้ต่ำลงอีกราวกับผ่านไปเนิ่นนาน แต่ก็ราวกับเพียงพริบตาเดียว สุรเสียงของฮ่องเต้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ในเมื่อคุณหนูจวินแห่งหรู่หนานคนนี้ชื่อเสียงเลื่องลือเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้นางลองดูแล้วกัน”……………………………………….
คอมเม้นต์