Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 155 ความเชื่อมั่นก็คือถูกเชื่อถือ
ตอนที่รถม้าจอดหน้าโรงหมอจิ่วหลิง ฝนก็หยุดแล้วมองเห็นคุณหนูจวินลงจากรถม้า ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็รีบเข้ามารับ ตอนอยู่ไกลๆ เขาก็จำได้แล้วว่านี่เป็นรถม้าของจวนติ้วหยวนโหว ไม่ต้องพูดถึงเห็นใกล้ๆ แล้วหลังคนรถคำนับก็ขึ้นรถจากไปผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก้าวเข้ามาด้านในโถงเป็นเพื่อนคุณหนูจวิน พลางอดรนทนไม่ไหวเอ่ยถาม“เป็นอย่างไรขอรับ?” เขาเอ่ยถาม“อะไรเป็นอย่างไร?” คุณหนูจวินเอ่ยถาม “ผู้ดูแลใหญ่ หมอย่อมต้องรักษาความลับของคนไข้ ข้าไม่อาจบอกอาการป่วยกับท่านได้”ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วกระแอมทีหนึ่งเด็กน้อยคนนี้คิดอะไรกัน ใครจะสนว่าป่วยอะไร ที่เขาถามว่าเป็นอย่างไรย่อมถามว่ารักษาแล้วเป็นอย่างไร“ในเมื่อข้ายอมไปรักษาย่อมไม่มีปัญหาแล้ว” คุณหนูจวินเอ่ยราวกับว่าคำถามที่เขาถามประหลาดมากนักผู้ดูแลใหญ่หลิ่วกระแอมทีหนึ่งมองรถม้าที่ส่งนางกลับมารวมถึงท่าทีของคนรถ ก็จินตนาการออกว่าน่าจะราบรื่นยิ่งนัก“ถ้าอย่างนั้นจวนติ่งหยวนโหวเชิญท่านได้อย่างไร?” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยถามคุณหนูจวินเสตามองเขาทีหนึ่ง“คุณหนูของข้าร้ายกาจขนาดนี้ ไม่เชิญนางเชิญใคร?” หลิ่วเอ๋อร์แค่นเสียงเอ่ยขึ้น กลอกตาใส่ผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว “ท่านลุงท่านนี้ทำไมพูดจาไม่เป็นเช่นนี้เล่า?”ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วกระแอมอีกครั้งนี่เรียกพูดจาไม่เป็นรึ? เหมือนจะเกินไปหน่อยแต่นอกจากคำพูดเหล่านี้ก็ดูเหมือนไม่มีสิ่งอื่นที่พูดได้แล้ว เรื่องที่ต้องพูดนางก็ล้วนพูดไปแล้ว“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่ววางใจ ข้ารับรักษาแล้วไม่มีทางพลาด” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย “ข้าทราบว่าเมืองหลวงอยู่ไม่ง่าย จะไม่ประมาทเลินเล่อ”ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยิ้ม“ข้ารู้ ข้ารู้” เขาลูบเคราเอ่ยขึ้น “ที่จริงข้ากำลังดีใจกับท่าน คิดไม่ถึงว่าไม่เป็นภูเขาโผล่พ้นน้ำ ชื่อเสียงของท่านก็แพร่ไปถึงจวนติ้งหยวนโหวแล้ว”ที่ต้องการก็คือผลลัพธ์อย่างภูเขาไม่โผล่พ้นน้ำเช่นนี้คุณหนูจวินยิ้มไม่เอ่ยวาจา หลิ่วเอ๋อร์กลับไม่พอใจแล้ว“อะไรเรียกว่าภูเขาไม่โผล่พ้นน้ำ คุณหนูของข้าเป็นหมอเร่ที่เมืองหลวงเกือบหนึ่งเดือนแล้ว” นางเอ่ย “ทุกวันเดินถนนตรอกซอกซอย แค่ผลไม้เชื่อมที่แจกจ่ายไปก็มากนักแล้ว ชื่อเสียงแพร่สะพัด”ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วหัวเราะฮ่าฮ่า“ใช่ใช่” เขาเอ่ย ย่อมไม่โต้เถียงกับสาวใช้ที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างคนหนึ่ง ปรับสีหน้าอีกครั้ง “โรคนี้ท่านมั่นใจว่าไม่มีปัญหา?”คุณหนูจวินยิ้มพยักหน้า“ไม่มีปัญหา วันนี้ยาขนานเดียวก็แก้ได้แล้ว วันพรุ่งนี้มะรืนนี้ใช้อีกสามครั้งก็ไม่มีปัญหาแล้ว” นางว่าเร็วขนาดนี้?ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสีหน้าประหลาดใจจวนติ้งหยวนโหวนเมื่อตามหานางไปตรวจโรค เห็นได้ชัดว่าอาการป่วยของคนในบ้านหมดหนทางแล้ว ดังนั้นโรคร้ายหาหมอส่งเดชคนในจวนผู้มีบรรดาศักดิ์ชั้นโหว[1]เช่นนี้ล้วนเป็นเจียงโหย่วซู่หมอที่ดีที่สุดของสำนักแพทย์หลวงรับรักษาโรคที่เจียงโหย่วซู่ยังรักษาไม่หาย นางบอกว่าสามวันก็หายแล้ว?คำพูดนี้ตนเองพูดก็พูดได้ แต่อย่าได้บอกกับผู้อื่น“ท่านคงไม่ได้บอกกับพวกเขาเช่นนี้กระมัง?” เขาหยั่งเชิงเอ่ยถาม“บอกแล้วสิ” คุณหนูจวินว่า “ทำไมจะไม่บอก แบบนี้ดีกับคนป่วย นางฟังแล้วจะได้ดีใจ อาการป่วยก็หายดีเร็วขึ้นอีก”ข้ายังพูดอะไรได้อีก ท่านเชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้ ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วจิ๊ปากไม่พูดจา…“คุณหนูจวินมาแล้ว”บรรดาสาวใช้บนทางเดินมองเห็นเด็กสาวที่สะพายหีบยาเดินเข้ามาในเรือน ยิ้มแย้มแจ้งข้างใน พลางเลิกม่านขึ้นด้านในห้องเสียงหัวเราะของผู้หญิงทั้งหลายลอยออกมาเสียงหัวเราะเช่นนี้ เรือนในของจวนติ้งหยวนโหวไม่มีมาหลายวันแล้วด้านในห้องพวกผู้หญิงนั่งกันอยู่เต็ม ท่านหญิงผู้เฒ่าหลินนั่งเอนกายผ่อนคลายอยู่บนเตียงเตาริมหน้าต่าง เห็นคุณหนูจวินเดินเข้ามาก็นิ่งไม่ขยับแน่นอนย่อมไม่ขยับ ตอนนี้นางเป็นภรรยาของผู้มีบรรดาศักดิ์โหว นางเป็นเพียงหมอหญิงคนหนึ่งคุณหนูจวินก้าวเข้าไปคำนับ“คุณหนูจวินเร็วไม่ต้องเกรงใจ” ท่านหญิงผู้เฒ่าหลินยิ้มเอ่ยขึ้น ยื่นมือชี้ด้านในห้อง “ยาของท่านใช้ได้ดีจริงๆ ลูกสะใภ้คนนี้ของข้าดีขึ้นมาแล้ว”คุณหนูจวินคำนับเอ่ยขอบคุณ“ถ้าเช่นนั้นข้าไปป้อนยาให้ท่านหญิงก่อน” นางเอ่ยท่านหญิงผู้เฒ่าหลินยิ้มพยักหน้า มองคุณหนูจวินเดินเข้าไปด้านในห้องม่านของห้องด้านในถูกเลิกขึ้น ท่านหญิงหลินไม่ได้นอนอยู่เหมือนกับก่อนหน้านี้ แม้หน้าตายังคงซีดเซียว แต่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากแล้ว ยังให้คนหวีผม กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงสาวใช้หญิงรับใช้ด้านในห้องรีบหลีกทางเชิญคุณหนูจวินเข้ามาใกล้คุณหนูจวินมองพิจารณาท่านหญิงหลินยิ้มเล็กน้อย“ท่านหญิงสีหน้าดีขึ้นแล้ว” นางเอ่ยท่านหญิงหลินก็ยิ้มเช่นกัน“หลายวันนี้ เมื่อคืนวานข้าหลับสบายเป็นคืนแรก” นางว่า “คุณหนูจวินวิชาแพททย์สุดยอดจริงๆ”คำชม คุณหนูจวินยิ้มรับไม่เคยปฏิเสธเสมอนางเปิดหีบยาหยิบเข็มทองออกมา“ข้ามาฝังเข็มให้นายหญิงอีกสักหลายเข็ม” นางเอ่ยเสียงอ่อนโยนบรรดาสาวใช้ก้าวเข้าไปช่วยท่านหญิงหลินถอดอาภรณ์ ท่านหญิงหลินไม่เขินอายอึดอัดสักนิด หมุนตัวนอนคว่ำบนเตียง แม้กระทั่งม่านมุ้งก็ไม่ปลดลงให้นางลงเข็มเข็มทองเล่มยาวค่อยๆ ฝังเต็มแผ่นหลังของท่านหญิงหลินคุณหนูจวินลงเข็มไปพลาง ก้มหน้าเอ่ยถามความรู้สึกของท่านหญิงหลินไปพลาง ท่านหญิงหลินก็เอ่ยตอบไปทีละอย่างๆ“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้ารู้สึก…” ท่านหญิงหลินยังเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเอง อยากพูดแล้วก็หยุดคุณหนูจวินไม่รอนางเอ่ยจบ คุกเข่าข้างหนึ่งลงข้างเตียง เอนหูไปตรงหน้าท่านหญิงหลินท่านหญิงหลินกระซิบกระซาบกับนาง คุณหนูจวินพยักหน้าไปพลาง ไม่รู้ว่าพูดอะไร ท่านหญิงหลินพลันหัวเราะพรึดแล้ว“แม่นางน้อยเช่นเจ้าเข้าใจหรือไม่เล่า?” นางหัวเราะเอ่ยคุณหนูจวินมองนางสีหน้าไม่สะทกสะท้าน“ท่านหญิง ข้าไม่ใช่เพียงแม่นางน้อย ข้ายังเป็นหมอด้วยนะ หมอสิ่งใดล้วนต้องเข้าใจ” นางว่าท่านหญิงหลินเม้มปากยิ้มแล้ว เอนศีรษะไปหานางอีกครั้ง คุณหนูจวินสีหน้าตั้งใจฟัง พยักหน้าเป็นระยะท่านหญิงผู้เฒ่าหลินด้านนอกมองด้านนี้อยู่ตลอดคลายใจไปมาก“ยังไม่ต้องพูดถึงวิชาแพทย์ของคุณหนูจวินเป็นอย่างไร พวกเราผู้หญิงพบหมอ ยังไงผู้หญิงมาก็ดีที่สุด” นางเอ่ยกับคนข้างกาย “หากเป็นพวกหมอหลวงเหล่านั้นจะกล้าใช้เข็มเช่นนี้หรือ?”บรรดาผู้หญิงข้างกายล้วนหัวเราะแล้ว“ไม่ต้องพูดถึงใช้เข็มหรอก นอกจากจับชีพจร หมอหลวงยังไม่กล้ามองท่านหญิงเพิ่มสักทีสองที” ผู้หญิงคนหนึ่งหัวเราะเอ่ยขึ้น“ใช่แล้ว หมอดูฟังถามจับ ขาดสิ่งใดไม่ได้” นายหญิงผู้เฒ่าหลินเอ่ย “ไม่อย่างนั้นตรวจอาการให้ยาย่อมเบี่ยงแบน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเราผู้หญิงมีอาการเจ็บป่วยในที่ลับบางแห่ง ไม่ต้องพูดถึงบอกแก่บรรดาหมอหลวงเลย แม้กระทั่งพวกหญิงรับใช้ก็ไม่ยินดีพูดมาก ถามมาถามไปส่งต่อมาส่งต่อไป จะรู้อะไรได้เล่า”นางพูดชี้ด้านในห้อง“ดูสิแบบนี้ ทั้งสะดวก ทั้งชัดเจน”ผู้หญิงทั้งหลายล้วนถอนหายใจเสียงคุยเล่นด้านนอกลอยเข้ามาบ้างแผ่วเบา คุณหนูจวินไม่ได้สนใจมากนัก หลังใช้เข็มผ่านไป หลิ่วเอ๋อร์ก็ต้มยาเสร็จมีบรรดาสาวใช้ก้าวเข้ามาประคองท่านหญิงหลินทานยาท่านหญิงผู้เฒ่าหลินด้านนอกก็เข้ามาด้วย ถามคุณหนูจวินเรื่องคุยเล่นจำพวกเรียนวิชาแพทย์ตั้งแต่อายุเท่าไรกำลังพูดจาอยู่ก็มีหญิงรับใช้เข้ามา“ท่านหญิงผู้เฒ่า บ้านหัวหน้ากองพันลู่มาเชิญแม่ครัวฟาง” นางเอ่ยเสียงหัวเราะพูดคุยในห้องชะงักไป ส่วนคุณหนูจวินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก้มหน้าลง“น่าจะให้คนมาเชิญเพื่อองค์หญิงจิ่วหลี” ท่านหญิงผู้เฒ่าหลินยิ้มเอ่ย “ก่อนหน้านี้องค์หญิงจิ่วหลีชอบทานขนมถั่วแดงที่น้าฟางของพวกเราทำมาก”“ใช่แล้ว ไม่ได้ทานหลายปีแล้ว” ท่านหญิงหลินเอ่ยขึ้นในห้องเงียบงันไปครู่หนึ่งอีกครั้งองค์หญิงจิ่วหลีสามพี่น้องหลบเร้นอยู่ในวังไหวอ๋อง ไม่ติดต่อกับโลกภายนอก พวกเขาย่อมไม่อาจไปส่งของกินอะไรได้“องค์หญิงจิ่วหลีไม่ใช่คนที่จะขอขนมของกินจากคนอื่นเสียหน่อย” ท่านหญิงผู้เฒ่าหลินยิ้มเอ่ย “ต้องเป็นหัวหน้ากองพันลู่รู้ว่านางชอบสิ่งนี้แน่”บรรดาผู้หญิงในห้องล้วนหัวเราะตาม“เป็นคนใส่ใจเหมือนกันนะพวกนางเอ่ย“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผู้หญิงน่ะ ได้ใช้ชีวิตสุขสบาย มีคนรู้ร้อนรู้หนาวคนหนึ่ง ชีวิตนี้ก็ดีมากแล้ว” ท่านหญิงผู้เฒ่าหลินถอนหายใจเอ่ยขึ้น “อย่างอื่น ล้วนเป็นสิ่งลวง”บรรดาหญิงในห้องล้วนรับคำ คุณหนูจวินก้มหน้ามองหีบยาของตนเองเงียบงันไร้วาจา……………………………………….[1]โหว (侯) บรรดาศักดิ์ขั้นที่สองจากบรรดาศักดิ์ห้าขั้นของขุนนางในสมัยโบรารของจีน
คอมเม้นต์