Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 134 เดินถนนลัดเลาะตรอกซอยเป็นหมอเร่
“จดหมายจากหยางเฉิงมาแล้ว”เช้าตรู่ได้ยินพนักงานร้องแจ้ง คิ้วที่ไม่คลายออกมาหลายวันของผู้ดูแลใหญ่เต๋อเซิ่งชางสาขาเมืองหลวงในที่สุดก็คลายออกแล้ว ยังประหลาดใจอยู่บ้าง“เร็วขนาดนี้?”จดหมายที่บรรยายการบริหารโรงหมอจิ่วหลิงของคุณหนูจวินเพิ่งส่งออกไปเมื่อวานเองนะ“จดหมายที่เพิ่งส่งออกไปคงยังไม่ทันได้รับ นี่คงเป็นจดหมายตอบจดหมายฉบับนั้นที่เล่าว่าคุณหนูจวินต้องการเปิดโรงหมอจิ่วหลิวรวมถึงตอนเปิดกิจการ” ผู้ดูแลใหญ่รับจดหมายมาแล้วเอ่ยขึ้น ตรวจสอบรอยประทับบนครั่งด้านบนรวมถึงตราประทับ“แต่ก็ดี กำลังรออยู่เลย” ผู้ดูแลใหญ่เอ่ย ม้วนแขนเสื้อขึ้นเวลานี้เป็นเวลาทานอาหาร ทว่าอยู่ตรงหน้าอาหารเต็มโต๊ะเขากลับไม่ม้วนแขนเสื้อ ตอนนี้ถึงม้วนแขนเสื้อพลางให้พนักงานยกอาหารที่ไม่แตะแม้สักนิดซึ่งวางอยู่ตรงหน้าออกไป“ทำให้คนปวดหัวแย่จริงๆ เปิดโรงหมอ วันๆ ไม่ออกตรวจ ไม่ไปเที่ยวเล่นก็นอนหลับอุตุอยู่ในบ้าน” เขาถอนหายใจบอกกับบรรดาผู้ดูแลที่นั่งอยู่ด้านข้าง“ใช่แล้ว นายน้อยป่วยมานานขนาดนี้ เพิ่งหายดีก็รับช่วงกิจการของตระกูล วันวันไม่ได้ว่าง เรื่องแล้วเรื่องเล่าวุ่นวายใจ” ผู้ดูแลคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “แม้กระทั่งบรรดาคุณหนูในตระกูลก็ยังคงทำงานกิจการอยู่ ไม่ได้นั่งรอใช้เงินทองคนอื่นกินดื่มเที่ยวเล่น”“คำพูดไม่อาจกล่าวเช่นนี้ได้ ประการแรกคุณหนูจวินอย่างไรก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นญาติ อีกอย่างนางมีบุญคุณใหญ่หลวงกับตระกูลฟาง” ผู้ดูแลใหญ่โบกมือเอ่ยขึ้น “นอกจากนี้ก็ไม่ใช่จะสนใจว่านางใช้เงินเท่าไร เพียงแต่พวกเราคนทำกิจการ ไม่ว่าเงินมากน้อย เงินก็ต้องใช้ในที่ซึ่งเกิดประโยชน์ สิ้นเปลืองอย่างไรก็ไม่ถูก”บรรดาผู้ดูแลพยักหน้า มองผู้ดูแลใหญ่แกะจดหมาย“นางเด็กสาวคนหนึ่งทำกิจการไม่เป็น ชาติกำเนิดเป็นคุณหนูตระกูลขุนนางยิ่งสูงส่ง พวกเราไม่สะดวกตัดสินใจแทนนาง ตอนนี้ดีแล้ว ตระกูลส่งคำสั่งมา พวกเราก็ทำตามคำสั่งของตระกูลเถอะ” ผู้ดูแลใหญ่พูดพลางอ่านจดหมายพลาง รอยยิ้มบนหน้าพลันหายไป คิ้วที่คลายออกขมวดจนเป็นปมทันที“เป็นอะไร?” บรรดาผู้ดูแลรีบเอ่ยถามผู้ดูแลใหญ่วางจดหมายลงบนโต๊ะถอนหายใจ“นายน้อยสั่งว่าทุกสิ่งให้จัดการตามคำสั่งคุณหนูจวิน ไม่มีคำสั่งของนางไม่ให้ผลีผลามกระทำ” เขาเอ่ยบรรดาผู้ดูแลหันหน้ามองกัน“นี่เรียกว่าจัดการอย่างไร?”“ผู้ดูแลใหญ่ ตอนที่นายน้อยเขียนจดหมายฉบับนี้ยังไม่เห็นข่าวที่ท่านส่งออกไปหรือไม่ เขาไม่รู้ว่าคุณหนูจวินไม่ได้จัดการ”ทุกคนพากันเอ่ยขึ้นอีกครั้งผู้ดูแลใหญ่โบกมือ“ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้ว” เขาเอ่ย นายน้อยพูดเช่นนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ตอนแรกคุณหนูจวินเพิ่งบอกว่าจะเปิดโรงหมอ นายน้อยก็ส่งป้ายโรงหมอมาแล้ว เห็นอยู่ว่าในใจเขารู้ชัดเจนยิ่งนักว่าคุณหนูจะทำอะไร สิ่งใดล้วนคาดคิดไว้แล้ว สิ่งใดล้วนคิดไว้แล้วก็ยังกล่าวเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นก็คือต้องการให้พวกเราทำเช่นนี้จริงๆ แล้วบรรดาผู้ดูแลพยักหน้า“ข้าคิดว่าไม่ต้องกังวลหรอก คุณหนูจวินวางแผนต่อเนื่องแก้วิกฤตของตระกูลฟางเช่นนั้นได้ ทำการใดย่อมมีแผนการอยู่ในใจแล้วแน่นอน” ผู้ดูแลคนหนึ่งหัวเราะเอ่ยขึ้นคำพูดนี้เอ่ยออกมาสีหน้าคนที่นั่งอยู่ล้วนพิกลไปบ้างคุณหนูจวินหญิงไม่ธรรมดาที่ช่วยแก้วิกฤตของตระกูลฟาง ไม่ใช่ละครเล่ารึ?เรื่องในละครเล่าจริงๆ หลอกๆ ก็เชื่อได้ด้วยรึ?“วันนี้โรงหมอจิ่วหลิงเปิดไหม” ผู้ดูแลใหญ่เอ่ยถามพนักงานที่ยืนรอรับใช้อยู่พนักงานพยักหน้าทั้งส่ายศีรษะ“เปิดขอรับ” เขาเอ่ย “แต่คุณหนูจวินไม่ได้นั่งออกตรวจ”ผู้ดูแลถอนหายใจ“ครั้งนี้อะไร? ออกไปเที่ยวหรือหลับอยู่ในห้อง? ” เขาเอ่ยถาม“เช้าตรู่ก็ออกไปเที่ยวแล้วขอรับ” พนักงานเอ่ยตอบ…ในตรอกที่ห่างไกลถนนใหญ่ยามเช้าตรู่ เสียงกระดิ่งใสกังวานดังขึ้น เรียกเด็กน้อยทั้งหลายที่เล่นอยู่ในตรอกให้มองมา เห็นเด็กสาวสองคนเดินเชื่องช้าเข้ามา เด็กสาวคนหนึ่งแบกธงผืนหนึ่งไว้ ด้านบนเขียนอักษรทรงพลังพลิ้วไหว เด็กน้อยทั้งหลายล้วนอ่านไม่ออก สายตาจับอยู่บนร่างของเด็กสาวด้านหลังเด็กสาวคนนี้หัวไหล่สะพายหีบใบน้อยใบหนึ่งไว้ ในมือสั่นกระดิ่งใบหนึ่ง เสียงกระดิ่งใสกังวานก็ออกมาจากตรงนี้เด็กน้อยทั้งหลายมองเห็นธงแล้ว มองเห็นหีบแล้ว พลันฮือล้อมเข้ามา“ขายขนมหรือ?” พวกเขาแย่งกันตะโกน“ไม่ได้ขายขนม ขายยา” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยขึ้น “พวกเจ้าจะซื้อยาไหม?”กินยาสำหรับเด็กน้อยทั้งหลายแล้วเป็นเรื่องน่ากลัวนัก วิ่งกระเจิงไปทันทีคุณหนูจวินหัวเราะอยู่ข้างหลัง เก็บกระดิ่งในมือไป“มีขนม มีขนม” นางว่า มือหนึ่งเปิดกล่องยาออกเด็กทั้งหลายมองนางอย่างระแวงไม่ได้เดินเข้ามา จนกระทั่งมองเห็นคุณหนูจวินคว้าผลไม้เชื่อมห่อกระดาษลายกำหนึ่งออกมาจากในหีบจริงๆ ทุกคนถึงดีใจรุมเข้ามาคุณหนูจวินส่งขนมให้กับพวกเขา“อย่าสนแต่กินขนม ไปถามซิในบ้านพวกเจ้ามีคนป่วยต้องการหาหมอหรือไม่” หลิ่วเอ๋อร์พูดอยู่ด้านข้างสิ้นเสียงของนางก็มีผู้หญิงคนหนึ่งได้ยินเสียงเดินออกมา ได้ยินประโยคนี้ก็มองคุณหนูจวินที่กำลังส่งของอะไรไม่รู้ให้เด็กๆ ร้องตกใจทันที“พวกเจ้าทำอะไรน่ะ?” นางเอ่ยขึ้น กวักมือเรียกเด็กน้อย “เอ้อเป่ารีบกลับมาเร็ว ระวังถูกขอทานจับไป”ขนมแบ่งถึงมือแล้ว บวกกับหวาดกลัวขอทาน เด็กทั้งหลายจึงวิ่งฮือกลับมา“ท่านแม่ มีขนม” เด็กน้อยคนหนึ่งยกผลไม้เชื่อมที่แจกมาเมื่อครู่ขึ้นเอ่ยบอกผู้หญิงมองกระดายลายที่แกะออกแล้วทีหนึ่ง เผยก้อนอะไรไม่รู้ก้อนหนึ่งเคลือบน้ำตาลแวววาว ดูไปแล้วล่อตาล่อใจคนยิ่งนัก ดมขึ้นมาเปรี้ยวนิดๆ แล้วยังมีกลิ่นยาอยู่นิดหน่อย“อั้ยย่ะ นี่อะไรหึ” นางรีบยกมือตีผลไม้เชื่อมตกลงพื้นกลิ้งกับฝุ่นดินจนเป็นก้อนเด็กน้อยร้องโวยวายขึ้นมาทันทีหลิ่วเอ๋อร์ก็ถลึงตาเหมือนกัน“เฮ้ เจ้าทำอะไร! นี่เป็นถึงผลไม้เชื่อมที่โรงหมอจิ่วหลิงของพวกเราทำขึ้นเป็นพิเศษ แพงมากนะ” นางร้องผู้หญิงทำหน้ารังเกียจ“โรงหมอจิ่วหลิงอะไรกัน” นางเอ่ย ดึงเด็กน้อยไปไว้ด้านหลังร่างอย่างระแวง “พวกต้มตุ๋นที่ไหนมา”หลิ่วเอ๋อร์ยังคิดพูดอะไร คุณหนูจวินก็ดึงนางไว้ ตนเองก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง“พี่สาว ข้าไม่ใช่พวกต้มตุ๋น ข้าเป็นหมอเร่” นางเอ่ยเสียงอ่อนโยน ไกวกระดิ่งในมือตน แล้วชี้ธงที่หลิ่วเอ๋อร์อุ้มอยู่ “ท่านดู”ผู้หญิงมองตามที่นางชี้“ข้าอ่านไม่ออก” นางว่า ไม่มองธงผืนนั้น เพียงประเมินคุณหนูจวินทีหนึ่ง เบ้ปาก “แม่นางน้อยคนหนึ่งสะอาดสะอ้าน เรียนอะไรไม่เรียน เลียนแบบคนอื่นมาเป็นนักต้มตุ๋น”พูดจบก็โอบเด็กๆ เดินเข้าไปในบ้าน พลางถลึงตาใส่เด็กคนอื่น“อย่าพูดจากับคนแปลกๆ สิ แล้วก็อย่าไปอยากได้ของของคนอื่น ระวังใส่หนอนเข้าไปในท้องพวกเจ้า กัดพวกเจ้าตาย”ในท้องถูกหนอนไชน่ากลัวนัก บรรดาเด็กน้อยโยนผลไม้เชื่อมในมือทิ้งบนพื้นวิ่งแตกกระเจิงกลับบ้านไปแล้วหลิ่วเอ๋อร์มองผลไม้เชื่อมที่ถูกโยนทิ้งไว้ โกรธกระทืบเท้า“คนพวกนี้เกินไปแล้ว” นางตะโกนคุณหนูจวินสีหน้ายังคงเดิม ปิดหีบเรียบร้อย“นี่มีอะไรเกินไป” นางว่า “ก็สมควร ไม่แปลก ค่อยค่อยก็ได้”นางเอ่ยจบก็เดินไปข้างหน้าต่อ กระดิ่งใบน้อยในมือเขย่าอีกครั้ง หลิ่วเอ๋อร์ติดตามไป…ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยืนอยู่บนถนน มองเด็กสาวที่เดินอยู่ด้านหน้า เสียงกระดิ่งใสกังวานติดตามการเดินของนางไปตลอดถนน“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว ท่านดู เป็นหมอเร่จริงๆ แล้ว” พนักงานคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงเบา “หลายวันแล้ว เดือนมั่วทั่วเมือง แจกขนมให้เด็กไปทุกที่ ผู้ใหญ่หลายคนตามหาแล้ว”“พูดเช่นนี้ พวกเขาล้วนรู้จักโรงหมอจิ่วหลิงแล้ว?” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยขึ้นพนักงานตัวน้อยเบะมุมปาก“ขอรับ คุณหนูจวินบอกกับผู้คนว่านางเป็นคนของโรงหมอจิ่วหลิง ดังนั้นคนเหล่านั้นเลยตามหา” เขาเอ่ย ก้มหน้าไป “บอกว่าโรงหมอจิ่วหลิงก่อกวนประชาชนเช่นนี้ พวกเขาจะปล่อยสุนัขแล้ว”ปล่อยสุนัข…ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วหางคิ้วกระตุก“ก็นับว่ามีชื่อแล้วล่ะนะ” เขาเอ่ยกับตนเอง……………………………………….
คอมเม้นต์