Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 120 สามกรมประชุมสอบสวนจริงจัง
ในเมื่อเป็นคดีที่ฮ่องเต้รับสั่งด้วยพระองค์เอง ขุนนางใหญ่หลายคนถูกเรียกมาเป็นพิเศษ ดังนั้นใครก็ไม่กล้าเฉยเมยคุมตัวจูจั้นมาที่ศาลต้าหลี่ทันทีมองเห็นคนขององครักษ์เสื้อแพร คนของกรมกลาโหมที่ยืนอยู่ด้านในจวน ผู้คนของศาลต้าหลี่สีหน้ายุ่งเหยิง“นี่ถึงกับต้องให้สามกรมประชุมกันสอบ บุตรชายของเฉิงกั๋วกงก่อคดีใหญ่เข้าแล้วจริงๆ” มีคนหัวเราะเอ่ยเสียงเบา “ดูท่าครั้งนี้ฝ่าบาทคงพิโรธจริงๆ แล้ว”คำพูดนี้ชักนำเสียงแค่นหัวเราะของคนผู้หนึ่งด้านข้างมา“ถ้าพระหมื่นปีพิโรธจริงๆ ไหนเลยจะให้สามกรมประชุมสอบเขาอีก”คนไม่กี่คนหันหน้ามามอง เห็นเป็นขุนนางเฒ่าคนหนึ่ง“ธรรมดาแล้วสามกรมประชุมสอบสวน นั่นย่อมเป็นคดีใหญ่มาก แต่ก็ด้วยสามกรมประชุมสอบสวนกลุ่มอำนาจที่เกี่ยวข้องมากเกินไป ท้ายที่สุดไม่ลมตะวันออกกดลมตะวันตก ก็เป็นลมตะวันตกกดลมตะวันออก” ขุนนางเฒ่าเอ่ยต่อ บุ้ยปากไปทางด้านในโถง “ครั้งนี้ฝ่าบาทคงจะเห็นแก่หน้ากรมกลาโหมแล้ว”“ถ้าอย่างนั้นพูดเช่นนี้ จะให้องครักษ์เสื้อแพรเสียหน้าหรือ?” ก็มีคนเอ่ยถามขุนนางเฒ่าส่งเสียงชิชะ“องครักษ์เสื้อแพรต้องมีหน้าตาอะไรเล่า องครักษ์เสื้อแพรไม่ต้องการหน้าตาเสียหน่อย” เขาหัวเราะเอ่ยเสียงเบาคนไม่กี่คนจึงอดไม่ได้หัวเราะขึ้นมาคำพูดแม้กล่าวเช่นนี้ แต่องครักษ์เสื้อแพรครั้งนี้ต้องอดกลั้นความโกรธแล้ว ก่อนหน้านี้รับคำสั่งไปจับตัวคน ไปถึงที่ใดไม่มีไม่เหมือนหมาป่าเหมือนเสือผู้คนหวาดกลัว ครั้งนี้ไปถึงแดนเหนือพวกเขาเป็นฝ่ายเกรงใจลดตัวลงก่อน ผลปรากฏว่าคนกลับหนีไปกลางทางวางอุบายใส่พวกเขาตลอดทางไม่ได้สงบ วันนี้จูจั้นยังมาถึงเมืองหลวง ก่อเรื่องจนทุกคนล้วนรู้ว่าผู้อื่นเป็นฝ่ายมามอบตัวเอง ไม่เช่นนั้นพวกเขาองครักษ์เสื้อแพรก็ทำอะไรเขาไม่ได้สักนิดต่อให้พูดว่าเรื่องที่องครักษ์เสื้อแพรทำเป็นเรื่องหน้าไม่อายเสียมาก อย่างเช่นขู่กรรโชกลักพาตัวทรมานให้สารภาพเอย อ้างว่าทำคดีหลอกเอาทรัพย์สินเอย แต่นั่นเป็นพวกเขาเป็นฝ่ายหน้าไม่อาย ย่อมไม่เหมือนผู้อื่นทำลายหนังหน้าพวกเขาดังนั้นด้านในโถง สายตาขององครักษ์เสื้อแพรเหล่านั้นจึงจ้องจูจั้นอย่างชิงชัง“แผนที่เดินทางเยือนในเมืองหลวงนี่สรุปแล้วเป็นเจ้าทำใช่หรือไม่?” คนหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “เจ้าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ”“พยานบุคคลพยานวัตถุพวกเราล้วนมีแล้ว” อีกคนหนึ่งเอ่ยเย็นชา “ท่านชายสอบถามได้”จูจั้นร้องอ๋อทีหนึ่ง“ข้าทำเอง” เขาพยักหน้าตรงๆเขายอมรับทันที บรรดาองครักษ์เสื้อแพรไม่ได้ยินดีมากเท่าไร“ถ้าเช่นนั้นท่านรู้ว่านี่ท่านทำความผิดอะไรไหม?” พวกเขาตวาดเอ่ยจูจั้นส่ายศีรษะซื่อๆ“ไม่รู้” เขาตอบตรงไปตรงมา“จูจั้น” องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งเอ่ยอย่างเย็นชา “ท่านใช้อำนาจกระทำการส่วนตน ใช้อำนาจทางทหารหาผลประโยชน์ สั่งการให้นายศาลาขายแผนที่เมืองหลวง ท่านใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบกอบทรัพย์เข้ากระเป๋าทำลายชาติทำร้ายประชาชน”จูจั้นร้องฮะเบิกตาโต“อย่าพูดมั่วซั่วนะ ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบอย่างไร? แผนที่นี้เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ พวกนายศาลาขายก็ยังได้เงินนิดๆ หน่อยๆ ไว้บำรุงศาลาพักม้า นี่จะเป็นการกอบทรัพย์เข้ากระเป๋าตนได้อย่างไร? ข้าไม่ได้ทำสักหน่อย ไม่เชื่อพวกเจ้าถามกรมกลาโหม ศาลาพักม้าด้านนั้นประหยัดเงินไปมากใช่หรือไม่?” เขาเอ่ยขึ้นไม่ว่าองครักษ์เสื้อแพรอยากถามกรมกลาโหมหรือไม่ คนของกรมกลาโหมก็ก้าวออกมายืนแล้ว“ไม่ผิด บรรเทาค่าใช้จ่ายที่รัดตัวของกรมกลาโหมไปได้อย่างแท้จริง ศาลาพักม้าด้านนี้ประหยัดเงินไปมา นอกจากนี้สภาพก็บูรณะดีขึ้นด้วย ที่ชัดเจนที่สุดคือม้าเดินทางที่เลี้ยงไว้ดีขึ้นมาก” แม่ทัพคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แล้วโบกมือไปด้านข้าง “หยิบสมุดบัญชีมา”ขุนนางพลเรือนคนหนึ่งถือสมุดบัญชีเดินออกมาทันที“ปีที่แล้วเดือนสิบ ศาลาพักม้าเสียหายไม่ได้ซ่อมแซมสิบสี่แห่ง…” เขาเริ่มอ่านเสียงอ่อนเสียงเบา“หยุด หยุด” บรรดาองครักษ์เสื้อแพรตวาดขึ้น “ใครอยากฟังเจ้าอ่านสมุดบัญชี สมุดบัญชีของพวกเจ้า พวกเจ้าพูดอย่างไรก็ได้”แม่ทัพกรมกลาโหมคนนั้นถลึงตาทันที“เฮ้ย พวกเจ้าคำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?” เขาเอ่ย “เจ้าจะบอกว่าพวกเรากรมกลาโหมปลอมบัญชีรึ? เจ้าอยากตรวจไหม? เจ้าอยากตรวจสอบบัญชีของพวกเราไหม?”นี่มันจงใจหาเรื่องแล้ว!พวกองครักษ์เสื้อแพรเพลิงโทสะลุกขึ้นทันทีเช่นกัน“ตรววจสอบบัญชีของเจ้ามีอะไรยากเล่า?” คนหนึ่งคิ้วตั้งเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าอยากถูกตรวจสอบไหมเล่า?”ทันใดนั้นสถานการณ์ก็ตึงเครียดขึ้นมา ผู้คนของกรมกลาโหมลุกพรึบไปข้างหน้า ผู้คนขององครักษ์เสื้อแพรก็ไม่แสดงท่าทีอ่อนข้อเช่นกัน“นี่ทำอะไรกัน นี่ทำอะไรกัน” เสียงของจูจั้นดังขึ้นข้างหลัง “ไม่ใช่กำลังถกคดีของข้าอยู่รึ? พวกเจ้าลากไปไหนแล้ว?”เขาพูดพลางมองผู้ดำเนินคดีหลักสามฝ่ายที่นั่งอยู่บนแท่น“ใต้เท้าทั้งหลายก็ไม่คุมสักหน่อย”ข้าคุมได้ไหมเล่า? ตุลาการศาลต้าหลี่กึ่งปรือตาราวกับรูปปั้นดินใต้เท้ารองเจ้ากรมกลาโหมที่มาสอบสวนคดีแทนเจ้ากรมสีหน้าหนักใจ ลู่อวิ๋นฉีอีกด้านหนึ่งสีหน้าราบเรียบ เขายกมือขึ้นเคาะผิวโต๊ะบรรดาองครักษ์เสื้อแพรถอยหลังทันทีผู้คนของกรมกลาโหมก็ถอยออกมาเช่นกันคนของศาลต้าหลี่สีหน้าไม่น่าดู มีเพียงจูจั้นยิ้มตาหยีอยู่“ต่อ ต่อ” ตุลาการศาลต้าหลี่ตบไม้ปลุกสติ “แผนเมืองหลวงนี่ขอแค่มีเงินก็ซื้อได้ แพร่ไปถึงในเขตชาวจินแล้ว นี่อันตรายมากอย่างแท้จริง ท่านชาย ตัวท่านเป็นแม่ทัพทหารผู้ปกบ้านป้องเมือง นี่หมายความว่าอย่างไรหรือท่านไม่รู้?”รอยยิ้มบนหน้าจูจั้นพลันสลายไป ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งหากเขาไม่ยิ้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาสีหน้าเคร่งขรึม ดูแล้วเปี่ยมไปด้วยความดุร้ายไปบ้างตุลาการศาลต้าหลี่ไม่ใช่ไม่เคยเห็นคนดุร้ายเหี้ยมโหดมาก่อนก็ยังอดไม่ได้ผงะไปข้างหลังเล็กน้อยบรรยากาศเข่นฆ่าของคนที่เคยเข้าสนามรบสังหารคนกับคนพวกที่ทวงแค้นชิงปล้นธรรมดาแตกต่างกันจริงๆ ความดุร้ายเช่นนั้นไม่ใช่ระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง“ใต้เท้า ก็เพราะว่าข้าเป็นแม่ทัพคนหนึ่ง ข้าย่อมรู้ว่าสิ่งใดทำได้สิ่งใดทำไม่ได้” จูจั้นเอ่ยปากพูด “แผนที่นี้ชี้บอกสถานที่กินดื่มเที่ยวเล่นไว้ ไม่เกี่ยวข้องสักนิดกับการป้องกันเมือง ไม่เกี่ยวข้องสักนิดกับสถานที่ตั้งที่ทำการราชการวังหลวง สถานที่ใดที่กล่าวถึงล้วนชี้บอกด้วยคำว่าหน้าหลังซ้ายขวา ไม่ได้มีระยะแม่นยำ ไม่นับว่าเป็นแผนผังได้สักนิด สำหรับแม่ทัพคนหนึ่งคนใดแล้ว แผนที่แผ่นนี้ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง”ตุลาการศาลต้าหลี่ขมวดคิ้ว“แต่สิ่งนี้อย่างไรก็เป็นแผนที่เมืองหลวง ชาวจินได้ไป…” เขาเอ่ยมุมปากจูจั้นโค้งขึ้นยกยิ้มขัดคำพูดของเขา“ใช่แล้ว นี่เป็นแผนที่ซึ่งแสดงความรุ่งเรืองของเมืองหลวงแผ่นหนึ่ง ชาวจินเห็นเข้าต้องน้ำลายไหลสามฉื่อแน่นอน” เขาว่า “พวกเขาจะคิดทั้งวันทั้งคืน คิดถึงความรุ่งเรืองของเมืองหลวงเรา คิดภาพอันงดงามของเมืองหลวงของพวกเรา พวกเขาจะคิดจนแทบบ้า”“ดังนั้นนี่ไม่ใช่ยกเนื้ออ้วนวางอวดสุนัขล่าเนื้อ เชิญให้มันมากินรึ?” องครักษ์เสื้อแพรหัวเราะหยันเอ่ยขึ้นสายตาของจูจั้นทอดมองไปทางเขา“พวกเดียวกันความคิดคล้ายกันจริงๆ มองเห็นสิ่งดีๆ ความคิดแรกของพวกเจ้าก็คือไปกินไปแย่ง” เขาว่าเจ้าคนด่าคนไร้คำหยาบคนนี้!บรรดาองครักษ์เสื้อแพรโกรธจัด เสียงฟึบดังขึ้นชักดาบปักวสันต์ออกมาส่วนอีกด้านหนึ่งคนของกรมกลาโหมก็ชักอาวุธฟึบออกมาเหมือนกัน“ทำอะไร ทำอะไร? จะลงทัณฑ์ตามอำเภอใจรึ?”“นี่ไม่ใช่ห้องสอบคดีของกรมสืบสวนฝ่ายเหนือของพวกเจ้า”นี่ก็ไม่เหมือนห้องสอบสวนคดีของตุลาการศาลต้าหลี่ของข้า!ตุลาการศาลต้าหลี่มองสองฝ่ายที่อยู่ในห้องพริบตาดาบหอกประจันหน้าแทบจะสู้กันขึ้นมา ในใจถอนหายใจ“เงียบ เงียบ!” เขาตบไม้ปลุกสติหนักหน่วงติดจะโกรธเกรี้ยว“ถอยไป ถอยไป ฟังใต้เท้าสอบสวนคดีความ” รองเจ้ากรมกลาโหมก็เอ่ยปากตามเช่นกันลู่อวิ๋นฉีเคาะโต๊ะเช่นเดิมสองฝ่ายเดือดดาลถอยไปอีกครั้ง“ใช่ไหมล่ะ สอบสวนคดีก่อน อย่าดึงออกนอกเรื่อง” จูจั้นที่ยืนอยู่ด้านหลังยิ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งทุกครั้งล้วนเป็นเจ้าดึงออกนอกเรื่อง!ตุลาการศาลต้าหลี่มองเขาทีหนึ่ง สูดหายใจลึก“ท่านชายในเมื่อท่านก็รู้ว่านี่ยั่วยวนชาวจินมากเพียงไร ท่านทำไมยัง…” เขาเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง“ยั่วยวน?” จูจั้นเอ่ยขัดเขาอีกครั้ง “ยั่วยวนแล้วอย่างไร? พวกเราราชวงศ์ต้าโจวรุ่งเรืองเช่นนี้ อุดมสมบูรณ์ปานนี้ พวกเราทำไมต้องปิดบังซุกซ่อน พวกเราต้องให้ชาวจินรู้ ให้คนใต้หล้าล้วนรู้”พูดถึงตรงนี้สีหน้าก็มีความภาคภูมิใจอยู่บ้าง“ยั่วยวน ยั่วยวนแล้วอย่างไร พวกเขาชาวจินน้ำลายยืด บอกจะกินก็กินได้รึ? ชาวจินรู้ ชาวบ้านต้าโจวของพวกเราก็รู้ พวกเราบรรดาแม่ทัพทหารที่อยู่ไกลยังแดนเหนือก็ล้วนรู้”เขาพูดพลางหยิบแผนที่เดินทางเยือนในเมืองหลวงแผ่นหนึ่งกางออก“คนมากมายที่แดนเหนือทั้งชีวิตล้วนไม่เคยมาเมืองหลวง ทั้งชีวิตนี้ก็คงไม่มีทางมา ด้วยแผนที่นี้ พวกเขาจะได้รู้ว่าเมืองหลวงราชวงศ์ต้าโจวที่พวกเขาปกป้อง ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์มากเท่าไร ความเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์นี้เป็นของประชาชนราชวงศ์ต้าโจวเรา นี่เป็นสาเหตุและความหมายที่พวกเราแม่ทัพทหารเฝ้าพิทักษ์แดนเหนือ อาบเลือดสังหารศัตรู ตระเวณป้องกันชายแดน”“พวกเราจะยอมให้คนมารุกรานมันได้อย่างไร! พวกเราไม่มีทางอนุญาตให้มีคนมารุกรานมันอีกเด็ดขาด ไม่มีทางให้โศกนาฏกรรมครั้งนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งเด็ดขาด!”“ชาวจินหน้าสุนัขพรรค์นี้ อยากกินเนื้อของพวกเรา ไม่ง่ายดายขนาดนั้นเด็ดขาด”“ใต้เท้าทั้งหลาย พวกท่านคิดว่าอาศัยแผนที่แผ่นนี้แผ่นเดียวก็จะทำให้ชาวจินบุกลงใต้ได้ ทำให้ประเทศไม่มั่นคงประชาชนไม่ปลอดภัย พวกท่านเห็นพวกเราแม่ทัพทหารเหล่านี้เป็นอะไร? เห็นกรมกลาโหมของราชวงศ์ต้าโจวเราเป็นอะไร? เห็นอำนาจของโอรสสวรรค์ราชวงศ์ต้าโจวที่วางเด่นอยู่เป็นอะไร!”พูดถึงตรงนี้ก็เหวี่ยงแผนที่ลงกับพื้น“พวกเขาจะมาก็ให้พวกเขามา พวกเขากล้ามา พวกเราก็กล้าให้พวกเขามาไม่ได้กลับ!”คำพูดนี้จบลง บรรดาคนของกรมกลาโหมที่ดวงตาทั้งคู่ทอประกายฮึกเหิมอยู่ก่อนแล้วพลันร้องตะโกนพร้อมเพรียง“ให้พวกเขามาไม่ได้กลับ! ให้พวกเขามาไม่ได้กลับ!”“ปกบ้านป้องเมือง! ปกบ้านป้องเมือง!”เสียงร้องตะโกนดุจสายฟ้าราวกับพลิกคว่ำหลังคาของโถงสวนคดีของศาลต้าหลี่ แล้วก็ทำให้ผู้คนที่มาสอดส่องด้านนอกตกใจสะดุ้งโหยงเช่นกันไม่ใช่สอบสวนคดีหรือ? ทำไมเหมือนกลายเป็นการปฏิญาณของกองทัพไปแล้ว? ด้านในที่แท้ทำอะไรกัน?……………………………………….
คอมเม้นต์