The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา ตอนที่31 มรดกของแม่ทัพผู้เลื่องชื่อ 1
EP.31 มรดกของแม่ทัพผู้เลื่องชื่อ 1
ความรู้สึกแสบร้อนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลินมู่อวี่กัดฟันแน่น อดกลั้นไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา ความจริงตั้งแต่ตอนที่เริ่มฝึกจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้ร้องออกมาซักแอะ ผู้ทรนงแต่กำเนิด ทำไมจะทนความเจ็บแค่นี้ไม่ได้!
ภายใต้อุณหภูมิสูง แม้แต่เสื้อผ้าชั้นนอกยังค่อยๆ สลายไป จวนจะลุกไหม้อยู่แล้ว หลินมู่อวี่ยิ่งรู้สึกเหมือนทุกอณูในร่างกายของเขากำลังจะระเหยหายไป ความเจ็บปวดทรมานแบบนี้คนธรรมดาไม่มีทางทนได้เด็ดขาด
ถังเสี่ยวซีที่อยู่ด้างข้างยกมือปิดปาก ไม่อาจทนดูต่อได้ นางเคยเห็นชวีฉู่ใช้ติ่งอัคคีจัดการกับคนอื่นแบบนี้มาก่อน แต่คนเหล่านั้นเป็นโจรชั่ว ถูกติ่งอัคคีสังหาร จนสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน หลินมู่อวี่คงจะไม่มีจุดจบแบบนั้นกระมัง
หลินมู่อวี่คุกเข่าข้างเดียวอยู่ตรงนั้น แขนทั้งสองยันพื้นไว้ ใต้ความร้อนของติ่งอัคคี เขาไม่ได้หมดสติไปก็จริง แต่ในสมองของเขาแทบจะขาวโพลนอยู่แล้ว ราวกับว่าความร้อนช่วงชิงสติและความคิดของเขาไปแล้ว และในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียง “ป๊อป” ดังขึ้นในสมองของเขา ตามมาด้วยเสียงอ่อนหวานดังขึ้น “โอ้ย ร้อนๆ ร้อนจะตายแล้ว…”
เขาลืมตาดู ก็เห็นภูตตัวเล็กจิ๋วบินไปบินมาอยู่ในหัวของเขา แล้วก็บินออกไปนอกหัวของเขาด้วย ภูตจิ๋วกระพือปีกอยู่ด้านหลังหลินมู่อวี่ ตะโกนลั่น “พี่ชายท่านทำอะไรน่ะ! รีบให้ชายชราผู้นั้นหยุดเร็วเข้า เขาจะเผาพี่ชายกับข้าให้ตายนะ!”
ภูตตนนี้มีความสูงประมาณยี่สิบเซนติเมตร สวมเสื้อผ้าสีเขียว แม้ว่าจะสูงเพียงยี่สิบเซนติเมตร แต่ก็มีช่วงขาเรียวยาวและหน้าอกที่อิ่มเอิบ ใบหน้างดงาม ดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก หลินมู่อวี่มองภูตน้อยอีกครั้ง เขาตกใจจนขากรรไกรแทบร่วงลงพื้น นี่มันภูตระบบลู่ลู่ไม่ใช่หรือ ทำไมลู่ลู่จากเกมออนไลน์ถึงได้มาปรากฏตัวในโลกแห่งนี้กันล่ะ
“ลู่ลู่!”
หลินมู่อวี่พบว่าตนเองสามารถสื่อสารกับภูตสาวในห้วงความคิดได้ แถมชวีฉู่กับถังเสี่ยวซีดูเหมือนจะไม่ได้สนใจลู่ลู่ พวกเขาน่าจะมองไม่เห็น หรือว่าลู่ลู่จะอยู่แค่ในห้วงความคิดของตนเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากำลังจะถูกเผาจวนใกล้สุกอยู่แล้ว รีบร้อนถาม “ลู่ลู่ ตาเฒ่าฉู่อยากจะเค้นวิญญาณยุทธ์ในร่างข้าออกมา วิญญาณยุทธ์ของข้าล่ะ เอาอะไรออกมาให้ข้าแก้ขัดไปก่อนก็ได้!”
“เอ๋? ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้! ข้า…ข้าออฟไลน์ออกจากเกมแล้วนี่นา พี่ชาย ที่นี่คือที่ไหนกัน ที่นี่…ที่นี่ดูเหมือนแผ่นดินในเกมผู้พิชิตเลย…”
ลู่ลู่กระพือปีก อดทนต่อความร้อน คิ้วงามขมวดเหมือนกำลังตำหนิ “พี่ชาย อะไรที่ขายได้ท่านก็ขายไปหมดแล้ว อะไรที่ลบทิ้งได้ท่านก็ลบไปหมดแล้ว จะเอาของอะไรออกมาได้อีกเล่า เอ๋ ดูเหมือนติ่งหลอมอาวุธของท่านจะมีบางอย่างเหลืออยู่…อ๊ะ น้ำเต้าเน่าๆ แค่นั้นเอง เป็นของเสียที่ได้มาตอนที่ท่านหลอมหยกชีซิน พอได้ไหมเจ้าคะ”
“ตกลง!” หลินมู่อวี่ถูกเปลวเพลิงแผดเผาจวนเจียนจะไม่ไหวแล้ว ยังจะสนอะไรได้อีกเล่า
ครู่ต่อมา พลังเย็นสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากร่างกาย หลินมู่อวี่ร้องเสียงดัง เพื่อขับ “วิญญาณยุทธ์” นี้ออกจากร่างของตน น้ำเต้าขนาดเล็กสีเขียวหมุนวนอยู่ตรงหน้าอกของเขา พร้อมส่องประกายสีเขียวจางๆ ออกมา ดูงดงามยิ่งนัก แต่วิญญาณยุทธ์หน้าตาแบบนี้ดูยังไงก็ไม่เห็นจะร้ายกาจตรงไหนเลย
ในตอนนี้เอง ในที่สุดหลินมู่อวี่ก็เข้าใจแล้วว่าวิญญาณยุทธ์ในโลกนี้คืออะไร ที่แท้มันก็คืออาวุธเวทที่นักรบจะมีมาแต่กำเนิด เพื่อช่วยเสริมการโจมตีและป้องกันของเจ้าของเท่านั้น
“อ๊ะ ออกมาแล้ว!” ถังเสี่ยวซียิ้ม
ชวีฉู่เองก็พยักหน้าพอใจ “ที่แท้ก็เป็นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียว มิน่าเจ้าเด็กนี่ถึงมีความสามารถด้านการปรุงโอสถเป็นอย่างดี”
ติ่งอัคคีหายไปแล้ว หญ้ารอบตัวของหลินมู่อวี่ถูกเปลวเพลิงเผาจนไหม้ ส่วนภูตระบบลู่ลู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง และไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ เขายื่นมือไปประคองวิญญาณยุทธ์ของตน น้ำเต้าเขียวนั้นหมุนวนอยู่บนฝ่ามือเขาช้าๆ เหมือนทำสัญญากับจิตวิญญาณของตนเอง ดูเหมือนว่าตัวเขาจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทุกอย่างของวิญญาณยุทธ์
ชวีฉู่กล่าวว่า “ถึงจะเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับสิบ แต่หากฝึกให้ดีแล้วก็น่าจะมีประโยชน์บ้าง อย่างน้อยมันก็พอรับมือกับพวกดีแต่เปลือกอย่างฮว๋าหวันได้”
“วิญญาณยุทธ์อันดับสิบแกร่งกล้าหรือไม่ขอรับ” หลินมู่อวี่ถามอย่างระมัดระวัง
ถังเสี่ยวซียกมือปิดปาก แอบหัวเราะ ชวีฉู่เองก็หัวเราะ “วิญญาณยุทธ์มีทั้งสิ้นสิบอันดับ ติ่งอัคคีของข้าจัดอยู่ในอันดับสี่ จิ้งจอกอัคคีขององค์หญิงซีอยู่อันดับสอง น้ำเต้าเขียวของเจ้าอยู่อันดับสิบ เจ้าว่าไงล่ะ”
“ก็หมายความว่าน้ำเต้าเขียวนี่ห่วยสุดเลยเหรอ” หลินมู่อวี่พูด
“ถูกต้อง!”
“อ่า” หลินมู่อวี่โอดครวญอยู่ในใจ น้ำเต้านี้เป็นของเสียที่เขาทิ้งไว้ตอนหลอมอาวุธ ถ้าไม่ได้ขายอาวุธเวทระดับเทพอย่างโคมสัตตะดารา ไม้เท้าวิญญาณทมิฬ บัวปีศาจนพนภาทิ้งไป เกรงว่าไม่ว่าของชิ้นไหนก็คงจะกลายเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งไม่ก็อันดับสองบนโลกนี้ได้ทั้งสิ้น เขารู้สึกเสียดายเอามาก
ถังเสี่ยวซีเป็นเด็กสาวจิตใจเมตตา คงรู้สึกได้ว่าหลินมู่อวี่ในตอนนี้เสียใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงพูดปลอบใจเขา “มู่มู่ อย่าเสียใจไปเลย วิญญาณยุทธ์อันดับสิบก็มีโอกาสพัฒนาขึ้นเป็นอันดับเก้าหรือแปดหรือเจ็ดได้ทั้งนั้น เจ้าอย่าเสียใจไป ยังมีโอกาสอยู่”
“แล้วมีโอกาสพัฒนาเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งได้หรือไม่”
ถังเสี่ยวซีกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “เจ้าฝันอยู่เหรอ…”
ดูท่าทักษะการปลอบใจคนของนางยังไม่ลึกซึ้งพอ แต่หลินมู่อวี่ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะในสมองของเขานึกถึงวิธีหนึ่งอยู่ ตนเองเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธ ขอเพียงมีวัดถุดิบพร้อม ก็สามารถหลอมน้ำเต้าเขียวนี้ให้กลายเป็นอาวุธเวทชั้นยอดได้ ไม่ด้อยไปกว่าวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งเด็ดขาด เขามั่นใจว่าตัวเขาจะทำได้
ชวีฉู่ที่ยืนข้างๆ เอ่ยขึ้น “ความจริงแล้วทั้งชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์ก็คือการฝึกวิญญาณยุทธ์ของตนเอง พลังของวิญญาณยุทธ์ยิ่งแข็งแกร่ง พลังการโจมตีและการป้องกันของมันก็จะแกร่งขึ้นตามไปด้วย เพราะว่าวิญญาณยุทธ์เป็นแหล่งพลังงานให้แก่ทักษะยุทธ์ของเจ้าของ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“อืม เข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณผู้อาวุโสชวี” หมอกควันในใจของหลินมู่อวี่พลันสลายหายไป
ความรู้สึกแสบร้อนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลินมู่อวี่กัดฟันแน่น อดกลั้นไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา ความจริงตั้งแต่ตอนที่เริ่มฝึกจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้ร้องออกมาซักแอะ ผู้ทรนงแต่กำเนิด ทำไมจะทนความเจ็บแค่นี้ไม่ได้!ภายใต้อุณหภูมิสูง แม้แต่เสื้อผ้าชั้นนอกยังค่อยๆ สลายไป จวนจะลุกไหม้อยู่แล้ว หลินมู่อวี่ยิ่งรู้สึกเหมือนทุกอณูในร่างกายของเขากำลังจะระเหยหายไป ความเจ็บปวดทรมานแบบนี้คนธรรมดาไม่มีทางทนได้เด็ดขาดถังเสี่ยวซีที่อยู่ด้างข้างยกมือปิดปาก ไม่อาจทนดูต่อได้ นางเคยเห็นชวีฉู่ใช้ติ่งอัคคีจัดการกับคนอื่นแบบนี้มาก่อน แต่คนเหล่านั้นเป็นโจรชั่ว ถูกติ่งอัคคีสังหาร จนสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน หลินมู่อวี่คงจะไม่มีจุดจบแบบนั้นกระมัง หลินมู่อวี่คุกเข่าข้างเดียวอยู่ตรงนั้น แขนทั้งสองยันพื้นไว้ ใต้ความร้อนของติ่งอัคคี เขาไม่ได้หมดสติไปก็จริง แต่ในสมองของเขาแทบจะขาวโพลนอยู่แล้ว ราวกับว่าความร้อนช่วงชิงสติและความคิดของเขาไปแล้ว และในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียง “ป๊อป” ดังขึ้นในสมองของเขา ตามมาด้วยเสียงอ่อนหวานดังขึ้น “โอ้ย ร้อนๆ ร้อนจะตายแล้ว…” เขาลืมตาดู ก็เห็นภูตตัวเล็กจิ๋วบินไปบินมาอยู่ในหัวของเขา แล้วก็บินออกไปนอกหัวของเขาด้วย ภูตจิ๋วกระพือปีกอยู่ด้านหลังหลินมู่อวี่ ตะโกนลั่น “พี่ชายท่านทำอะไรน่ะ! รีบให้ชายชราผู้นั้นหยุดเร็วเข้า เขาจะเผาพี่ชายกับข้าให้ตายนะ!” ภูตตนนี้มีความสูงประมาณยี่สิบเซนติเมตร สวมเสื้อผ้าสีเขียว แม้ว่าจะสูงเพียงยี่สิบเซนติเมตร แต่ก็มีช่วงขาเรียวยาวและหน้าอกที่อิ่มเอิบ ใบหน้างดงาม ดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก หลินมู่อวี่มองภูตน้อยอีกครั้ง เขาตกใจจนขากรรไกรแทบร่วงลงพื้น นี่มันภูตระบบลู่ลู่ไม่ใช่หรือ ทำไมลู่ลู่จากเกมออนไลน์ถึงได้มาปรากฏตัวในโลกแห่งนี้กันล่ะ“ลู่ลู่!”หลินมู่อวี่พบว่าตนเองสามารถสื่อสารกับภูตสาวในห้วงความคิดได้ แถมชวีฉู่กับถังเสี่ยวซีดูเหมือนจะไม่ได้สนใจลู่ลู่ พวกเขาน่าจะมองไม่เห็น หรือว่าลู่ลู่จะอยู่แค่ในห้วงความคิดของตนเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากำลังจะถูกเผาจวนใกล้สุกอยู่แล้ว รีบร้อนถาม “ลู่ลู่ ตาเฒ่าฉู่อยากจะเค้นวิญญาณยุทธ์ในร่างข้าออกมา วิญญาณยุทธ์ของข้าล่ะ เอาอะไรออกมาให้ข้าแก้ขัดไปก่อนก็ได้!” “เอ๋? ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้! ข้า…ข้าออฟไลน์ออกจากเกมแล้วนี่นา พี่ชาย ที่นี่คือที่ไหนกัน ที่นี่…ที่นี่ดูเหมือนแผ่นดินในเกมผู้พิชิตเลย…”ลู่ลู่กระพือปีก อดทนต่อความร้อน คิ้วงามขมวดเหมือนกำลังตำหนิ “พี่ชาย อะไรที่ขายได้ท่านก็ขายไปหมดแล้ว อะไรที่ลบทิ้งได้ท่านก็ลบไปหมดแล้ว จะเอาของอะไรออกมาได้อีกเล่า เอ๋ ดูเหมือนติ่งหลอมอาวุธของท่านจะมีบางอย่างเหลืออยู่…อ๊ะ น้ำเต้าเน่าๆ แค่นั้นเอง เป็นของเสียที่ได้มาตอนที่ท่านหลอมหยกชีซิน พอได้ไหมเจ้าคะ”“ตกลง!” หลินมู่อวี่ถูกเปลวเพลิงแผดเผาจวนเจียนจะไม่ไหวแล้ว ยังจะสนอะไรได้อีกเล่า ครู่ต่อมา พลังเย็นสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากร่างกาย หลินมู่อวี่ร้องเสียงดัง เพื่อขับ “วิญญาณยุทธ์” นี้ออกจากร่างของตน น้ำเต้าขนาดเล็กสีเขียวหมุนวนอยู่ตรงหน้าอกของเขา พร้อมส่องประกายสีเขียวจางๆ ออกมา ดูงดงามยิ่งนัก แต่วิญญาณยุทธ์หน้าตาแบบนี้ดูยังไงก็ไม่เห็นจะร้ายกาจตรงไหนเลยในตอนนี้เอง ในที่สุดหลินมู่อวี่ก็เข้าใจแล้วว่าวิญญาณยุทธ์ในโลกนี้คืออะไร ที่แท้มันก็คืออาวุธเวทที่นักรบจะมีมาแต่กำเนิด เพื่อช่วยเสริมการโจมตีและป้องกันของเจ้าของเท่านั้น “อ๊ะ ออกมาแล้ว!” ถังเสี่ยวซียิ้ม ชวีฉู่เองก็พยักหน้าพอใจ “ที่แท้ก็เป็นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียว มิน่าเจ้าเด็กนี่ถึงมีความสามารถด้านการปรุงโอสถเป็นอย่างดี” ติ่งอัคคีหายไปแล้ว หญ้ารอบตัวของหลินมู่อวี่ถูกเปลวเพลิงเผาจนไหม้ ส่วนภูตระบบลู่ลู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง และไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ เขายื่นมือไปประคองวิญญาณยุทธ์ของตน น้ำเต้าเขียวนั้นหมุนวนอยู่บนฝ่ามือเขาช้าๆ เหมือนทำสัญญากับจิตวิญญาณของตนเอง ดูเหมือนว่าตัวเขาจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทุกอย่างของวิญญาณยุทธ์ ชวีฉู่กล่าวว่า “ถึงจะเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับสิบ แต่หากฝึกให้ดีแล้วก็น่าจะมีประโยชน์บ้าง อย่างน้อยมันก็พอรับมือกับพวกดีแต่เปลือกอย่างฮว๋าหวันได้”“วิญญาณยุทธ์อันดับสิบแกร่งกล้าหรือไม่ขอรับ” หลินมู่อวี่ถามอย่างระมัดระวังถังเสี่ยวซียกมือปิดปาก แอบหัวเราะ ชวีฉู่เองก็หัวเราะ “วิญญาณยุทธ์มีทั้งสิ้นสิบอันดับ ติ่งอัคคีของข้าจัดอยู่ในอันดับสี่ จิ้งจอกอัคคีขององค์หญิงซีอยู่อันดับสอง น้ำเต้าเขียวของเจ้าอยู่อันดับสิบ เจ้าว่าไงล่ะ” “ก็หมายความว่าน้ำเต้าเขียวนี่ห่วยสุดเลยเหรอ” หลินมู่อวี่พูด“ถูกต้อง!” “อ่า” หลินมู่อวี่โอดครวญอยู่ในใจ น้ำเต้านี้เป็นของเสียที่เขาทิ้งไว้ตอนหลอมอาวุธ ถ้าไม่ได้ขายอาวุธเวทระดับเทพอย่างโคมสัตตะดารา ไม้เท้าวิญญาณทมิฬ บัวปีศาจนพนภาทิ้งไป เกรงว่าไม่ว่าของชิ้นไหนก็คงจะกลายเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งไม่ก็อันดับสองบนโลกนี้ได้ทั้งสิ้น เขารู้สึกเสียดายเอามากถังเสี่ยวซีเป็นเด็กสาวจิตใจเมตตา คงรู้สึกได้ว่าหลินมู่อวี่ในตอนนี้เสียใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงพูดปลอบใจเขา “มู่มู่ อย่าเสียใจไปเลย วิญญาณยุทธ์อันดับสิบก็มีโอกาสพัฒนาขึ้นเป็นอันดับเก้าหรือแปดหรือเจ็ดได้ทั้งนั้น เจ้าอย่าเสียใจไป ยังมีโอกาสอยู่” “แล้วมีโอกาสพัฒนาเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งได้หรือไม่” ถังเสี่ยวซีกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “เจ้าฝันอยู่เหรอ…” ดูท่าทักษะการปลอบใจคนของนางยังไม่ลึกซึ้งพอ แต่หลินมู่อวี่ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะในสมองของเขานึกถึงวิธีหนึ่งอยู่ ตนเองเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธ ขอเพียงมีวัดถุดิบพร้อม ก็สามารถหลอมน้ำเต้าเขียวนี้ให้กลายเป็นอาวุธเวทชั้นยอดได้ ไม่ด้อยไปกว่าวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งเด็ดขาด เขามั่นใจว่าตัวเขาจะทำได้ชวีฉู่ที่ยืนข้างๆ เอ่ยขึ้น “ความจริงแล้วทั้งชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์ก็คือการฝึกวิญญาณยุทธ์ของตนเอง พลังของวิญญาณยุทธ์ยิ่งแข็งแกร่ง พลังการโจมตีและการป้องกันของมันก็จะแกร่งขึ้นตามไปด้วย เพราะว่าวิญญาณยุทธ์เป็นแหล่งพลังงานให้แก่ทักษะยุทธ์ของเจ้าของ เจ้าเข้าใจหรือไม่” “อืม เข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณผู้อาวุโสชวี” หมอกควันในใจของหลินมู่อวี่พลันสลายหายไป
คอมเม้นต์