Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 612 อิจฉาเขา
ไม่นานหลังจากการจากไปของเหมิงชีเหว่ย สมาชิกของทีมความลับของพระเจ้าก็กลับมาและพอพวกเขาได้เห็นว่ากลุ่มคนได้ทำการก่อปาร์ตี้กองไฟขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว หลูปิงเซ่อก็เป็นคนเดินนำกลุ่มคนเข้าไปร่วมสนุกสนานกับทุกคนด้วยกัน ชูฮันมองไปที่ภาพของกลุ่มคนที่กำลังสนุกสนานกันอยู่ และโบกมือเรียกซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิง “พวกนายต้องกลับไปที่ทางเข้าของค่ายเจียนอี๋ มันจะมีผู้ชายตัวใหญ่ขี่รถมอเตอร์ไซด์ที่ปรับแต่งแล้วอยู่ ไปปล้นเขาและพาเขามาซะ” ซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงวิ่งไปตามคำสั่งของชูฮันทันทีโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ครั้งนี้พวกเขาระวังมากกว่าเดิม ในทั้งสามทีมมีพวกเขาที่เป็นวิวัฒนาการระยะ 6 แค่สองคนเท่านั้น และการที่ชูฮันปล่อยให้พวกเขาสองคนออกมาทำหน้าที่พร้อมกันแบบนี้แสดงว่างานนี้มันจะต้องไม่ใช่ง่ายๆ คนที่พวกเขาจะต้องไปปล้นน่าจะเป็นค่อนข้างทรงพลังไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็น่าจะเป็นวิวัฒนาการระยะ 6 เหมือนกับพวกเขาทั้งคู่ สำหรับซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงนั้น พวกเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับชูฮัน? ไม่สำคัญว่าเพราะอะไร ชูฮันไม่เสียเวลามาอธิบาย เขาเพียงแค่คำนวณระยะเวลาในการกลับมาถึงค่ายเจียนอี๋ของฟานเจี้ยนและออกคำสั่งทันที ชูฮันคิดถึงภารกิจแรกที่หลูอี๋มอบหมายให้ฟานเจี้ยน มันเป็นภารกิจเล็กๆ แต่หลังจากรู้ว่าฟานเจี้ยนกำลังมุ่งหน้าไปที่ค่านเขี้ยวหมาป่า อารมณ์ของชูฮันก็ไม่ดีขึ้นมาทันที ความรู้สึกเห็นใจต่อค่ายเจียนอี๋ก็ลดลงตามไปด้วยเช่นกัน หลูอี๋ แกกล้ามากนะ! และในขณะเดียวกัน ฟานเจี้ยนที่ไม่ได้ล่วงรู้ถึงความคิดของชูฮันเลย ก็กำลังมุ่งหน้าไปกลับไปที่ค่ายเจียนอี๋เพื่อทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ โดยที่ไม่รับรู้เลยว่ากำลังมีปรมาจารย์ระดับวิวัฒนาการระยะ 6 สองคนกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาเขา และก็ไม่ได้รู้เลยว่าระยะเวลาสองวันที่เขาจากไปจากค่ายเจียนอี๋มันได้มีการจลาจลขนาดใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งในขณะเดียวมันกำลังมีผู้คนจำนวนมากเดินสวนทางกับเขาอย่างผิดปกติ มันค่อนข้างแปลกหน่อยๆ? ในขณะที่ความรู้สึกในใจของฟานเจี้ยนกำลังรู้สึกแปลกๆอยู่นั่นเอง จู่ๆมันก็มีหอกยาวสีทองพุ่งลงมาจากบนฟ้าตามมาด้วยเสียงกระแทกดังลั่น! ฟานเจี้ยนไม่ใช่คนขี้ตกใจ ไม่ใช่คนประมาท เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวท่ามกลางป่าดงดิบเป็นเวลากว่าครึ่งปี เขาไม่กลัวการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย หลายค่ำคืนที่เขาต้องรับมือกับการลอบโจมตีอย่างกระทันหันจากพวกสัตว์ประหลาดทั้งหลายจนเกือบจะฆ่าเขาตายไม่รู้กี่รอบ เพราะงั้นความเร็วในการตอบสนองโดยสัญชาตญาณของฟานเจี้ยนจึงรวดเร็วอย่างมากไม่น้อยไปกว่าชูฮันเลยด้วยซ้ำ แถมสัญชาตญาณในการต่อสู่ก็สอดคล้องยิ่งกว่าชูฮันอีกด้วย เพราะงั้น… พั้วะ! ร่างกายของฟานเจียนแฉลบหนีไปด้านข้างทันที ขณะที่มือข้างขวาก็ตวัดหอกด้ามยาวสีทองที่พุ่งเข้าใส่เขาออกไป “ปัง!” เสียงกระแดกดังขึ้นด้านหลังหัวของฟานเจี้ยน ร่างของหลี่บี๋เฟิงยืนอยู่ข้างหลังฟานเจี้ยนและไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะพุ่งโจมตีเข้าใส่ ฟานเจี้ยนที่กำลังถูกโจมตีอยู่นั่นเห็นซูเฟิงทีกำลังโจมตีใส่เขาชัดเจน ฟานเจี้ยนหมุนตัวอย่างมีทักษะ ถอนร่นหนีการโจมตีของอีกฝ่าย มุมปากของฟานเจี้ยนยกยิ้มอย่างแสดงว่าอีกฝ่ายไม่ใข่คนแรกที่โจมตีใส่เขาแบบนี้ น่าสนุกดี ฟานเจี้ยนหลับตา อยากจะเล่นอย่างนี้งั้นเหรอ? “มอเตอร์ไซค์ของนาย ฉันต้องการ!” ซูเฟิงพูด … เมื่อชูฮันเห็นซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงกลับมา เขาก็ได้เห็นฟานเจี้ยนที่ถูกจับมัด ร่างกายและหน้าตาบวมช้ำจากฝีมือของหลี่บี๋เฟิง “นี่มันบ้าอะไร?!” ฟานเจี้ยนที่พึ่งตื่นขึ้นมา เผชิญหน้ากับชูฮันอย่างหงุดหงิด “คนของแกปล้นฉันทำไม?” ทั้งสามทีมที่ยืนตัวตรงอยู่ต่างหันเหลือบตาไปที่หัวหน้ากันหมด แสดงว่าหัวหน้ารู้จักกับคนคนนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังสั่งให้พวกเขาไปปล้น? ซูเฟิงที่ต้องการเข้าใจ หันไปสบตากับหลี่บี๋เฟิงกันเอง ชูฮันโบกมือและตบไหล่ฟานเจี้ยนเบาๆ พูดอย่างสบายๆ “ฉันอยากจะรู้ว่าหลูอี๋สั่งให้นายไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าใช่มั้ย?” เมื่อได้ยินคำถามของชูฮัน ฟานเจี้ยนก็รู้สึกประหลาดใจ “นายรู้งั้นเหรอว่าเขาสั่งให้ฉันไปค่ายเขี้ยวหมาป่า?” ชูฮันหรี่ตาลงอย่างต้องการบีบคั้น เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน “ไม่เอาน่า อย่าบังคับให้ฉันต้องใช่กำลังเลย!” “คิดดีแล้วเหรอ?” เมื่อเห็นว่าจู่ๆชูฮันข่มขู่ตัวเอง ฟานเจี้ยนก็ไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้คืออะไร “นายปล้นฉัน แล้วยังจะขู่ฉันอีก?” “ซูเฟิง หลี่บี๋เฟิง!” ชูฮันไม่ลังเลที่จะออกคำสั่งเลยแม้แต่น้อย พรึบ! ซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงยืนตัวตรงประกบฟานเจี้ยนทั้งสองข้างทันที แม้แต่หลี่บี๋เฟิงที่หัวช้าก็ยังพร้อมจะปะทะทันทีตามคำสั่ง “เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!” ฟานเจี้ยนตกใจมาก เขาไม่อยากจะปะทะกับอีกฝ่ายอีกรอบ เขาจึงเลือกที่จะต่อรอง “เนื่องจากเราต่างร่วมมือกัน ภารกิจของฉันก็เป็นขั้นตอนหนึ่งที่นายจะต้องมีส่วนในการจัดการเหมือนกัน เพราะงั้นฉันจะไม่ปิดบังข้อมูล แต่นี่มันจะเป็นผลกระทบกับหน้าตาของนายเองนะ นายแน่ใจนะว่าต้องการให้ฉันพูดต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากแบบนี้?” เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูฮันก็นึกถึงความคิดของหลูอี๋ ภายใต้ความโกรธ ขูฮันโบกปัดเป็นการสั่งให้ทั้งสามทีมออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัวของเขากับฟานเจี้ยน หากเหลือไว้เพียงแค่ซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรชูฮันก็ยังไม่พอใจ เขาอยากจะสั่งสอนฟานเจี้ยนสักที หากสำหรับที่เป็นวิวัฒนาการระยะ 4 นั้นมันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป เขาในตอนนี้ยังไม่สามารถจัดการกับฟานเจี้ยนได้ แต่ชูฮันยังไม่มั่นใจว่าที่ฟานเจี้ยนพูดนั่นจะเป็นเรื่องจริงหรือหบอก เพราะงั้นเขาจึงให้ซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงอยู่ต่อเพื่อที่จะกดดันฟานเจี้ยน “แม่งเอ๊ย แกนี่มันจริงๆเลย!” ฟานเจี้ยนที่เห็นว่าซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงยังอยู่ก็คำรามอย่างหมดหนทาง และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ชูฮัน นายรู้ที่อยู่ของฉันได้ยังไง?” ในความคิดของฟานเจี้ยน มันเป็นไปไม่ได้เลย…เพราะเขาไม่รู้ว่าที่จริงแล้วมันมีกระต่ายตัวหนึ่งติดตามเขามาตั้งแต่ค่ายเจียนอี๋แล้วนั่นเอง
คอมเม้นต์