Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 368
บี๋เทียนยิ้มพลางมองไปที่หมู่บ้านเล็กๆตรงหน้าที่มีทิวทัศน์สวยงามและไม่ได้สลายหายไปตามวันสิ้นโลก แถมยังมีมนุษย์มากหน้าหลายตาอยู่ในหมู่ล้านและก็ไม่ได้มีวิวัฒนาการมากนัก ถือเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับเขา… มนุษย์คืออาหารสำหรับบี๋เทียน ยาชูกำลังที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มพละกำลังในการต่อสู้ให้ร่างกายเขา แม้มันจะไม่รวดเร็วและโดยตรงเหมือนกับลูกผสมก็ตาม บี๋เทียนมองตัวเองที่ไม่ได้จัดอยู่ในหมวดหมู่ของมนุษย์และก็ไม่ใช่ลูกผสมเช่นกัน นิ้วของเขาทั้งแห้งและเหี่ยวติดกระดูก ส่วนแขนก็ยาวเหยียวและบางอย่างสีดำที่คลานอยู่ใต้ผิวหนังของเขาที่ดูพร้อมจะปะทุออกมา บี๋เทียนค่อนข้างไม่เข้าใจ คนที่กินเนื้อคนจะกลายเป็นลูกผสม ความกลัวที่มีต่อลูกผสมของบี๋เทียนลดลงไปเยอะ เขารู้แล้วว่าลูกผสมคือชื่อของสายพันธุ์ ก็เหมือนกับมนุษย์ พวกมันมีความคิด ยกเว้นที่ว่ามนุษย์คือเหยื่อในปากของลูกผสม เพียงแค่สวมชุดคลุมสีดำลูกผสมก็จะดูไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ แต่การกินเนื้อลูกผสม บี๋เทียนไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น รอยโป่งตรงมือและแขนของเขาและอาการครั่นเนื้อครั่นเนื้อทำให้เขารู้สึกกลัว วร๊าก! วร๊าก!ซอมบี้พวกนี้กำลังมาหาเขา พวกมันเป็นเพียงซอมบี้ระยะ 1 ความสามารถดั้งเดิมของลูกผสมในการควบคุมซอมบี้ทำให้เขารู้สึกดีมาก พวกซอมบี้เป็นเหมือนกับลูกหมาในกำมือ พวกมันไม่สามารถขัดความต้องการของเขาได้ แม้ในตอนนี้ที่พึ่งแรกเริ่มเขาจะสามารถควบคุมได้เพียงแค่ซอมบี้ระยะ 1 แต่พลังของเขาก็มากกว่าลูกผสมตัวอื่นที่ระยะเดียวกัน ใครจะรู้ว่าเขาจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน! ที่สำคัญก็คือ เขาสามารถใช้ซอมบี้กลุ่มแรกนี้ล่อให้ซอมบี้ตัวอื่นตามมาร่วมมือด้วยได้ ความโน้มเอียงของมนุษย์ยังคงมีหลงเหลืออยู่ในตัวซอมบี้ ซึ่งในขณะนี้มันมีฝูงซอมบี้มากกว่า 500 ตัวกำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้าน ฝูงซอมบี้ นี้มันฝูงซอมบี้! แววตาของบี๋เทียนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง พวกซอมบี้จะไม่โจมตีลูกผสม มันเป็นความรู้สึกที่ดีชะมัด! การมาถึงของฝูงซอมบี้ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกกระวนกระวาย ในไม่ช้าหมู่บ้านขนาดเล็กก็เต็มไปด้วยซอมบี้จำนวนมาก เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวังดังขึ้นมาเรื่อยๆไล่ตามบ้านทีละหลัง มีแขนขาฉีกขาดกระจายไปทั่วทุกที่และเลือดที่เจิ่งนองอยู่บนพื้น มันเหมือนกับมีความบ้าคลั่งได้แวะเข้ามาทำลายล้างทั้งสถานที่นี้จนไม่เหลือซาก “ฮ่าฮ่าฮ่า!” บี๋เทียนหัวเราะและวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน เขาคว้าแขนของเด็กชายตัวน้อยขึ้นมาและฉีกออก มันดูบ้าคลั่งราวกับซอมบี้ แม้แต่ความเร็วของบี๋เทียนยังรวดเร็วกว่าซอมบี้ด้วยซ้ำ เขาสะบัดเนื้อมนุษย์ในมือตัวเองจากนั้นก็ยกขึ้นกิน รอยโป่งตรงแขนของบี๋เทียนนั่นเกิดจากการกินไม่หยุดและความถี่ของการกินของเขาทำให้มันมีแนวโน้มที่จะระเบิดออกมา ภายในร้านอาหาร เด็กชายหูหนวกไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนนี้ทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยเลือดและความสยดสยอง ไม่มีใครนึกมาก่อนว่าหลังจากวันนี้หมู่บ้านจะไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เด็กน้อยยังคงนั่งอมลูกอมพร้อมกับตาโตแป๋วที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย กองซากศพด้านนอกอยู่ห่างออกไปจากตัวร้านเพียงแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคงจะเป็นศพของบ้านที่อยู่ข้างๆ พวกซอมบี้ยังคงไม่หยุดอาละวาด รวมถึงบี๋เทียนที่เดินผ่านร้านที่ประตูปิดสนิทไปมาหลายครั้งแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงผู้หญิงและเด็กที่ยังเหลืออยู่ แต่เหมือนว่าพวกเขาจะหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ? จางโบฮั่นจ้องไปที่เจิ่งเทียนอี้ท่ามกลางความเงียบที่รอคอยให้คลื่นลูกนี้พัดผ่านพ้นไป หน้าผากของเธอเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อยด้วยความกดดันและกังวลที่ล้นอก หากท่าทางที่แสดงออกมากลับนิ่งเฉย ราวกับไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น พ้ะ! พ้ะ!ทันใดนั้นมันก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น จางโบฮั่นตกใจพลางหันกลับไปมองด้านหลัง และก็ได้เห็นร่างโอนเอียงไปมาของคนหนึ่งเดินออกมาจากทางประตูด้านหลังพร้อมกับถือขวดขวดหนึ่งในมือ “ไอ้หัวขโมย นี่แกกล้าขโมยไวน์ของฉันงั้นเหรอ?” จางโบฮั่นเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ไวน์ขวดนี้มีมูลค่าถึงคริสตัล 2 อันเชียวนะ! แม้จะตกใจแต่อีกใจหนึ่งจางโบฮั่นก็ประหลาดใจพอกัน เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนอื่นอยู่ในบ้านเธอ คนขี้เมาสะบัดหัวหลังจากคิดว่ามันจะช่วยให้รู้สึกตัวขึ้นนิดหน่อยและก็มองเห็นสถานการณ์ด้านนอกร้าน ชายคนนั้นมีท่าทางช็อคและหวาด เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระซิบและงุนงง “เกิดอะไรขึ้น? ฝูงซอมบี้?” “ป้าป” จางโบฮั่นตีเข้าที่ปากของชายคนนั้น ชายขี้เมาดูภายนอกแล้วน่าจะอายุประมาณ 30 ปีได้ เขานั่งลงบนโต๊ะเอนตัวพิงจางโบฮั่น เนื้อตัวสั่นเทิ้มพร้อมตะโกน “ฉันอยากจะบ้าตาย ฉันวิ่งหนีมาที่นี้เพื่อลี้ภัย แต่ที่นี้ก็มีหายนะตามมาอีก!” สีหน้าของขางโบฮั่นเริ่มแย่ ไอ้ผู้ชายบ้าคนนี้มันคือใครกัน! “มันแย่มาก มันอันตรายมาก ทุกอย่างมันคือความเศร้าโศก!” ชายคนนั้นไม่ได้สนใจสีหน้าของจางโบฮั่นและพิงน้ำหนักลงบนขาของเธอหนักขึ้น แถมยังยกไวน์ขึ้นดื่มอีก “แม่งเอ๊ย!” “แม่งเอ๊ยผีมึงสิ!” ขางโบฮั่นเตะชายคนนั้นออกไป “โรคประสาท? อยู่ให้ห่างจากฉัน!” หลังจากนั้น ไม่เพียงแต่ชายคนนั้นจะไม่จากไป แต่เขากลับดูหวาดกลัวมากกว่าเดิม เขานั่งคุกเข่ากอดเท้าจางโบฮั่นแน่นอยู่ที่พื้น “ไม่ ฉันไม่ไป บอกฉันที ฝั่งนี้ปลอดภัยที่สุดแล้ว พวกมันล้อมเราไว้ระยะ 2 เมตรโดยรอบ” หลังจากได้ยินคำพูดที่พ่นออกมา ทันใดนั้นจางโบฮั่นก็เบิกตากว้างและมองไปที่แผ่นหลังของผู้ชายที่คุกเข่าอยู่ที่บ้านและจับข้อเท้าเธอ “แกเป็นใคร?” มันรู้ได้ยังไงว่ามันปลอดภัยที่สุด? ผู้ชายคนนี้รู้อะไรมา? “ฉันเป็นผีเร่ร่อน” ชายคนนั้นแสดงฟันเหลืองอ๋อยและปากที่เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอร์ให้จางโบฮั่นดู จากนั้นก็ยิ้มและพูด “ฉันเป็นหมอดู อยากจะลองดูมั้ยล่ะ? แค่คริสตัลหนึ่งชิ้น ฉันเห็นว่าหน้าผากของคุณเนี่ย—–“
“ปัง!”จางโบฮั่นเตะผู้ชายคนนั้นเข้าอีกครั้ง พร้อมสบถออกมาอย่างโมโหร้าย “ลองอีกครั้งสิ!” “ไม่กล้าแล้ว” ชายคนนั้นรีบพาตัวกลับมานั่งข้างจางโบฮั่นอีกครั้งพลางคิด…แม้ผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่ค่อยน่าคบหาเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็เป็นผู้ช่วยชีวิตเขา เสียงของพวกซอมบี้เริ่มไปอีกเส้นทางหนึ่งแทน ในที่สุดจางโบฮั่นก็หายใจได้อย่างโล่งอก เธอพยายามกลั้นหายใจไว้ให้ได้นานที่สุดก่อนที่คลื่นซอมบี้จะพัดผ่านไป เธอเคยประสบกับสถานการณ์ที่เจอกับฝูงซอมบี้แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ทำให้เธอเริ่มเข้าใจว่าพวกมันจะเคลื่อนที่ตลอดเวลาและไม่นานพวกมันก็จะจากไปหลังจากฆ่าเรียบร้อย เพียงแค่ ทันใดนั้นจางโบฮั่นก็มองไปที่เจ้าผีเร่ร่อนตรงเท้าเธออีกครั้ง ความสงสัยในนัยน์ตาของเริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ผู้ชายประหลาดคนนี้มาจากไหนกัน? มันพึ่งเป็นเวลา 5 เดือนเองหลังจากการปะทุ มันเป็นไปได้แล้วเหรอที่จะเริ่มมีคนบ้าออกมาเพ่นพ่าน? หรือว่า เขาจะเป็นเหมือนกับเธอ?!
คอมเม้นต์