Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1134
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1134 จัดการสุนัขดาวตกเพลิงแปลโดย iPAT หลังจากส่งมอบถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ชูตู๋ขอให้ฟางหยวนอยู่ต่อแต่เขาปฏิเสธ เขาอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมานานเกินไปแล้ว ฟางหยวนต้องเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติครั้งที่สี่ แน่นอนว่าก่อนออกเดินทางเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะความร่วมมือหนึ่งร้อยปีสร้างข้อตกลงพันธมิตรใหม่กับชูตู๋ ฟางหยวนจากไปอย่างรวดเร็ว ชูตู๋ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังรู้สึกปวดหัวมากเมื่อมองไปยังถ้ำสวรรค์ที่รกร้าง เขาเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที “โอ้ ฟางหยวนกลับมาแล้ว” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนเห็นฟางหยวนบินอยู่บนท้องฟ้า “เขากลับมาแล้วอย่างไร?” “ถูกต้อง มีเขาหรือไม่ก็ไม่แตกต่าง” “เขาเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ เขาไม่ใช่พวกเรา” “อย่าสนใจ เรามาวางแผนกันต่อว่าจะกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงตัวนี้อย่างไร!” ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ก้นหน้าลงอีกครั้ง ฟางหยวนมองผ่านผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้ขณะใช้วิธีการบางอย่างเพื่อลอบฟังบทสนทนาของพวกเขา ดวงตาของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นน่ากลัว ตอนนี้เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมาแล้ว ขณะเดียวกันภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่ก็กำลังจะมาถึง ฟางหยวนวางแผนรับมือภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ด้วยตนเอง แม้การได้รับความช่วยเหลือจากชูตู๋จะปลอดภัยกว่า แต่ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งก็จะถูกแบ่งออกไป ฟางหยวนต้องการรับผลประโยชน์ทั้งหมด เว้นเพียงสถานการณ์ที่เขาไม่มีทางเลือกเท่านั้น หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก นี่ทำให้เขามีความมั่นใจในการรับมือกับภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่ด้วยตัวเอง ‘แต่ในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพ ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติและต้องยืมวิญญาณมากมายจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา’ ‘ด้วยความสัมพันธ์ในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่ให้ข้ายืมพวกมัน เว้นเพียงข้าจะทำประโยชน์ครั้งใหญ่ให้กับนิกาย’ ‘ดูเหมือนข้าต้องรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงเป็นอันดับแรก เรื่องนี้สามารถปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา จากนั้นข้าจะได้รับแต้มผลงานและใช้มันเป็นค่าใช้จ่ายในการยืมวิญญาณ’ ฟางหยวนไม่ได้กลับไปที่เมืองเมฆาของเขาแต่บินตรงไปยังเมืองเมฆาที่หนึ่ง ที่นั่นเขาได้พบกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “โอ้ เจ้ายังจำที่นี่ได้งั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ฟางหยวนถอนหายใจและแสดงออกด้วยใบหน้าขมขื่น “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง โปรดเข้าใจข้าด้วย ข้ามีเหตุผล ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจปัญหาของนิกาย ข้าเพียงไม่มีเวลา แต่หลังจากออกไปและสามารถแก้ไขวิกฤตของตน ตอนนี้ข้าตั้งใจมาหาผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเพื่อรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิง” “โอ้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขมวดคิ้ว “เจ้าจะรับภารกิจนี้จริงๆงั้นหรือ?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นอีกครั้ง “ข้าต้องการรับภารกิจ ข้าเป็นสมาชิกของนิกายหลางหยา ก่อนหน้านี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ข้าไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้ข้าสามารถวางเรื่องของตนเองและทุ่มเทความพยายามเพื่อนิกาย” ด้วยทักษะการแสดงและวิญญาณทัศนคติทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกว่าฟางหยวนกล่าวความจริงและต้องการขอโทษอย่างจริงใจ การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผ่อนคลายลง เขารีบเปลี่ยนคำกล่าว “มันค่อนข้างลำบากหากเจ้าต้องการรับภารกิจนี้ ก่อนหน้านี้ผมที่สิบสองและคนอื่นๆร่วมมือกัน ตอนนี้พวกเขากำลังวางแผนโจมตี คราวก่อนพวกเขาล้มเหลว แต่พวกเขาก็ได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ครั้งนี้มีแนวโน้มที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จ หากเจ้ารับภารกิจนี้ ไม่ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ มันก็อาจเกิดความขัดแย้งภายใน” ฟางหยวนเป็นคนนอกขณะที่คนอื่นๆเป็นมนุษย์ขนที่แท้จริง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องเข้าข้างพวกเขาโดยธรรมชาติ ฟางหยวนพยักหน้า “ให้พวกเขาทำภารกิจนี้ก่อน หากพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ ข้าค่อยให้ความช่วยเหลือ เช่นนี้เป็นอย่างไร?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคิดก่อนพยักหน้า “ตกลง” ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง “ข้าหวังว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจะสามารถประกาศเรื่องนี้ออกไป” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำตาที่ฟางหยวนขอ เมื่อเรื่องนี้ถูกประกาศออไป ความปั่นป่วนเกิดขึ้นทันที “ฟางหยวนจะต่อสู้ในที่สุด!?” “ฮืม เขาเห็นว่าพวกเรากำลังจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงต้องการเข้าร่วม!” “คนขี้โกง น่ารังเกียจ!” “หากไม่คำนึงถึงความจริงที่ว่าเขาเป็นคนน่ารังเกียจ เขาก็ทำให้รางวัลของการกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งพัน! หากผู้ใดประสบความสำเร็จจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!” “ผมที่สิบสอง เจ้าต้องประสบความสำเร็จ อย่าปล่อยให้ฟางหยวนฉกฉวยผลประโยชน์!” กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อฟางหยวน ผมที่สิบสองพยักหน้าและกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว “ข้าจะต้องประสบความสำเร็จ พวกเราเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง!” การต่อสู้ครั้งก่อนทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจมาก ผมที่สิบสองเตรียมพร้อมที่จะโจมตีภายในสองวัน แต่เพราะเรื่องนี้เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น เจ็ดวันต่อมาฟางหยวนได้รับการแจ้งเตือนจากผมที่สิบสองและคนอื่นๆว่าพวกเขากำลังจะออกไปปฏิบัติภารกิจ ฟางหยวนตามไปโดยไม่ได้รับเชิญ “ผู้อาวุโสฟางหยวน” ผมที่หกเดินออกมาข้างหน้าและกล่าวกับฟางหยวนด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือสายลับของนิกายเงาา อย่างไรก็ตามกระทั่งฟางหยวนจะเปิดเผยเรื่องนี้ แต่ผู้ใดจะเชื่อเขา นอกจากนั้นฟางหยวนยังทำข้อตกลงกับนิกายเงาไว้แล้ว พวกเขาอยู่บนเรือลำเดียวกัน ดังนั้นผมที่หกจึงไม่รู้สึกหวาดกลัว ครั้งสุดท้ายที่เขาได้รับคำสั่งจากอิงอู๋เซี่ยคือการทำธุรกรรมกับฟางหยวน ครั้งนั้นฟางหยวนเป็นฝ่ายเหนือกว่าและขูดรีดนิกายเงาอย่างโหดร้าย ต่อมาฟางหยวนปฏิเสธที่จะรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิง ผมที่หกจึงฉวยโอกาสปลุกปั่นกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา “ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้ารู้ว่าเพราะเหตุใดท่านถึงมาที่นี่ แต่ครั้งนี้ท่านคงต้องผิดหวัง” ผมที่สิบสองเดินออกมาและกล่าวด้วยความมั่นใจ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตรงไปตรงมาไม่เหมือนผมที่หก ฟางหยวนมองผมที่สิบสองและเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้ เขามีความมั่นใจและระวังตัวมากกว่าก่อนหน้า ฟางหยวนประเมิน ‘ผมที่สิบสองบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและเส้นทางแห่งทาส คราวก่อนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับสุนัขดาวตกเพลิง ตอนนี้เขาดีขึ้นมาก สภาพจิตใจของเขาก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน’ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนจึงเผยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะรอคอยชัยชนะของน้องสิบสอง” “ฮืม คนเจ้าเล่ห์” “ภายนอกดูเหมือนเขาจะยอมแพ้แต่เขาต้องกังวลอยู่ภายในอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่า’ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนซุบซิบ ฟางหยวนได้ยินทั้งหมดแต่เขาไม่สนใจ ทุกคนยืนอยู่กลางค่ายกลวิญญาณขนส่ง ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนยืนรวมกลุ่มกันขณะที่ฟางหยวนถูกแยกออกไป “ข้ากำลังจะกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณ” ผมที่สิบสองกล่าวก่อนจะมองไปที่ฟางหยวนราวกับต้องการบอกว่า คนเพิ่มขึ้นก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งมาหลายครั้งแล้วและคุ้นเคยกับมันดี ค่ายกลวิญญาณค่อยๆส่องประกายขึ้น ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ ค่ายกลวิญญาณขนส่งในไท่ชิวถูกจัดตั้งโดยฟางหยวน เขาสามารถใช้มันได้อย่างง่ายดาย แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้กลับมีปัญหาในการกระตุ้นใช้งานมัน ผมที่สิบสองจ่ายพลังงานอมตะอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายค่ายกลวิญญาณก็ถูกกระตุ้นการทำงานในที่สุด วิสัยทัศน์ของทุกคนถูกปกคลุมด้วยพลังงานลึกลับ ในพริบตากลุ่มผู้อมตะก็ตระหนักว่าพวกเขามาถึงไท่ชิวเรียบร้อยแล้ว ฟางหยวนหันหลังกลับและพบกับซากศพของช้างตัวใหญ่ ‘ค่าใช้จ่ายไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ดูเหมือนฟางหยวนจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่มากนัก เขามีเพียงประสบการณ์ในการต่อสู้ที่เหนือกว่าพวกเราเท่านั้น’ ผมที่สิบสองมองฟางหยวนด้วยสายตารังเกียจ “ครั้งนี้เราต้องชนะ เราจะแพ้ไม่ได้ ไปกันเถอะ!” ผมที่สิบสองโบกมือตะโกน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเร่งตอบสนอง พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ พวกเขาเริ่มออกเดินทางโดยมีฟางหยวนติดตามอยู่ด้านหลัง เขาจงใจอยู่ด้านหลังโดยไม่เข้าใกล้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเกลียดชัง ก่อนที่พวกเขาจะก้าวเท้าออกมา ฟางหยวนก็พบเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ‘สุนัขดาวตกเพลิงยังไม่โตเต็มวัยงั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนพุ่งเข้าไปหามันทันที “เจ้าหมาน้อย ครั้งนี้พวกเราจะเอาชนะเจ้า!” ผมที่สิบสองตะโกนเสียงดัง สุนัขดาวตกเพลิงเห่าหอนก่อนจะทะยานร่างออกมาด้วยความเร็วสูง กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนกระจายตัวกันออกไป ผมที่สิบสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาตะโกนด้วยความโกรธ “สัตว์ร้าย เจ้ากล้าลอบโจมตีพวกเรา เข้ามา เราจะสู้กันสามร้อยรอบ!” หลังกล่าวจบคำผมที่สิบสองปรบมือและส่งแสงสีฟ้าออกไปข้างหน้า แสงสีฟ้ากลายเป็นทะเลสาบก่อนที่สัตว์อสูรเดียวดายสามตัวจะปรากฏตัวขึ้น หนึ่งกระทิง หนึ่งพยัคฆ์ และหนึ่งหมี มันคือกระทิงเกาลัด พยัคฆ์ขาวลายทอง และหมีเพชร สัตว์อสูรเดียวดายทั้งสามเข้าสู่การต่อสู้กับสุนัขดาวตกเพลิง ผมที่สิบสองควบคุมสัตว์อสูรเดียวดายทั้งสามต่อสู้กับสุนัขดาวตกเพลิงขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกหลายคนซ่อนตัวอยู่และพยายามโจมตีจากระยะไกล ฟางหยวนเฝ้ามองจากนอกสนามรบ สุนัขดาวตกเพลิงยังไม่โตเต็มวัยแต่สามารถต่อสู้กับกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียม ฟางหยวนยิ้มและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาคิดกับตนเอง ‘ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจตจำนงสวรรค์ ครั้งนี้เจ้าจะจัดการข้าอย่างไร?’
คอมเม้นต์