Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1120
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1120 ตะลึงแปลโดย iPAT ผู้อมตะสี่คนเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา ฟางหยวนเฝ้ามองพวกเขาด้วยการแสดงออกที่จริงจัง สถานการณ์นี้ไม่อยู่ในความคาดหมายของเขา “เหตุใดถึงมีผู้อมตะอยู่ที่นี่?” ฟางหยวนถามจิตวิญญาณสวรรค์ แต่จิตวิญญาณสวรรค์ยังนิ่งเฉย หลังจากไม่นานผู้อมตะทั้งสี่ก็มาถึงแต่ใบหน้าของพวกเขาไม่ปรากฏความเกลียดชัง ฟางหยวนเตรียมพร้อมรับมือแต่การแสดงออกภายนอกยังไม่เปลี่ยนแปลง “ข้านักโทษเฉินไคทักทายนายท่านจากเผ่าหลัก” ผู้นำกลุ่มคือผู้อมตะชรา เขาสวมมงกุฎทรงสูงบนศีรษะและมีเส้นผมสีขาว หลังจากเห็นฟางหยวน เขาแสดงความเคารพด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ‘นักโทษ?’ ฟางหยวนคิดเรื่องนี้แต่ยังตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่านายท่าน ข้าชื่อไห่เจิ้ง ข้าโชคดีได้รับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้พบกับผู้อมตะมากมายอยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้” ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของไห่เจิ้ง นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว ด้วยการคงอยู่ของสวรรค์สีเหลือง กระทั่งถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานจะแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แต่พวกเขายังสามารถหาข้อมูลของเผ่าไห่ เผ่าไห่จากไปแล้ว แต่นั่นไม่สามารถขัดขวางเขาจากการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน สิ่งสำคัญที่สุดฟางหยวนมีความทรงจำทั้งหมดของไห่เจิ้ง เขาสามารถปลอมตัวเป็นไห่เจิ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อบกพร่อง เฉินไคมองฟางหยวนและถอนหายใจด้วยความชื่นชม ไห่เจิ้งได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นหนุ่มรูปงามและสุภาพอ่อนโยน ตอนนี้ฟางหยวนปลอมตัวเป็นไห่เจิ้ง นี่ยิ่งทำให้ไห่เจิ้งตัวปลอมดูมีไหวพริบมากขึ้นไปอีก ด้วยรูปลักษณ์และบุคลิก เขาสามารถเอาชนะใจผู้คนได้อย่างง่ายดาย ท่ามกลางผู้อมตะสี่คน มีผู้อมตะหญิงสองคน เมื่อพวกนางเห็นรูปลักษณ์ของฟางหยวน หัวใจของพวกนางเต้นเร็วขึ้นทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกคนเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา เฉินซื่อกำลังจะเปิดปากกล่าวแต่ในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งกลับดังมาจากระยะไกล “นายท่าน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะไม่รู้! บรรพชนของพวกเรากระทำความผิดต่อเผ่าไห่ ย้อนกลับไปหลานสาวของบรรพชนไห่ฟาน ไห่เฟิงอวี๋นำวิญญาณทัศนคติออกไปท่องเที่ยวที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ แต่นางตกเป็นเป้าหมายของผู้อมตะลึกลับ สุดท้ายนางหายตัวไปขณะที่เผ่าไห่สูญเสียวิญาณทัศนคติ” “บรรพชนไห่ฟานพยายามตามหานางแต่กลับไร้ประโยชน์ บรรพชนของพวกเราไม่สามารถชดเชยความผิดนี้ ดังนั้นพวกท่านจึงยอมรับการลงโทษและถูกขังอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแห่งนี้ แต่พวกท่านยังใช้ชีวิตและมีทายาทสืบทอดอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด” “เป็นเช่นนั้น” ฟางหยวนเข้าใจในที่สุด มีผู้อมตะมาใหม่จำนวนสามคน สองชายและหนึ่งหญิง พวกเขาคือเฟิงจุน โจวหมิง และเฉิงเทา เฟิงจุนและโจวหมิงเป็นผู้อมตะระดับหก เฉิงเทาลอยอยู่ด้านนอกและดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่ม เขาเป็นผู้ตอบคำถามของฟางหยวน การบ่มเพาะของเฉิงเทาอยู่ในระดับเจ็ด เขามีหน้าตาธรรมดา หลังค่อม และมีเส้นเลือดบางๆปรากฏอยู่บนแผ่นหลังของเขา ชัดเจนว่าเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด! สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดปรากฏตัวอย่างเปิดเผยแต่ผู้อมตะคนอื่นๆกลับไม่สะทกสะท้าน ดูเหมือนพวกเขาจะคุ้นชินกันเป็นอย่างดี ‘เว้นเพียงคนผู้นี้ไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดเป็นหลักแต่มันเป็นเพียงเส้นทางรอง?’ ‘ถึงกระนั้นโดยปกติพวกเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยได้อย่างอิสระ’ ฟางหยวนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย หากอยู่ในห้าภูมิภาค ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดจะกลายเป็นเป้าหมายและถูกไล่ล่า แต่ดูเหมือนที่นี่จะแตกต่างออกไป เขาไม่ถูกเกลียดชังและกระทั่งมีผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสองคน สองคนนี้กล้าหาญมาก พวกเขาไม่กลัวว่าผู้นำของตนจะโจมตีและใช้ประโยชน์จากพวกเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง ผู้อมตะทั้งสามบินเข้ามาและทักทายฟางหยวนอย่างสุภาพ แต่ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าเฟิงจุนไม่มีความจริงใจ ตรงข้าม เขากระทั่งเกลียดชังฟางหยวน ในความเป็นจริงคนอื่นๆก็เป็นเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเฉิงไคหรือผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขาต่างระวังตัวจากฟางหยวน ขณะที่พวกเขาแสดงออกอย่างอ้อนน้อม พวกเขากลับมีเจตนาร้ายซ่อนอยู่ หลังจากทักทายฟางหยวน ผู้อมตะทั้งสามเริ่มพูดคุยกับเฉินไคและผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังเขา จากการแสดงออก ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกัน พวกเขาพูดคุยกันอย่างอบอุ่นแต่ฟางหยวนรู้ว่าในใจพวกเขากำลังเก็บรายละเอียด “ที่นี่มีผู้อมตะอยู่มากน้อยเท่าใด?” ฟางหยวนถาม “ไม่มาก นอกจากพวกเราทั้งเจ็ด ยังมีอีกสองคนเท่านั้น” เฉินไคตอบ “พวกเขาจะมาเร็วๆนี้ เมื่อท่านมาถึงที่นี่ จิตวิญญาณสวรรค์ออกมาต้อนรับท่านและส่งเสียงระฆังสิบครั้ง ตอนนี้พวกเขาอยู่บนภูเขามรดกอมตะ แต่พวกเขารู้ว่าเสียงระฆังหมายถึงสิ่งใด” ภูเขามรดกอมตะ? ฟางหยวนจดจำชื่อนี้แต่ไม่ได้ถามรายละเอียด ดังคาด ผู้อมตะอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองเป็นผู้ชาย พวกเขาแสดงความเคารพฟางหยวนเหมือนคนอื่นๆ หลังจากผู้อมตะทั้งหมดมารวมตัวกัน จิตวิญญาณสวรรค์ก็เริ่มเคลื่อนไหว เสียงระฆังดังขึ้นขณะที่มันลอยไปข้างหน้า “จิตวิญญาณสวรรค์ต้องการนำเราไปยังภูเขามรดกอมตะ นายท่านโปรดตามมา” เฉินไคกล่าว ฟางหยวนพยักหน้าและติดตามระฆังทองเหลืองไปอย่างระมัดระวัง ในสถานการณ์นี้เขาอยู่คนเดียวขณะที่อีกฝ่ายมีผู้อมตะเก้าคน สองคนระดับเจ็ดและเจ็ดคนระดับหก หากเกิดการต่อสู้อย่างกะทันหัน ผลลัพธ์จะไม่สามารถคาดเดา อย่างไรก็ตามแม้จิตวิญญาณสวรรค์จะไร้สติแต่มันยังสามารถต้อนรับฟางหยวน นี่แสดงให้เห็นว่ายังมีเจตจำนงของไห่ฟานเหลืออยู่ ก่อนหน้านี้ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นคนกลุ่มเดียวกัน สองคนสุดท้ายดูเหมือนจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาและสังเกตทุกการเคลื่อนไหว จิตวิญญาณสวรรค์บินไม่เร็วนัก ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงไม่ต้องใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและปล่อยให้มันบินอยู่ข้างๆ ในสถานการณ์นี้เขาไม่กล้าเก็บอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด หากมีบางสิ่งเกิดขึ้น แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะไม่สามารถสังหารศัตรู แต่มันยังเป็นผู้ช่วยชั้นยอด ระหว่างทาง ฟางหยวนพูดคุยกับกลุ่มผู้อมตะ แรกเริ่มพวกเขาระวังฟางหยวนมาก ทุกการสนทนามีระยะห่าง แต่ฟางหยวนคือผู้ใด? ในห้าร้อยปีก่อนหน้าเขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน เขามีทักษะในการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมอย่างน่าตกใจ ในไม่ช้าฟางหยวนก็สามารถสร้างความใกล้ชิด เสียงหัวเราะค่อยๆดังขึ้น “พี่หญิง ดูท่านไห่เจิ้ง เขาเป็นผู้อมตะจากเผ่าหลัก เขาช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ มีเพียงคนเช่นนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน” หนึ่งในกลุ่มผู้อมตะหญิงลอบพูดคุยกันอย่างลับๆ นี่คือผู้อมตะหญิงที่มากับเฉินซื่อ ผู้อมตะหญิงที่ถูกเรียกว่าพี่หญิงเป็นหญิงงามที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่านาง เมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ฮิฮิ ดูเหมือนเจ้าจะหลงเสน่ห์เขาเสียแล้ว เขาเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ แม้เขาจะยังเด็กแต่การบ่มเพาะของเขากลับถึงระดับนี้ เขามีเสน่ห์และช่างเจรจา น้ำเสียงของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกอยากพูดคุยกับเขา เห้อ…ข้าอยากรู้นักว่ามีคนเช่นเขาอยู่มากเท่าใด? ที่ภาคเหนือเป็นสถานที่เช่นไร?” หูของฟางหยวนกระตุก เขาตั้งใจฟังทุกถ้อยคำของผู้อมตะหญิงกลุ่มนี้ ผู้อมตะหญิงกลุ่มนี้ใช้วิธีถ่ายทอดเสียงที่ล้าหลัง นี่เป็นสาเหตุที่ฟางหยวนสามารถลอบฟังบทสนทนาของพวกนาง แม้ที่นี่จะเป็นถ้ำสวรรค์ วิญญาณระดับมนุษย์ไม่สามารถใช้งาน แต่ฟางหยวนไม่ถูกจำกัดด้วยเรื่องนี้ นี่ทำให้เขามีความมั่นใจบางอย่าง ในความเป็นจริงไม่เพียงผู้อมตะหญิงที่ลอบพูดคุยกัน ผู้อมตะคนอื่นๆก็พูดคุยกันอย่างลับๆเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้พูดมากเท่าผู้อมตะหญิงสองคนนี้ “ผู้ใดจะคิดว่าคนผู้นี้มีการบ่มเพาะระดับเจ็ด! ฝ่ายของเรามีเพียงผู้อาวุโสเฉินไคและพี่เฉิงเทาเท่านั้นที่สามารถแข่งขันกับเขา” “กระทั่งเขาจะไม่ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะออกมา เพียงอินทรีย์ที่บินอยู่ข้างกายเขาก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว” “อินทรีย์ตัวนี้แข็งแกร่ง ดูเหมือนมันจะเป็นสัตว์อสูรเดียวดายแต่กลิ่นอายของมันกลับไม่ธรรมดา” “พวกเรามีสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลอยู่ที่นี่ แต่กลิ่นอายของพวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับอินทรีย์น้อยตัวนี้” หลังจากพูดคุย บางคนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปและเปิดปากถาม “นายท่าน ข้าเห็นว่าอินทรีย์ของท่านไม่ธรรมดา กลิ่นอายของมันช่างยิ่งใหญ่นัก ข้าขอถามได้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด?” ผู้อมตะผู้นี้คือเฟิงจุน ฟางหยวนเผยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ช่างสายตาแหลมคมนัก เจ้าบอกได้ว่าอินทรีย์ของข้าไม่ธรรมดา แท้จริงแล้วมันคืออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมันหรือไม่? เมื่อมันโตเต็มที่ มันจะเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด แต่ตอนนี้มันสามารถใช้สำหรับการเดินทางเท่านั้น มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับสัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวอื่นๆของข้า” “สัตว์อสูรแรกกำเนิด!” กลุ่มผู้อมตะอ้าปากค้าง พวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจขณะจ้องมองอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอย่างระมัดระวัง ฟางหยวนกล่าวอย่างไม่เป็นทางการแต่มันเป็นการโยนระเบิดเข้าสู่จิตใจของผู้อมตะกลุ่มนี้ หลังจากนั้นเมื่อพวกเขาพูดคุยกับฟางหยวน น้ำเสียงของพวกเขากลายเป็นสุภาพมากขึ้น ฟางหยวนไม่ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าว เขายังเผยรอยยิ้มอบอุ่นเช่นก่อนหน้า แต่รอยยิ้มของเขากลับทำให้ผู้อมตะกลุ่มนี้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง “อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด สัตว์อสูรแรกกำเนิด!” “เขาคือผู้ใด? เขาสามารถกำหราบสัตว์อสูรแรกกำเนิดได้ด้วยตนเองงั้นหรือ!? ดูเหมือนในเผ่าหลัก สถานะของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!” —————พรุ่งนี้หยุด
คอมเม้นต์