Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1041
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1041 หวาดกลัวไปเองแปลโดย iPAT สถานการณ์ของฟางหยวนแปลกประหลาดมาก มันทำให้ฉีช่ายรู้สึกไม่สบายใจ ‘เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าชนิดใด? เหตุใดเขาจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางที่แตกต่างและไม่ต่อต้านกันเอง?’ ฉีช่ายดูเหมือนผ่อนคลายแต่ในใจกลับคิดหนักมาก ‘เท่าที่ข้ารู้ ในประวัติศาสตร์มีคนเพียงผู้เดียวที่สามารถทำสิ่งนี้ นั่นคือเทพปีศาจคลั่ง!’ เทพปีศาจคลั่งเป็นหนึ่งในผู้อมตะระดับเก้าที่โดดเด่น เขาบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและการเปลี่ยนแปลง ตามบันทึก เขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งต่างๆมากมาย สิ่งสำคัญก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ตัวอย่างเช่นเมื่อเทพปีศาจคลั่งเปลี่ยนเป็นหมาป่าสายฟ้า เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งสายฟ้า เมื่อเขาเปลี่ยนเป็นปูบึง เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปฐพี ในกระบวนการเหล่านี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เปลี่ยนแปลงไปจะไม่ต่อต้านซึ่งกันและกัน โดยปกติแล้วผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมักจะเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่นในสงครามชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ เจิ้งหลงสามารถเปลี่ยนเป็นมังกรขณะที่เจิ้งหูสามารถเปลี่ยนเป็นพยัคฆ์ สำหรับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่นอี้หลางซื่อ เขาสามารถเปลี่ยนเป็นหมาป่าสามชนิดที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแตกต่างกัน แต่เขาต้องใช้เวลาและวิธีการพิเศษเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าชนิดเดิมก่อนจะเปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่ นี่เป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมาตลอด เว้นเพียงผู้เดียว นั่นคือเทพปีศาจคลั่ง เขาสามารถเปลี่ยนร่างได้ตามใจปรารถนาโดยไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความแตกต่างของพลังงานแห่งเต๋า น่าเสียดายหลังจากเทพปีศาจคลั่งเสียชีวิต เขาไม่ได้ทิ้งวิธีการของเขาเอาไว้เบื้องหลัง ผู้คนมากมายพยายามเรียนรู้ แต่ไม่มีผู้ใดประสบความสำเร็จ ‘อย่าบอกว่าคนผู้นี้ได้รับมรดกของเทพปีศาจคลั่ง?’ ฉีช่ายคิดถึงเรื่องนี้และยิ่งระวังตัวมากขึ้น นอกเหนือจากคำอธิบายนี้ เขาไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่น ‘แน่นอนว่ามีวิธีการอีกมากมายบนโลกใบนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝึกฝนด้วยภูมิปัญญาโบราณ’ ฉีช่ายคิด แท้จริงแล้วการคาดเดาของเขาที่ว่าฟางหยวนได้รับมรดกจากเทพปีศาจคลั่งยังเป็นการประเมินที่ต่ำเกินไป ฟางหยวนสามารถทำเรื่องนี้เพราะเขาครอบครองวิญญาณทารกอมตะระดับเก้าของเทพปีศาจจิตวิญญาณ วิญญาณอมตะดวงนี้ไม่ธรรมดา! ไม่เพียงมันจะเป็นความหวังในการฟื้นคืนสู่ชีวิตของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่มันยังเป็นความหวังให้เขาก้าวข้ามผู้อมตะระดับเก้าทั้งหมดในประวัติศาสตร์! เขาสร้างวิญญาณอมตะดวงนี้ขึ้นมาจากภูมิปัญญาทั้งหมดของเขารวมถึงมรดกที่เขาได้รับจากผู้อมตะคนอื่นๆตลอดจนผู้อมตะระดับเก้าอีกจำนวนหนึ่ง นิกายเงาสามารถครอบครองมรดกที่แท้จริงบางส่วนของเทพปีศาจบัวแดงที่ลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์ นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากแล้วโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงมรดกของผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆ หลังจากหลายหมื่นปี เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถก่อตั้งนิกายเงาและกองกำลังพันธมิตรผีดิบก่อนจะสังเวยพวกเขาเพื่อวิญญาณทารกอมตะดวงนี้ อาจกล่าวได้ว่าวิญญาณทารกอมตะไม่ได้เกิดจากภูมิปัญญาของเทพปีศาจจิตวิญญาณเพียงผู้เดียวแต่ยังรวมไปถึงผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆอีกด้วย แม้เจตจำนงสวรรค์จะใช้ฟางหยวนเป็นเครื่องมือ แต่ในช่วงเวลาสำคัญ ฟางหยวนในฐานะปีศาจต่างโลกกลับหักหลังสวรรค์โดยการยึดครองวิญญาณทารกอมตะเอาไว้กับตนเอง แม้ฟางหยวนจะปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกออกมา แต่ฉีช่ายก็ไม่กล้าประมาท เขากำลังตรวจสอบฟางหยวน ฉีช่ายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แม้เขาจะไม่มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ด แต่เขายังมีวิญญาณอมตะระดับหก ก่อนหน้านี้มนุษย์โคลนก็ถูกสร้างขึ้นมาจากท่าไม้ตายอมตะของเขา อย่างไรก็ตามเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาใช้วิญญาณอมตะ วิญญาณอมตะคือไพ่ตายของผู้อมตะ พวกเขาจะใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น แน่นอนว่าพลังงานอมตะไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่สุดแต่พวกเขาจะใช้หลังจากตรวจสอบข้อมูลของศัตรูเรียบร้อยแล้ว ความสามารถและวิญญาณอมตะเป็นความลับของผู้อมตะ หากข้อมูลของพวกเขารั่วไหล ศัตรูจะสามารถตอบโต้ ในการต่อสู้ พวกเขาจะตรวจสอบซึ่งกันและกันเป็นอันดับแรก ขณะที่ฉีช่ายตรวจสอบฟางหยวน ฟางหยวนก็ตรวจสอบฉีช่าย เช่นเดียวกับฉีช่าย แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะ แต่เขาก็ยังไม่ได้ใช้งานพวกมัน วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบทรงพลัง แต่ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหก พลังงานอมตะของเขามีน้อยกว่าฉีช่าย หากไม่ได้รับหินวิญญาณอมตะจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ฟางหยวนจะแพ้การต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะทำให้ฉีอี้ที่เฝ้ามองอยู่รู้สึกตกตะลึงและอ้าปากค้างอยู่ในใจ โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยง ฉีช่ายค่อยๆตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แม้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์จะน่าอัศจรรย์เพียงใด พวกมันก็ไม่มีวิญญาณอมตะเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นพลังอำนาจของพวกมันจึงมีขีดจำกัด ในประวัติศาสตร์มีท่าไม้ตายระดับมนุษย์เพียงท่าเดียวที่สามารถเปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะ มันคือท่าไม้ตายรถม้ากระดูกขาวของเฉินเจียโอว คนผู้นี้เป็นปีศาจอมตะระดับแปดที่โดดเด่น ในแง่มุมนี้ กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเขา แม้ผู้อมตะระดับเก้าจะทรงพลังแต่พวกเขาก็ไม่ได้โดดเด่นในทุกแง่มุม ในอดีตเทพอมตะตะวันเดือดและเทพปีศาจปล้นสวรรค์ยังต้องขอให้บรรพชนผมยาวช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะให้กับพวกเขา ในทำนองเดียวกันแม้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของฟางหยวนจะไม่เท่าฉีช่าย แต่เขาก็มีวิธีการมากมายที่สามารถขยายขีดจำกัดของท่าไม้ตายระดับมนุษย์และสามารถรับมือศัตรูที่เหนือกว่า ฉีช่ายตระหนักถึงสถานการณ์ของตน เขาเริ่มขมวดคิ้วและโต้กลับ ท่าไม้ตายเขตแดน คุกพลังปราณ! พื้นที่รอบๆถูกผนึกไว้ด้วยพลังปราณที่โปร่งแสง ฟางหยวนเผยรอยยิ้ม เขาไม่ตกใจ ท่าไม้ตายเขตแดนนี้เป็นท่าไม้ตายระดับมนุษย์ มันมีผลกระทบต่อผู้อมตะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีเพียงผู้อมตะระดับหกที่ไร้วิญญาณอมตะในการครอบครองจึงจะรู้สึกถึงภัยคุกคาม นอกจากนั้นฟางหยวนก็มีท่าไม้ตายเขตแดนเช่นกัน เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเขตแดนหิมะของเซี่ยซ่งซื่อทันที ท่าไม้ตายเขตแดนคุกพลังปราณถูกผลักดันออกไปโดยมวลอากาศเย็น ฉีอี้กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ด้านหน้านาง สองเขตแดนกำลังผลักดันซึ่งกันและกัน ในมุมมองของฉีอี้ที่ยังไม่ต่างจากผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ท่าไม้ตายเขตแดนถือเป็นไพ่ตายสำหรับพวกเขา ผู้ใช้วิญญาณจะไม่ใช้มันออกมาโดยง่าย มิฉะนั้นศัตรูอาจได้รับข้อมูลและสามารถต่อต้าน ตอนนี้นางได้เห็นสองเขตแดนกำลังปะทะกัน นี่จึงทำให้นางรู้สึกได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง เมื่อเห็นว่าฟางหยวนยังไม่วิตก ฉีช่ายจึงหมดความอดทนและเป็นฝ่ายกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะเป็นคนแรก แต่เขาเป็นคนรอบคอบเช่นกัน เขาไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะแต่ใช้เพียงวิญญาณอมตะระดับหก มันเป็นวิญญาณอมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งพลังปราณ ฟางหยวนไม่รู้ว่ามันคือวิญญาณอมตะชนิดใด แน่นอนว่าฉีช่ายไม่โง่พอที่จะตะโกนชื่อของมันออกมา เมื่อวิญญาณอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน เขตแดนของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก ท่าไม้ตายเขตแดนหิมะของฟางหยวนไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป พลังปราณราวกับอสรพิษพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน นั่นทำให้ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติระดับเจ็ด ทันใดนั้นร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นเงาดาบพุ่งผ่านอากาศ “เร็วมาก!” ฉีอี้ตกใจมาก ในพริบตาฟางหยวนเกือบหายไปจากมุมมองสายตาของนางแล้ว มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด ความเร็วของมันย่อมไม่ธรรมดา ฉีช่ายตกใจเช่นกัน เขาคาดเดาว่าฟางหยวนอาจบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งหิมะ เส้นทางแห่งวายุ หรือเส้นทางแห่งความมืดเพราะฟางหยวนเคยใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์บนเส้นทางเหล่านี้มาก่อน แต่โดยไม่คาดคิด ฟางหยวนกลับมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ และมันยังเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด! ‘อันใด!? เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดาบงั้นหรือ?’ ฉีช่ายรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก หลังจากตรวจสอบเป็นเวลานาน เขาได้รับข้อมูลบางอย่างของฟางหยวน แต่เมื่อฉีช่ายแสดงพลังอำนาจที่แท้จริงออกมา ฟางหยวนกลับใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ นอกจากนั้นเขายังเคลื่อนไหวเร็วมาก! ‘หากเป็นก่อนหน้าข้าคงทำได้เพียงมองดูเขาจากไป เป็นโชคร้ายของเจ้าที่ท่าไม้ตายอมตะของข้าเสร็จสมบูรณ์เมื่อสามปีก่อน’ ฉีช่ายหัวเราะก่อนจะอ้าปากและปลดปล่อยพลังงานลึกลับเข้าไปในร่างของราชสีห์ปราณ ราชสีห์ปราณคำรามด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนที่มันจะทะยานร่างไปข้างหน้า ภายใต้การควบคุมของฉีช่าย ความเร็วของราชสีห์ปราณพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ราชสีห์ปราณไล่ล่าฟางหยวนด้วยความเร็วสูง เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกปวดหัว ฉีช่ายใช้วิญญาณอมตะของเขาอีกครั้งและส่งอสรพิษปราณพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน ‘เขาไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะ นี่เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก มันเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะต้องควบคุมวิญญาณจำนวนมากและทำให้เขาต้องเพ่งความสนใจกับมันมากเกินไปงั้นหรือ?’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น ในช่วงเวลาคับขัน ฟางหยวนยังสามารถรักษาความสงบและวิเคราห์การเคลื่อนไหวของศัตรู เมื่อผู้อมตะใช้วิญญาณอมตะ กลิ่นอายของมันจะปะทุออกมา สำหรับท่าไม้ตายอมตะ กลิ่นอายของมันจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ฉีช่ายจึงสัมผัสได้ว่าฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ ในทำนองเดียวกันฟางหยวนก็ตระหนักว่าฉีช่ายมีวิญญาณอมตะระดับหกเพียงดวงเดียว แน่นอนว่านี่เป็นกรณีทั่วไปเท่านั้น มีหลายวิธีที่สามารถปกปิดกลิ่นอายของวิญญาณอมตะและทำให้คู่ต่อสู้เข้าใจผิด วิญญาณอมตะดาบบิน! ฟางหยวนชี้นิ้วและส่งดาบสีเงินพุ่งออกไป อสรพิษปราณของฉีช่ายถูกตัดเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย หัวใจของฉีช่ายสั่นสะท้านขึ้น ‘เขายังมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบอีกดวงเช่นนั้นหรือ?’ ‘เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดาบจริงๆงั้นหรือ?’ ‘แล้วเหตุใดเขาไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะ?’ ‘เหตุใดพวกมันจึงเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด?’ ‘อย่าบอกข้าว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่จงใจปกปิดกลิ่นอายของตนเพื่อล่อลวงศัตรู!’ ฉีช่ายไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ที่แท้จริงของฟางหยวน เขาเป็นคนขี้ระแวงและมีแนวโน้มที่จะคิดไปในแง่ร้ายมากกว่าแง่ดี ดังนั้นยิ่งเขาคิดมากเท่าใด เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
คอมเม้นต์