Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1013
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1013 ความทรงจำสีเทาแปลโดย iPAT ภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงร่างกายของผู้อมตะจะถูกขังไว้ใต้ดิน จิตใจของพวกเขายังได้รับผลกระทบ หากไม่สามารถนึกคิด แล้วพวกเขาจะกระตุ้นใช้วิญญาณได้อย่างไร? มีเพียงวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่สามารถช่วยเหลือในสถานการณ์นี้ แต่มันยังมีเงื่อนไขว่าต้องกระตุ้นใช้ทักษะเหล่านั้นล่วงหน้า มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถปลดปล่อยตนเองจากคุกปฐพี สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้และนี่ยังเป็นเพียงภัยพิบัติใหญ่ไม่ใช่หมื่นภัยพิบัติ “บัดซบ!” อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องและดิ้นรนต่อสู้แต่กลับไร้ประโยชน์ เขายังจมลงไปใต้ดินอย่างต่อเนื่อง “หยุดดิ้นรน หยุดคิด มันจะทำให้สถานการณ์ของเราเลวร้ายลง” โป้ชิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างสงบ กล่าวอีกอย่าง ดวงวิญญาณของโม่เหยาสงบมาก นางเต็มไปด้วยประสบการณ์ เมื่อนางยังมีชีวิต นางช่วยสามีของนางก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติ นางเคยเห็นภัยพิบัติที่น่ากลัวกว่านี้มาแล้ว หากเปรียบเทียบ ภัยพิบัติใหญ่คุกปฐพีครั้งนี้ยังอ่อนโยนมาก “พวกเราทำได้เพียงหวังว่าร่างหลักจะช่วยเหลือพวกเรา” อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจและมองไปที่เทพปีศาจจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตามขาของเทพปีศาจจิตวิญญาณก็จมลงไปใต้ดินเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้นขาซ้ายของเขายังถูกเย็บติดกับพื้นดินอีกด้วย นี่คือการโจมตีจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังร้อยไหม แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะทรงพลัง แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้ในเวลาเดียวกัน ดวงตาหนึ่งคู่ของเทพปีศาจจิตวิญญาณมองไปที่หอคอยดวงตาสวรรค์เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมันขณะที่ดวงตาอีกสองคู่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า บนท้องฟ้ามีกลุ่มเมฆสีเทาที่กำลังเคลื่อนตัวลงมา หมื่นภัยพิบัติครั้งที่สองเริ่มขึ้นแล้ว! แต่มันแตกต่างจากคุกพายุสายฟ้าที่รวดเร็วและรุนแรง กลุ่มเมฆสีเทาเคลื่อนที่ช้ามาก เทพปีศาจจิตวิญญาณยังไม่ขยับเขยื้อน เขายืนอยู่เงียบๆราวกับภูเขาที่เงียบสงบ “ร่างหลักของเราถูกโจมตีงั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยตะโกนด้วยความกังวล “นี่เป็นโอกาสดี เหตุใดไม่ตอบโต้?” กระทั่งกลุ่มเมฆสีเทาเคลื่อนที่ลงมาปกคลุมร่างกายของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อนแต่ยังควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ตลอดเวลา ผู้อมตะวังสวรรค์ใช้การเคลื่อนไหวบนเส้นทางแห่งภูตผีของหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งภูตผีของเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ในระดับปรมาจารย์เอก แล้วหอคอยดวงตาสวรรค์จะสามารถต่อต้านเทพปีศาจจิตวิญญาณได้อย่างไร “หมื่นภัยพิบัติมาถึงแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยกัดฟันกล่าวเมื่อเห็นกลุ่มเมฆสีเทาเคลื่อนที่ลงมาอย่างช้าๆ โป้ชิงแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด ภัยพิบัติใหญ่คุกปฐพีทำให้พวกเขากลายเป็นไร้พลังอำนาจ เมื่อหมื่นภัยพิบัติมาถึง มันจะเป็นเวลาตายของพวกเขาหรือไม่? เมฆสีเทาเคลื่อนตัวลงมาแต่ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา “เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดหมื่นภัยพิบัติไม่เป็นอันตราย?” อิงอู๋เซี่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าไม่เกิดสิ่งใดขึ้น โป้ชิงไม่ตอบ ผู้อมตะวังสวรรค์ตระหนักถึงภับพิบัตินี้แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่ตอบคำถามอิงอู๋เซี่ย “นี่คือภัยพิบัติความทรงจำสีเทางั้นหรือ?” ผู้อมตะวังสวรรค์บางคนจดจำมันได้ “ความทรงจำสีเทา?” บางคนตอบ “ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าได้รับมรดกของผู้อมตะระดับแปด ผู้อมตะผู้นี้ล้มเหลวในการก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติความทรงจำสีเทา ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขาทิ้งมรดกเอาไว้ ภัยพิบัตินี้ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายแต่มันจะดึงความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดของผู้คนออกมาทำร้ายจิตใจพวกเขา” “อย่าดูแคลนภัยพิบัตินี้ ผู้อมตะระดับแปดผู้นั้นใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีในความทรงจำสีเทาก่อนจะสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทั้งหมดและไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป” “กล่าวไปแล้ว ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดก็คือตัวของเราเอง สำหรับมนุษย์ แม้คนผู้หนึ่งจะบรรลุระดับเก้า แต่พวกเขาย่อมมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่อ่อนแอ เทพปีศาจจิตวิญญาณเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งโลก ผู้คนคาดเดาว่าเขามีปมในใจในวัยเยาว์” “ผู้ใดบ้างที่ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ? ผู้ใดบ้างที่ไม่มีความทรงจำที่น่าอับอาย? ผู้ใดบ้างที่ไม่เคยทำสิ่งผิดพลาด? มันน่าทึ่งมาก! ภัยพิบัตินี้น่าทึ่งอย่างแท้จริง! บางทีเทพปีศาจจิตวิญญาณอาจสะดุดล้มอยู่ที่นี่!” หมื่นภัยพิบัติ ความทรงจำสีเทา! เพราะเทพปีศาจจิตวิญญาณตระหนักถึงภัยพิบัตินี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคลื่อนไหว เขารู้ว่าไม่มีการโจมตีใดสามารถทำลายภัยพิบัตินี้ มีเพียงการเผชิญหน้ากับอดีตที่เจ็บปวด น่าอาย และผิดพลาดของตนเองเท่านั้นจึงจะสามารถผ่านพ้นภัยพิบัตินี้ไปได้ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเทพปีศาจจิตวิญญาณคือฉากเหตุการณ์ในวัยเด็กของเขา “ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปิดล้อมครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิกสามคน ดวงตาของพวกเขาเป็นสีแดงขณะที่พวกเขาคำรามอย่างดุร้าย “ท่านพ่อ ท่านไม่สามารถฆ่าท่านแม่!” เด็กผู้หนึ่งปกป้องมารดาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและตะโกนด้วยพลังทั้งหมด “ฮืม ผู้คนบนเส้นทางปีศาจต้องถูกประหารชีวิต! พวกเราฝ่ายธรรมะต้องรักษาความยุติธรรมและกวาดล้างความชั่วร้าย! เหตุใดพวกเราจะไม่สามารถสังหารนาง? ไม่เพียงพวกเราจะสามารถฆ่านาง แต่พวกเราต้องฆ่านาง! มีเพียงการฆ่านางเท่านั้นจึงจะสามารถกำจัดความอัปยศของตระกูล!” ผู้นำกลุ่มผู้ใช้วิญญาณกล่าวด้วยน้ำเสียงอันชอบธรรม เขาเป็นปู่ของเด็กน้อยและเป็นผู้นำตระกูล คำกล่าวของผู้นำตระกูลได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้อาวุโสของตระกูล พวกเขายกแขนขึ้นและตะโกน “ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” “ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” “พรวด!” เสียงเลือดพุ่งออกมาจากร่าง เด็กน้อยรีบหันหลังกลับก่อนที่รูม่านตาของเขาจะหดเล็กลง เขาเห็นบิดาของตนใช้กริชแทงเข้าไปในหัวใจของมารดาด้วยน้ำตาที่ไหลนอง เด็กน้อยอ้าปากกรีดร้องแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเด็กน้อยกลายเป็นเงียบงัน เห็นได้ชัดว่าเด็กผู้นี้ก็คือเทพปีศาจจิตวิญญาณในวัยเยาว์ ภายใต้อิทธิพลของภัยพิบัติความทรงจำสีเทา บาดแผลในวัยเด็กของเขาถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นเมฆสีเทายังแสดงฉากต่อไป หลายปีต่อมา เด็กหนุ่มเติบโตขึ้นเล็กน้อย เขายืนอยู่ต่อหน้าปู่ของเขาด้วยความเคารพ ปู่ของเขาดื่มชาและถามอย่างไม่เป็นทางการ “ข้าให้เจ้าอ่านประวัติศาสตร์ของตระกูลเรา เจ้าได้เรียนรู้สิ่งใดบ้าง” “ท่านปู่” เด็กชายทำความเคารพก่อนกล่าว “ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข้าได้เรียนรู้มากมาย” “โอ้ รีบบอกข้า” ชายชราถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เมื่อมองไปในประวัติศาสตร์ มีกฎที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันข้อหนึ่ง นั่นคือการฆ่า” เด็กชายกล่าวอย่างสงบ “ฆ่า?” ชายชราขมวดคิ้ว “อธิบายให้ข้าฟัง” “ทราบแล้ว” เด็กชายกล่าวต่อ “เมื่อเราหิว เราต้องการอาหาร เราจะฆ่าเหยื่อ เมื่อเรามีศัตรู เราจะฆ่าศัตรูเพื่อกำจัดภัยคุกคาม เมื่อโลกสงบสุข ราชาจะฆ่าขุนศึกของตนเพื่อความมั่งคง…” เด็กชายกล่าวอย่างช้าๆแต่เขาไม่ได้สังเกตว่าคิ้วของชายชรายิ่งขมวดแน่นมากขึ้น เด็กชายยังกล่าวต่อ “ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่เจ้าฆ่าข้า ข้าฆ่าเจ้า วีรบุรุษคือสิ่งใด? พวกเขาก็คือบุคคลที่สามารถฆ่าศัตรูส่วนใหญ่ ผู้แพ้คือสิ่งใด? พวกเขาก็คือฝ่ายตรงข้ามที่ถูกฆ่า” “คำว่าฆ่าเป็นคำๆเดียวแต่มันกลับมีความหมายลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ จะฆ่าได้อย่างไร? คนผู้หนึ่งต้องใช้วิญญาณและลงมือด้วยตนเองหรือจ้างผู้ใช้วิญญาณคนอื่น เพื่อบรรลุเป้าหมาย บางครั้งเราไม่สามารถฆ่าได้ทันทีเพราะมันจะดึงดูดความเดือดร้อน ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะลอบสังหาร การลอบสังหารมีหลายรูปแบบ…” “พอแล้ว!” ชายชราตะโกนด้วยความโกรธและโยนถ้วยชาลงบนพื้น ชายชราผุดลุกขึ้นยืนและชี้นิ้วไปที่เด็กชาย “ข้าให้เจ้าอ่านมันเพื่อรำลึกและชื่นชมความสำเร็จของบรรพชน ข้าต้องการให้เจ้าเรียนรู้ความอ่อนน้อมและความซื่อตรง ข้าต้องการให้เจ้าได้เห็นความรุ่งโรจน์ของฝ่ายธรรมะ แต่เจ้ากลับเรียนรู้เรื่องการฆ่างั้นหรือ? นี่เป็นความคิดที่บิดเบี้ยว! เจ้า…เจ้า…เจ้าจะถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือนและจงใช้ช่วงเวลานี้สำนึกผิด!” “ทราบแล้ว ท่านปู่” เด็กชายกล่าวเบาๆแต่ดวงตายังส่องประกายด้วยความดื้อรั้น ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง หลายปีต่อมา เด็กชายผู้นี้กลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง “ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็สามารถหลอมรวมวิญญาณเก็บซ่อนกลิ่นอาย ข้าจะทำให้ท่านปู่ตกใจกับการศึกษาด้วยตนเองของข้า!” เด็กชายลอบเข้าไปในห้องทำงานของปู่ “โอ้ ไม่ ข้าเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งแต่ท่านปู่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ มันเป็นเรื่องง่ายมากที่ท่านปู่จะพบข้า ข้าควรซ่อนตัวอยู่หลังประตูลับและกระโดดออกมาเพื่อทำให้ท่านปู่ตกใจในภายหลัง” เด็กชายเปลี่ยนใจและเข้าไปซ่อนตัวหลังประตูลับ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียง สองคนเดินเข้ามาในห้อง ปู่ของเขาเดินเข้ามาด้วยความเร่งร้อน “บุตรทรยศผู้นี้ เขาต้องการกบฎจริงๆงั้นหรือ? เขาต้องการทำร้ายพ่อของเขางั้นหรือ?” ผู้นำตระกูลโกรธมากและทุบโต๊ะอย่างแรง “ท่านผู้นำ ตอนนี้ข่าวเรื่องท่านครอบครองวิญญาณอายุยืนแปดสิบปีกระจายออกไปแล้ว มันสามารถยืนยันได้ว่าเขาทรยศท่าน” เสียงแหบห้าวดังขึ้น เด็กชายรู้ทันทีว่านี่คือผู้อาวุโสคนสนิทของผู้นำตระกูล “ฮืม บุตรทรยศผู้นี้ เขาต้องการยึดอำนาจของข้า นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้นำตระกูลตะโกน “ท่านผู้นำ มีตัวตนระดับสูงหลายคนสนับสนุนเขา” เสียงแหบห้าวกล่าวต่อ หลังจากชั่วครู่ ปู่ของเด็กชายจึงเปิดปากกล่าวอย่างเคร่งขรึม “อิทธิพลของเขาไม่ควรถูกมองข้าม หากเราปราบปรามเขาอย่างเปิดเผย ไม่เพียงชื่อเสียงของเราจะเสียหาย มันยังจะสร้างความขัดแย้งภายในและทำให้ตระกูลอ่อนแอลง ฮืม…ไปเตรียมการ พวกเราจะลอบสังหารเขา เมื่อเขาตาย ผู้อาวุโสคนอื่นๆจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับความพ่ายแพ้!” “ท่านผู้นำช่างฉลาดปราดเปรื่อง!” หลังประตูลับ เด็กชายปิดปากของตนขณะที่ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
คอมเม้นต์