Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1009
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1009 มือยักษ์แปลโดย iPAT “มันจบแล้ว” เจ้าวังสวรรค์มองไปที่สนามรบ ในมุมมองสายตาของเขา เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว โป้ชิง เทพเจ็ดดารา และคนอื่นๆนอนเป็นซากศพอยู่บนพื้น อีกด้านหนึ่ง สนามรบแห่งความโกลาหลได้รับความเสียหายอย่างหนัก ศพของคนที่อยู่ภายในถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ เมฆสีดำบนท้องฟ้าเบาบางลงขณะที่แสงสีทองพุ่งลงมาจากท้องฟ้า “นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ท้าทายสวรรค์ ฮ่าฮ่าฮ่า” เจ้าวังหัวเราะเสียงดัง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ เขากลับขมวดคิ้วและรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ “โอ้ เดี๋ยว ไม่ใช่ว่าหอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับความเสียหายและไม่สามารถใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?” “ยัง…ข้ายังไม่สามารถหัวเราะ มีบางอย่างผิดปกติ เกิดสิ่งใดขึ้น?” ในจังหวะนี้เจ้าวังจึงได้ยินเสียงอันแผ่วเบาลอยลงมาจากท้องฟ้า “ท่านเจ้าวัง ท่านต้องตื่นขึ้นมา…” “ตื่นเร็ว!” “ตื่น? ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้าก็ตื่นอยู่งั้นหรือ?” เจ้าวังรู้สึกประหลาดใจและสงสัยมาก ทันใดนั้นร่างของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้นเมื่อตระหนักถึงความจริง ศัตรูเสียชีวิตง่ายเกินไปโดยเฉพาะสมาชิกนิกายเงา หลังจากทั้งหมดพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากบุคคลผู้นั้น! นอกจากนี้ผู้อมตะวังสวรรค์ยังหายตัวไปและเหลือเขาเพียงผู้เดียวที่อยู่ในหอคอยดวงตาสวรรค์ “ข้าอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน! แต่ข้าจะออกไปได้อย่างไร?” เจ้าวังเริ่มกังวล แม้เขาจะรู้ว่าตนเองติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน แต่เขาไม่มีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันเช่นฟางหยวน เขาไม่สามารถหลบหนีออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน โลกแห่งความจริง เจ้าวังกำลังหลับสนิท เขานอนกรนเสียงดังอยู่บนพื้นโดยมีผู้อมตะวังสวรรค์ยืนอยู่รอบๆ เจ้าวังไม่เพียงแก่ชราแต่เขายังเหนื่อยมาก ก่อนหน้านี้เพื่อซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม เขาหลอมรวมวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเขายังต้องฟื้นฟูหอคอยดวงตาสวรรค์ ปกป้องนิกายบัวสวรรค์ และต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มของโป้ชิง หลังจากนั้นเขาค้นพบผู้อยู่เบื้องหลังนิกายเงาและระดมผู้อมตะของวังสวรรค์เพื่อใช้หอคอยดวงตาสวรรค์เดินทางมายังภูเขาอี้เทียนทันที เมื่อเขามาถึง เขาต้องควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์และเข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่ ดังนั้นในช่วงเวลาที่เขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ร่างกายของเขาจึงได้รับการพักผ่อน เขาหลับสนิทและกระทั่งกรนเสียงดัง ผู้อมตะวังสวรรค์พยายามปลุกเขา บางคนเทน้ำใส่หน้าเขา บางคนลองใช้ไฟเผา บางคนตะโกนจนคอเจ็บ พวกเขาพยายามทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถปลุกเจ้าวังให้ตื่นขึ้น นี่คือพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝัน มันเกินกว่าความเข้าใจของคนยุคนี้ไปแล้ว กระทั่งผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ก็ไม่สามารถทำสิ่งใด ดังนั้นฉากที่น่าขันจึงเกิดขึ้น ภายนอกหอคอยดวงตาสวรรค์ ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายายังแข็งแกร่ง เมฆสีดำยังปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด ขณะที่ภัยพิบัติใหญ่ยังไม่หยุด หอคอยดวงตาสวรรค์ลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อน ภายในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะวังสวรรค์กำลังวิตกกังวลและพยายามปลุกเจ้าวังให้ตื่นขึ้น ด้านนิกายเงา บรรยากาศของพวกเขาไม่มืดมนอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายมาก “อิงอู๋เซี่ย เก่งมาก!” “นี่คือพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝันงั้นหรือ? น่าทึ่ง!” “อา…ในที่สุดเจ้าก็บรรลุระดับแปด” สมาชิกนิกายเงายืนล้อมวงรอบอิงอู๋เซี่ย บางคนรู้สึกผ่อนคลายจากสถานการณ์ก่อนหน้า บางคนรู้สึกหวาดกลัวต่อพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝัน บางคนตบไหล่อิงอู๋เซี่ยและชื่นชมอย่างไม่หยุดหย่อน หลังจากต่อสู้มาเป็นเวลานาน กายาแห่งความฝันของอิงอู๋เซี่ยก็บรรลุระดับแปด ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันระดับแปด หลังจากล้มเหลวสองครั้ง เขาประสบความสำเร็จในครั้งที่สามและสามารถนำดวงวิญญาณของเจ้าวังสวรรค์เข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ผลลัพธ์เกิดขึ้นทันที หอคอยดวงตาสวรรค์หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ นี่ทำให้แรงกดดันของนิกายเงาลดลงอย่างมาก ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราถาม “เจ้าวังสวรรค์จะถูกขังไว้นานเท่าใด?” อิงอู๋เซี่ยตอบ “เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีประสบการณ์สูง อาณาจักรแห่งความฝันสามารถกักขังเขาไว้ได้หลายนาที แต่กระทั่งเขาจะสามารถหลบหนีออกมา ข้าก็จะนำวิญญาณของเขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้งและอีกครั้ง” “ดี ม่านเยี่ยนซื่อไม่ได้สร้างเจ้าขึ้นมาอย่างไร้ประโยชน์!” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราถอนหายใจ ในเวลานี้หอคอยดวงตาสวรรค์เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง “เกิดสิ่งใดขึ้น?” สมาชิกนิกายเงาตกใจ บางคนมองไปที่อิงอู๋เซี่ยและถาม “เจ้าวังสวรรค์ออกมาจากอาณาจักรแห่งความฝันแล้วงั้นหรือ?” ก่อนหน้านี้การโจมตีของอิงอู๋เซี่ยไร้ประโยชน์กับฟางหยวน นั่นทำให้ความมั่นใจของสมาชิกนิกายเงาลดลง แต่ครั้งนี้อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะด้วยความมั่นใจ “เจ้าวังสวรรค์ยังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน ดูเหมือนคนอื่นจะบังคับหอคอยดวงตาสวรรค์แทนเขา” ถูกต้อง เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถปลุกเจ้าวังให้ตื่นขึ้น ผู้อมตะวังสวรรค์คนอื่นๆจึงเข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ หอคอยดวงตาสวรรค์ไม่ได้เป็นของเจ้าวังเพียงผู้เดียว หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวเสียชีวิต หอคอยดวงตาสวรรค์กลายเป็นสมบัติสาธารณะของวังสวรรค์ ตอนนี้เจ้าวังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน ผู้อมตะวังสวรรค์คนอื่นๆมีสิทธิ์เข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ด้วยความชอบธรรม แต่หลังจากไม่นานหอคอยดวงตาสวรรค์ก็หยุดเคลื่อนไหวอีกครั้ง กลุ่มของฟางหยวนเห็นสถานการณ์นี้เช่นกัน ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานแสดงออกด้วยความสงสัย “วังสวรรค์พยายามทำสิ่งใด?” ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม “ดูเหมือนนิกายเงาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งความฝันจัดการผู้อมตะวังสวรรค์เช่นเดียวกับที่พวกเขาพยายามทำกับข้า แต่…เหตุใดพวกเขาไม่เล็งเป้าไปที่วังสวรรค์ตั้งแต่แรก?” “นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องกังวลในเวลานี้! พวกเราสูญเสียสนามรบแห่งความโกลาหลไปแล้ว นิกายเงาก็สูญเสียเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ เหลือเพียงวังสวรรค์ที่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่พวกเขาถูกขัดขวางโดยนิกายเงา พวกเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ฟางหยวน เจ้าสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะหรือไม่?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล “ข้าไม่สามารถทำได้” ฟางหยวนส่ายศีรษะและถอนหายใจ “ตอนนี้พวกเรากลายเป็นเนื้อสดที่วางอยู่บนเขียง” ไห่ลั่วหลันเผยรอยยิ้มขมขื่นก่อนที่ดวงตาของนางจะส่องประกายขึ้นพร้อมกับกำหมัดแน่น “น่าเสียดายที่ไห่เจิ้งยังไม่ตาย ข้าไม่สามารถแก้แค้นให้ท่านแม่ก่อนตาย!” ฟางหยวนมองไห่ลั่วหลันแต่เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใด หลังจากภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สาม เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์และสนามรบแห่งความโกลาหลพังทลายลง ตอนนี้เหลือเพียงหอคอยดวงตาสวรรค์เท่านั้น หอคอยดวงตาสวรรค์เป็นความหวังของฟางหยวน แต่ความหวังของเขากลับสูญสลายไปในอากาศ โดยยังไม่ต้องพิจารณาถึงภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่ซึ่งฟางหยวนและคนอื่นๆไม่มีโอกาสอยู่รอด ‘จะเป็นเช่นนี้จริงๆงั้นหรือ?’ ฟางหยวนตรวจสอบวิญญาณกาลเวลาแต่มันยังไม่ฟื้นตัวและไม่สามารถใช้งาน ทันใดนั้นเสียงพิณพลันดังลงมาจากท้องฟ้า ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแต่ท้องฟ้ากลับเต็มไปด้วยแสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน “โอ้ ไม่ ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาไม่สามารถปิดกั้นการโจมตีบนเส้นทางแห่งเสียงได้ทั้งหมด ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่คือภัยพิบัติพิณทะลวงใจ!” “นอกจากนั้นยังมีดวงดาวบนท้องฟ้าในเวลากลางวัน นี่คือภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่ห้า ภัยพิบัติสายธารแห่งดวงดาว!” “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่และห้ามาพร้อมกัน!” เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้อมตะนิกายเงาอุทานด้วยความตกใจ มันทำให้พวกเขาลืมเรื่องของวังสวรรค์กับฟางหยวนไปชั่วขณะ ในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะวังสวรรค์สูดหายใจลึก ภัยพิบัติครั้งนี้รุนแรงเกินไป ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่รุนแรงกว่าภัยพิบัติใหญ่สามครั้งก่อนหน้ารวมกัน แต่ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่ห้ายิ่งรุนแรงมากกว่า สิ่งสำคัญที่สุดพวกมันยังเกิดขึ้นพร้อมกัน! “นิกายเงาพยายามหลอมรวมสิ่งใด? เหตุใดสวรรค์จึงโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้?” ผู้อมตะวังสวรรค์และฟางหยวนเต็มไปด้วยคำถาม ภัยพิบัติใหญ่ทั้งสองยังไม่ได้โจมตีแต่กำลังสะสมพลังงาน การแสดงออกของสมาชิกนิกายเงากลายเป็นเคร่งเครียด พวกเขาแทบไม่สามารถต่อต้านภัยพิบัติใหญ่สามครั้งแรก แล้วพวกเขาจะทำเช่นไรกับภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง “ดูเหมือนพวกเรากำลังจะตาย” ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ ฟางหยวนชำเลืองมองไห่ลั่วหลันแต่เขามีความคิดที่แตกต่าง ไม่ว่านิกายเงาพยายามหลอมรวมสิ่งใด แต่พวกเขาก็ได้สร้างค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาและบูชายัญกองกำลังพันธมิตรผีดิบรวมถึงผู้อมตะภาคใต้ทั้งหมด นอกจากนี้พวกเขายังเสียสละคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งเจ็ดหลัง ราคาที่พวกเขาจ่ายเป็นสิ่งที่เหนือกว่าจินตนาการของผู้ใด หากฟางหยวนไม่เห็นมันด้วยตาของตนเอง เขาจะไม่เชื่อหากบางคนกล่าวถึงเรื่องนี้ เนื่องจากนิกายเงายินดีจ่ายด้วยราคามหาศาล พวกเขาย่อมไม่ยอมแพ้ เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงพิณทะลวงผ่านค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาและพุ่งเข้าสู่จิตใจของกลุ่มผู้อมตะ การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป พวกเขารู้สึกวิงเวียนและแทบไม่สามารถประคองร่างยืนอยู่ บางคนล้มลงทันที ภัยพิบัติพิณทะลวงใจเริ่มขึ้นแล้ว บนท้องฟ้า แสงดาวพุ่งลงมาราวกับคลื่นยักษ์ ภัยพิบัติสายธารแห่งดวงดาว! สมาชิกนิกายเงาเตรียมพร้อมสำหรับความตายและทะยานร่างเข้าเผชิญหน้า เหลือเพียงอิงอู๋เซี่ยที่ถูกทิ้งไว้ให้จัดการวังสวรรค์ “โดยปราศจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเราจะรอดชีวิตจากภัยพิบัตินี้ได้อย่างไร? ฮ่าฮ่าฮ่า ตายในภัยพิบัติสวรรค์พิภพยังดีกว่านอนตายอยู่บนเตียงด้วยความแก่ชรา” เทพธิดาหลี่ซานเริ่มรู้สึกมึนงง เลือดไหลออกมาจากทวารเจ็ดของนาง นางยอมรับความพ่ายแพ้เรียบร้อยแล้ว ส่วนคนอื่นๆ พวกเขายังพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้กลิ่นอายที่ทรงพลังกลับพุ่งขึ้นมาจากซากปรักหักพังของภูเขาอี้เทียน มันคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา! ประตูทางเข้าถูกเปิดออก สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่าง ใบหน้าของผู้อมตะระดับแปดวังสวรรค์ยังกลายเป็นซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว สมาชิกนิกายเงารู้สึกมีความสุข “ร่างหลักของเราปรากฏแล้ว!” “บึม!” มือภูตผีขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากประตูทางเข้าออกของแดนศักดิ์สิทธิ์ กลิ่นอายระดับเก้าปะทุขึ้น คลื่นกระแทกระเบิดออกไปทั่วสนามรบ หินระเบิดตกและกลายเป็นฝุ่นผงลอยขึ้นสู่อากาศ “นี่…นี่คือ…” ไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงตกตะลึง “เทพปีศาจจิตวิญญาณ!” ในหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังที่พึ่งตื่นขึ้นรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่พุ่งเข้าสู่จิตใจขณะที่เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของมือภูตผีออกมาทันที
คอมเม้นต์