Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 996
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 996 บ่มเพาะจิตวิญญาณแปลโดย iPAT ภาคกลาง วังสวรรค์ “ท่านเจ้าวัง ยอมแพ้เถอะ เราไม่สามารถช่วยวิญญาณอมตะดวงนี้” ไป่เฉินเทียนกล่าว แต่เจ้าวังไม่ตอบ ตอนนี้ในมือของเขามีวิญญาณอมตะที่ถูกผ่าครึ่งและดูเหมือนกำลังจะตายวางอยู่ ใบหน้าของเหลียนจิ่วเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล เขามีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ตามความคิดเห็นของเขา วิญญาณอมตะดวงนี้ไม่สามารถช่วยได้ กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่สามารถทำสิ่งใดแม้จะทุ่มเทความพยายามทั้งหมดก็ตาม แต่เจ้าวังยืนกรานที่จะพยายาม เจ้าวังเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาระดับแปด ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่บรรลุถึงระดับนี้จะสามารถใช้ประโยชน์จากเส้นทางสายอื่นอย่างน้อยก็ขั้นพื้นฐาน โดยธรรมชาติตัวตนระดับนี้จะไม่มีจุดอ่อน เขาสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาจำลองวิธีบนเส้นทางความแข็งแกร่งหรือเส้นทางสายอื่น บางครั้งมันยังยอดเยี่ยมกว่าทักษะดั่งเดิมของเส้นทางสายนั้นๆ เหลียนจิ่วเฉิงไม่สามารถช่วยชีวิตวิญญาณอมตะดวงนี้แต่เจ้าวังที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญายังมีความหวัง เว้นเพียงว่าวิธีที่เขาใช้มีความเสี่ยงสูงเกินไปในความคิดเห็นของเหลียนจิ่วเฉิง หากเกิดเรื่องผิดพลาด เจ้าวังอาจพบกับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง พลังงานแห่งเต๋าของเขาจะเกิดความปั่นป่วน ไม่เพียงเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาอาจไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะในช่วงเวลาสามสิบปีหลังจากนี้ มิฉะนั้นอาการบาดเจ็บของเขาจะยิ่งร้ายแรง “ฟิ้ว…” ทันใดนั้นดาบพลังปราณอันแหลมคมพลันแผ่พุ่งออกมาจากวิญญาณอมตะที่กำลังจะตาย เจ้าวังไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาแต่โชคดีที่ดาบแสงผ่านใบหูของเขาไปและตัดเส้นผมสีขาวของเขาออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไป่เฉินเทียนตกใจมาก “มันจบแล้ว” การแสดงออกของเจ้าวังผ่อนคลายลง เขาถอนหายใจและกล่าวด้วยความพึงพอใจ “ข้าดึงดาบพลังปราณออกจากวิญญาอมตะดวงนี้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มันปลอดภัยแล้ว” ก่อนหน้านี้ดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากน้ำตกสวรรค์และอาละวาดไปทั่วภาคกลาง หนึ่งในดาบแสงดังกล่าวพุ่งมาทางวังสวรรค์และตัดหอคอยดวงตาสวรรค์ออกเป็นสองส่วน เจ้าวังเรียกไป่เฉินเทียน เหลียนจิ่วเฉิง และเทพธิดาเพ่ยกังซุ้ยกลับมาอย่างรวดเร็ว ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่เพ่ยกังซุ้ยจะถูกส่งไปตรวจสอบน้ำตกสวรรค์ ขณะเดียวกันผู้อมตะอีกสามคนก็ร่วมมือกันซ่อมแซมหอคอยดวงตาสวรรค์ ไม่นานหลังจากนั้นวิญญาณอมตะในมือของเจ้าวังก็ฟื้นตัวขึ้นภายใต้แสงสีส้ม ดวงตาของเหลียนจิ่วเฉิงส่องประกายขึ้น เขาปรบมือและชื่นชม “ท่านเจ้าวัง ความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของท่านช่างอัศจรรย์นัก ผู้ใดจะคิดว่าท่านจะสามารถช่วยชีวิตวิญญาณอมตะดวงนี้ได้จริงๆ แต่เหตุใดท่านต้องรับความเสี่ยงถึงเพียงนี้? วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก ในคลังสมบัติของวังสวรรค์มีทรัพยากรมากมายที่สามารถหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ขึ้นมาอีกครั้ง แต่หากท่านได้รับบาดเจ็บ ท่านจะไม่สามารถทำสิ่งใดตลอดสามสิบปีหลังจากนี้ นั่นจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์” เจ้าวังส่ายศีรษะและกล่าวยอย่างช้าๆ “กล่าวตามตรง ข้าเองก็ไม่รู้เหตุผล แต่เมื่อไม่นานมานี้ข้ารู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติราวกับว่ามีอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างลับๆ ก่อนหน้านี้เราสามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมและสามารถใช้งานมันได้ห้าสิบส่วน แต่ตอนนี้ดาบแสงกลับพุ่งเข้ามาตัดหอคอยดวงตาสวรรค์โดยไม่คาดคิด นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆงั้นหรือ?” ไป่เฉินเทียนกับเหลียนจิ่วเฉิงมองหน้ากันและแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด “ข้าจะไม่ซ่อนมันจากท่าน ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน” ไป่เฉินเทียนกล่าว “แต่ความรู้สึกของข้าเริ่มขึ้นในช่วงเวลาที่พวกเราฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม” เหลียนจิ่วเฉิงกล่าวต่อ “ดังนั้นมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกของข้าเพียงผู้เดียว เดิมทีข้าคิดว่าลูกหลานของข้าอาจกำลังประสบปัญหาและทำให้ข้าเกิดความรู้สึกเช่นนี้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ท่านเจ้าวัง ท่านเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา หอคอยดวงตาสวรรค์อยู่ในการควบคุมของท่าน ประสาทสัมผัสของท่านก็เฉียบคมกว่าพวกเรา ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นจริงๆ” เจ้าวังกล่าวขณะที่ยังถือวิญญาณอมตะดวงเดิมเอาไว้ในมือ “ด้วยเหตุนี้ข้าจึงต้องเสี่ยงรักษาวิญญาณอมตะดวงนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่หนึ่งในวิญญาณอมตะแกนกลางของหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่ตราบเท่าที่เราสามารถซ่อมแซมมัน เราจะค้นพบความจริงได้ในที่สุด” “นอกจากนี้โป้ชิงที่ตายไปนานแล้วในภัยพิบัติสวรรค์ เหตุใดเขาจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงเวลานี้ ทั้งสองดูเหมือนจะมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด หลังจากนี้ข้าจะซ่อมแซมวิญญาณอมตะดวงต่อไปและไม่สามารถถูกรบกวน หากเทพธิดาเพ่ยกังซุ้ยส่งข่าวมา พยายามแจ้งข้าอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ไป่เฉินเทียนกับเหลียนจิ่วเฉิงพยักหน้ารับคำ “เข้าใจแล้ว” ข่าวการปรากฏตัวขึ้นของผีดิบอมตะโป้ชิงกระจายออกไปในวงกว้างและส่งอิทธิพลต่อภาคกลางรวมถึงวังสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับครั้งก่อน ผู้อมตะของภาคกลางถูกดึงดูดให้ไปสำรวจน้ำตกสวรรค์ ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว ดังนั้นเวลานี้เขาจึงบ่มเพาะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู เขายืนอยู่บนยอดเขาตงฮันและสะบัดมือส่งดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนับหมื่นออกไป ดวงวิญญาณส่วนใหญ่เป็นดวงวิญญาณของสัตว์อสูร กระต่าย แพะ ม้า มีดวงวิญญาณหมาป่าและเสือเล็กน้อย มันมีกระทั่งดวงวิญญาณของมนุษย์กลายพันธุ์ และมนุษย์ มีการค้าดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตมานานแล้ว เพราะโลกใบนี้มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ วิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมีมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล มีเพียงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดเท่านั้นที่สามารถสร้างเส้นทางแต่ละสาย หนึ่งในผู้อมตะระดับเก้า เทพปีศาจจิตวิญญาณ เป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและสามารถผลักดันเส้นทางสายนี้ขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยตัวเขาเอง ในยุคของเขา ผู้ใช้วิญญาณอย่างน้อยห้าในสิบคนจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ สำหรับเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ทรัพยากรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เพื่อหลอมรวมวิญญาณ เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้อมตะระดับเก้าที่โหดเหี้ยมที่สุด มันเป็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าอย่างไม่รู้สิ้นสุดและถือเป็นช่วงเวลาที่มืดมนของโลกใบนี้ เนื่องจากผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะจำนวนมากที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณทำให้พวกเขาจำเป็นต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตเพื่อใช้ดวงวิญญาณในการบ่มเพาะ นั่นเป็นต้นกำเนิดของการค้าดวงวิญญาณ หลังจากยุคของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เทพอมตะสวรรค์พิภพถือกำเนิดขึ้น เทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นคนใจดีและเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ดังนั้นเรื่องหนึ่งที่เขาสามารถฝากร่องรอยเอาไว้ในประวัติศาสตร์ก็คือการปราบปรามเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณลดน้อยลงขณะที่การค้าดวงวิญญาณถูกผลักลงไปในตลาดใต้ดิน ความปั่นป่วนค่อยๆสงบลง ทั้งห้าภูมิภาคค่อยๆฟื้นตัวขึ้น สิ่งที่น่าจดจำที่สุดก็คือเทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ได้ใช้กำลังบังคับแต่เขาผลักดันผู้คนด้วยคุณธรรมและเปลี่ยนโลกใบนี้ด้วยการกระทำของตัวเขาเอง ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันกระทั่งในสวรรค์สีเหลืองก็ยังเป็นเรื่องยากที่พบเห็นการซื้อขายดวงวิญญาณ โดยปกติฟางหยวนได้รับดวงวิญญาณมาจากไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซาน ตั้งแต่สร้างความร่วมมือ ไห่ลั่วหลันจัดหาดวงวิญญาณให้ฟางหยวนอย่างต่อเนื่อง นี่ช่วยแก้ปัญหาได้มาก ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานเป็นคนเหนือ โดยเฉพาะเทพธิดาหลี่ซานที่เป็นผู้นำลำดับที่สามของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะและด้วยวิญญาณอมตะคำสาบานของภูเขาและมหาสมุทร มันทำให้นางมีเครือข่ายขนาดใหญ่ ดวงวิญญาณเหล่านี้ถูกภูเขาตงฮันดูดกลืนเข้าไปทันที หลังจากไม่นานผลึกตงฮันจำนวนมากจึงถือกำเนิดขึ้น ‘โดยทั่วไป ยิ่งเป็นดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง คุณภาพของมันก็จะยิ่งสูง ในทำนองเดียวกัน ยิ่งเป็นดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา คุณภาพของมันก็จะยิ่งสูงเช่นกัน ดวงวิญญาณเหล่านี้อยู่ในระดับมาตรฐานเท่านั้น มีดวงวิญญาณของสัตว์อสูรเพียงเล็กน้อย ไม่มีสัตว์อสูรเดียวดาย มันมีดวงวิญญาณของมนุษย์กลายพันธุ์กับมนุษย์อยู่น้อยมาก วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจะถือกำเนิดขึ้นไม่มากนัก’ ฟางหยวนคิดขณะเดินไปบนภูเขาตงฮัน ดวงวิญญาณชุดนี้ไม่ได้มาจากไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานแต่ฟางหยวนรวบรวมมันมาด้วยตนเอง เขาแตกต่างจากก่อนหน้า เขาสามารถรวบรวมดวงวิญญาณโดยไม่ต้องพึ่งพาเทพธิดาหลี่ซานหรือแม้แต่ลงมือสังหารด้วยตนเอง แน่นอนว่ามันไม่ได้มาจากสวรรค์สีเหลืองแต่เป็นทะเลทรายตะวันตก ทะเลทรายตะวันตกมีตลาดการค้าขนาดใหญ่ขณะที่ฟางหยวนไม่ใช่เด็กใหม่ของที่นั่นอีกต่อไป เขาร่วมงานกับตระกูลเซียวแห่งทะเลทรายตะวันตกมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยป้ายเปิดทางของตระกูลเซียว มันทำให้ฟางหยวนได้รับการยอมรับจากตลาด ตระกูลเซียวเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก การรวบรวมดวงวิญญาณไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา แต่หากการค้าขายดวงวิญญาณถูกเปิดเผย ตระกูลเซียวจะไม่ยอมรับว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้อง การซื้อขายดวงวิญญาณไม่สามารถกระทำได้อย่างเปิดเผยโดยเฉพาะตระกูลเซียวที่เป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ ฟางหยวนซื้อดวงวิญญาณจากทะเลทรายตะวันตกเพื่อป้องกันตัวจากไห่ลั่วหลัน เทพธิดาหลี่ซาน และนางมารผลาญสวรรค์ แม้พวกเขาจะมีข้อตกลงพันธมิตร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฟางหยวนจะไม่จำเป็นต้องป้องกันตนเองจากพวกนาง ฟางหยวนรู้วิธีป้องกันตัวจากผู้อื่นและยิ่งเชี่ยวชาญในการทำร้ายผู้อื่น หากเขาพยายามบ่มเพาะจิตวิญญาณ มันจะทำให้ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานรู้สึกหวาดระแวง ขณะเดียวกันฟางหยวนก็ไม่ต้องการทิ้งเบาะแสใดๆไว้ให้พวกนาง หากเขาบ่มเพาะจิตวิญญาณ วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจะลดลง เพื่อชดเชยเรื่องนี้ ฟางหยวนจึงต้องเติมเต็มส่วนต่าง วิญญาณความเด็ดเดี่ยวที่หาได้ยากกลับถูกหยิบขึ้นมาจากพื้นอย่างง่ายดายโดยฟางหยวน หากวิญญาณความเด็ดเดี่ยวถูกนำออกจากภูเขาตงฮัน มันจะแตกสลายไปทันที มีเพียงวิญญาณถุงสูญญากาศที่สามารถเก็บรักษาและนำมันเข้าสู่ท้องตลาด หลังจากกลืนกินวิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมากเข้าไป จิตวิญญาณของฟางหยวนก็ถึงขีดจำกัด หากเขายังดื้อรั้น จิตวิญญาณของเขาจะพังทลายลง ฟางหยวนรู้สึกว่าร่างผีดิบของเขาแน่นมาก มันเหมือนผู้ใหญ่ที่พยายามสวมเสื้อที่พวกเขาเคยใส่เมื่อยังเป็นวัยรุ่น
คอมเม้นต์