Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 962
เซียวซานและเซียวเมิ้งแปลโดย iPAT น้ำตกสวรรค์ ผีดิบอมตะโป้ชิงกวาดตามองซ่งซื่อซิงกับหยูมู่ฉานอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก หัวใจของคนทั้งสองแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก แรงกดดันอันหนักหน่วงทำให้ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ โป้ชิงได้รับการยกย่องว่าเป็นกึ่งเทพอมตะ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของห้าภูมิภาคในยุคนั้น แม้เขาจะกลายเป็นผีดิบอมตะแต่เขาก็ยังมีพลังงานอมตะระดับแปดอยู่กับตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบที่ไม่ได้ถูกทำลายไปในภัยพิบัติ ดังนั้นพลังการต่อสู้ของเขาจึงอยู่ในจุดที่น่าสะพรึงกลัว สิ่งสำคัญที่สุดคือพลังงานแห่งเต๋า ยิ่งการบ่มเพาะของผู้อมตะสูงเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากเท่านั้น แม้คนสองคนจะใช้วิญญาณอมตะดวงเดียวกัน แต่พลังอำนาจที่สามารถปลดปล่อยจะขึ้นอยู่กับพลังงานแห่งเต๋าของผู้ใช้งาน หากเปรียบเทียบกับฉินไป่เฉิง เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและโลหะ เขาไม่มีพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบ แต่เมื่อเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี เขายังสามารถต่อสู้ได้เท่าเทียมกับฟงจิวเก้อ ตอนนี้วิญญาณอมตะของโป้ชิงไม่ได้รับความเสียหายขณะที่เขาเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบ ดังนั้นเขาจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่สามารถสั่นสะเทือนโลกหล้า อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่เท่ากับช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุนี้ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา ซ่งซื่อซิง และหยูมู่ฉานจึงไม่มีโอกาสต่อต้าน โดยไม่ต้องกล่าวถึงซ่งซื่อซิงและหยูมู่ฉาน มีความแตกต่างราวกับสวรรค์และพื้นพิภพระหว่างผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดกับผู้อมตะระดับแปด ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด พลังงานแห่งเต๋าของพวกเขาก็ยิ่งแตกต่าง สำหรับผู้อมตะระดับหกและเจ็ด อาจมีบางคนที่ทัดเทียมกัน แต่เมื่อบรรลุระดับแปด เป็นเรื่องยากที่ผู้อมตะระดับเจ็ดจะสามารถต่อต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อมตะระดับเก้า ผู้คนที่ต่ำชั้นกว่าทั้งหมดไม่ต่างจากมดปลวกสำหรับพวกเขา เผชิญหน้ากับผีดิบอมตะโป้ชิง เป็นธรรมชาติที่ซ่งซื่อซิงและหยูมู่ฉานจะไม่สามารถตอบโต้ ‘ข้าจะตายวันนี้งั้นหรือ?’ ‘เราจะทำอย่างไร? เราต้องทำเช่นไร?’ ร่างกายของพวกเขาแข็งค้างขณะที่ความคิดต่างๆวนเวียนอยู่ในหัว ทั้งสองอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอย่างสมบูรณ์ โป้ชิงชี้นิ้วไปที่ซ่งซื่อซิง แสงดาบพุ่งออกไป ซ่งซื่อซิงไม่แม้แต่จะพยายามหลบหนี เขาเผชิญหน้ากับความตายด้วยการเผยรอยยิ้มขมขื่น เพราะเขารู้ว่าต่อหน้าโป้ชิง การหลบหนีเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ต่อมา โป้ชิงชี้นิ้วไปที่หยูมู่ฉาน “ไม่! ข้าไม่ได้ทำสัญญา ข้าไม่ควรตาย!” หยูมู่ฉานกรีดร้องและนำวิญญาณอมตะดวงหนึ่งออกมา โป้ชิงหยุดเคลื่อนไหวทันที ใบหน้าของเขาเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับเขากำลังดิ้นรนขัดขืน หัวใจของหยูมู่ฉานแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เขามองโป้ชิงด้วยความกังวล การแสดงออกที่ไม่ยินดียินร้ายของโป้ชิงเปลี่ยนเป็นสับสน เจ็บปวด เกลียดชัง และโศกเศร้า มันเปลี่นแปลงวนไปเรื่อยๆราวกับสัญญาณไฟจราจร ในที่สุดดวงตาของเขาก็ส่องประกายด้วยความฉลาดเฉลียว ใบหน้าเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เขามองฝ่ามือของตนก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆและกล่าวกับหยูมู่ฉาน “เจ้าคือ…” หยูมู่ฉานตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้น เทพธิดาโม่เหยา ข้าพนันถูกจริงๆ เกือบไปแล้ว…” ปรากฏว่าดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ในร่างผีดิบอมตะของโป้ชิงก็คือโม่เหยา! หยูมู่ฉานปลุกวิญญาณของโม่เหยาให้ตื่นขึ้น ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงถูกผลักออกไป ปราศจากการแทรกแซงของเจตจำนงสวรรค์ ผีดิบอมตะโป้ชิงจึงหยุดโจมตี หยูมู่ฉานสูดหายใจลึกก่อนจะกล่าวต่อ “จำสิ่งที่เคยพูดคุยกันได้หรือไม่? เพื่อทำให้โป้ชิงฟื้นขึ้น…” “โป้ชิง!” ได้ยินชื่อของคนรัก ดวงวิญญาณของโม่เหยาถึงกับสั่นสะท้าน นางบังคับร่างผีดิบอมตะของโป้ชิงให้พยักหน้าและกล่าวขัดจังหวะหยูมู่ฉาน “แล้วตอนนี้ข้าควรทำเช่นไร?” หยูมู่ฉานมองศพของเทพเจ็ดดารากับซ่งซื่อซิงและถอนหายใจ หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ คนทั้งสามจะใช้ท่าไม้ตายอมตะส่งกลุ่มสี่คนของเขาไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของภาคกลาง ที่นั่นอยู่ภายใต้การปกครองของนิกายบัวสวรรค์ แต่ตอนนี้เทพเจ็ดดาราและซ่งซื่อซิงตายไปแล้ว หยูมู่ฉานเพียงลำพังไม่สามารถเคลื่อนย้ายโป้ชิงไปยังนิกายบัวสวรรค์โดยตรง “ข้าหวังว่าพวกเขาจะยังไม่เคลื่อนไหว” หยูมู่ฉานมองไปยังทิศทางที่หอคอยดวงตาสวรรค์ตั้งอยู่ วังสวรรค์ การแสดงออกของเจ้าวังเต็มไปด้วยความโกรธ ตอนนี้เขาเห็นหยูมู่ฉานร่วมมือกับผีดิบอมตะโป้ชิงบุกโจมตีนิกายเทพยุทธ์อมตะ เจ้าวังไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป แม้นิกายบัวสวรรค์จะรอดแต่นิกายเทพยุทธ์อมตะก็เป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของวังสวรรค์เช่นกัน โป้ชิงตื่นขึ้นแล้วขณะที่นิกายเทพยุทธ์อมตะตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้มีเพียงวังสวรรค์ที่สามารถช่วยเหลือพวกเขา เจ้าวังบินลงมาจากหอคอยดวงตาสวรรค์และเรียกเหลียนจิวเฉิงกับไป่เฉินเทียน “เกิดเรื่องที่น้ำตกสวรรค์ เพ่ยกังซุ้ยตายแล้ว โป้ชิงตื่นขึ้นในร่างผีดิบอมตะและกำลังบุกโจมตีนิกายเทพยุทธ์อมตะ เราต้องไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!” ผู้อมตะทั้งสองตกใจมาก ข้อมูลนี้ยากเกินกว่าที่จะเชื่อ “ไป!” คนทั้งสองตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ แต่หลังจากพวกเขาได้สติ ผู้อมตะทั้งสามจึงกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งของวังสวรรค์เพื่อเดินทางไปยังนิกายเทพยุทธ์อมตะ ….. ภาคใต้ ภูเขาแสง ภูเขาลูกนี้มีความสูงมากกว่าสองพันกิโลเมตร มันเป็นสถานที่ผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งแสงที่มีชื่อเสียงของภาคใต้และอยู่ในการปกครองของตระกูลเดียวมาตลอดพันปีที่ผ่านมา มันคือตระกูลเซียว มีข่าวลือว่าตระกูลเซียวของภาคใต้กับทะเลทรายตะวันตกมีต้นกำเนิดเดียวกัน เมื่อหนึ่งพันปีก่อนตระกูลเซียวแห่งทะเลทรายตะวันตกเกิดความขัดแย้งภายใน สมาชิกบางส่วนของพวกเขาจึงเดินทางมาที่ภาคใต้ก่อนจะสามารถก่อตั้งกองกำลังขนาดใหญ่ ผู้นำคนปัจจุบัน เซียวซาน ยืนอยู่บนยอดเขาแสงและมองลงไปยังที่ตั้งตระกูลเซียวด้วยการแสดงออกที่หดหู่ใจและสายตาแห่งความเกลียดชัง ร่างหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนยอดเขาอย่างรวดเร็วและแสดงความเคารพ “เซียวจื่อฟงคารวะท่านผู้นำ” “วูฮุ้ยยังสร้างปัญหาอยู่งั้นหรือ?” เซียวซานถามเสียงต่ำ ผู้อาวุโสตระกูลเซียว เซียวจื่อฟง ก้มศีรษะลง “รายงานท่านผู้นำ วูฮุ้ยยังกรีดร้องอยู่ในห้องโถงและขอให้เราส่งมอบคนร้ายที่สังหารบุตรชายของเขา ผู้อาวุโสคนอื่นๆเฝ้าระวังอยู่ที่นั่น ท่านผู้นำโปรดอย่ากังวล” เซียวซานตะคอกเสียงเย็น “บุตรชายของวูฮุ้ยพยายามฆ่าเซียวซุ้ยเอ๋อ บุตรสาวของข้าเพียงป้องกันตัวเท่านั้น! วูฮุ้ยผู้นี้กระทั่งใช้ชือของตระกูลวูมาสร้างปัญหาที่นี่ คิดว่าเป็นผู้ใด!?” “ท่านผู้นำ อย่าพึ่งโกรธ วูฮุ้ยไม่ใช่ปัญหา แต่ตระกูลวูแข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่สามารถต่อต้าน” เซียวจื่อฟงเร่งกล่าว หมัดที่กำแน่นของเซียวซานคลายออก เขาถอนหายใจและเผยใบหน้าเหนื่อยล้า เขาโบกมือ “ลืมมันไปเถอะ ข้าจะซ่อนตัวอยู่หลังเขาในช่วงเวลานี้” เซียวจื่อฟงกล่าวลาและจากไป เซียวซานถอนหายใจอีกครั้งด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความโกรธและโศกเศร้า แต่ในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งพลันดังขึ้นในใจของเขา “ลูกหลานข้า มานี่” “ผู้ใด!?” เซียวซานไม่แน่ใจ เสียงนี้ดังขึ้นอีกครั้ง “ลูกหลานข้า มานี่” มันเป็นเสียงที่เซียวซานรู้สึกคุ้นเคย ดังนั้นเขาจึงเดินไปตามทิศทางที่เสียงสายหนึ่งชี้นำกระทั่งไปถึงเขตหวงห้ามของตระกูลเซียว “นี่คือเขตหวงห้ามของตระกูลเซียว แม้ข้าจะเป็นผู้นำตระกูล ข้าก็ไม่มีสิทธิเข้าไป!” เซียวซานหยุดเคลื่อนไหวและรู้สึกหนักใจ เสียงดังขึ้นอีกครั้ง “ลูกหลานข้า เจ้าสืบทอดสายเลือดของข้า เหตุใดต้องกลัว? ข้าคือบรรพชนตระกูลเซียวและเป็นผู้อมตะของตระกูล รีบเข้ามารับสืบทอดมรดกของข้า ตระกูลของเราเป็นสิ่งที่เจ้าต้องแบกรับ” ดวงตาของเซียวซานส่องประกายขึ้นทันที ผู้อมตะ! บรรพชนตระกูลเซียว! ‘ข่าวลือเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ? ตระกูลเซียวของข้าเคยมีผู้อมตะมาก่อน เสียงนี้คุ้นหูข้ามาก ข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด นอกจากผู้อมตะ บนโลกใบนี้ยังจะมีผู้ใดที่สามารถถ่ายทอดเสียงเข้ามาในใจของข้าได้โดยตรง!’ ‘แต่นี่เป็นเขตหวงห้ามของตระกูล ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปจะถูกขับไล่ออกจากตระกูล แม้แต่ผู้นำตระกูลเช่นข้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!’ เซียวซานกำหมัดแน่น ‘ไม่ ข้าต้องรับมรดกจากท่านบรรพชน มิฉะนั้นวูฮุ้ยจะทำให้ตระกูลเซียวสูญเสียใบหน้า หากตระกูลวูสนับสนุนเขา แล้วข้าจะปกป้องตระกูลเซียวได้อย่างไร? ตระกูลวูแข็งแกร่งและเอาแต่ใจเพราะมีผู้อมตะอยู่เบื้องหลัง หากข้าสามารถรับสืบทอดมรดกและกลายเป็นผู้อมตะ ข้าจะสามารถยกระดับตระกูลและเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง!’ ดวงตาของเซียวซานส่องประกายด้วยความมุ่งมั่นเมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ภายใต้การนำทางของเสียงสายนี้ เซียวซานเดินเข้าไปในถ้ำและพบกับวิญญาณอมตะดวงหนึ่ง ก่อนที่เขาจะสามารถตอบสนอง วิญญาณอมตะดวงนี้กลับเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าหลอมรวมกับร่างกายของเซียวซานอย่างรวดเร็ว ‘นี่คือวิญญาณอมตะงั้นหรือ?’ เซียวซานรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อเขาตรวจสอบร่างกายของตนกลับไม่พบวิญญาณอมตะอยู่ที่ใดเลย ขณะเดียวกันเสียงในใจของเขาก็กายไปอย่างสมบูรณ์ เซียวซานรู้สึกกังวลและสงสัยขณะเดินออกจากถ้ำ “พี่ใหญ่ ตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลวูมาสร้างปัญหาที่นี่ แต่ท่านในฐานะผู้นำกลับฝ่าฝืนกฎและเข้าไปในเขตหวงห้ามของตระกูล! ท่านไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำของเรา!” เซียวเมิ้งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับผู้อาวุโสของตระกูลจำนวนหนึ่ง เซียวซานตระหนักถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย เขารู้ว่าน้องชายฝาแฝดของตนมีความทะเยอทะยานและต้องการเป็นผู้นำตระกูลมาตลอด “มันไม่ใช่เช่นที่เจ้าคิด!” เซียวซานต้องการอธิบายแต่เขาไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน เขาไม่เต็มใจที่จะกล่าวถึงมรดกอมตะเพราะเกรงว่าบางคนจะพยายามนำมันไปจากเขา “คำอธิบายของท่านเป็นเพียงข้ออ้าง! ตามกฎของตระกูล ท่านไม่ใช่สมาชิกตระกูลเซียวอีกต่อไป ตำแหน่งผู้นำจะเป็นของข้า!” เซียวเมิ้งคำรามเสียงดังด้วยความโกรธ ตื่นเต้น และความทะเยอทะยานในดวงตา
คอมเม้นต์