Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 951
อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุคแปลโดย iPAT ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ค่าชดเชยของนางมารผลาญสวรรค์น่าพอใจมาก ประการแรก ทรัพยากรทั้งหมดที่นางมารผลาญสวรรค์เคยมอบให้ฟางหยวน เขาไม่จำเป็นต้องจ่ายคืน ประการที่สอง นางให้ฟางหยวนยืมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟจำนวนสามดวงและวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟทั้งสามรวมกับวิญญาณระดับมนุษย์อื่นๆสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน! กล่าวถึงเรื่องนี้ นางมารผลาญสวรรค์ค่อนข้างโชคร้าย นางให้ทุนจำนวนมหาศาลกับฟางหยวนแต่กลับไม่ได้สิ่งใดตอบแทน นอกจากนั้นด้วยสัญญาพันธมิตร นางยังต้องสอนท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพานให้กับฟางหยวน อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายนี้จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟจากร่างกายของผู้อมตะ นางมารผลาญสวรรค์ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้อย่างชาญฉลาดด้วยช่องโหว่เล็กๆของข้อตกลง นางต้องการควบคุมฟางหยวนด้วยสิ่งนี้! เนื่องจากฟางหยวนไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟ หากเขาต้องการใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต เขาต้องขอความช่วยเหลือจากนางมารผลาญสวรรค์ แต่แผนการของฟางหยวนคือแก้ไขท่าไม้ตายเพลิงนิพพานด้วยการเปลี่ยนวิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของมันและจะดีที่สุดหากเป็นวิญญาณอมตะที่เขาครอบครองอยู่ การแก้ไขท่าไม้ตายอมตะเป็นเรื่องยากสำหรับผู้อมตะทั่วไป กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาก็ยังต้องพบกับความยากลำบาก แต่ฟางหยวนมั่นใจมาก เหตุผลก็คือวิญญาณสติปัญญาที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู พลังอำนาจของวิญญาณระดับเก้าอัศจรรย์เกินกว่าจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดเพียงไม่กี่คำ นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับฟางหยวน แม้เขาจะมีวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย แต่วิธีนี้จะทำให้เขาเปลี่ยนเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอย่างถาวร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณสติปัญญาได้อีก หากฟางหยวนสามารถแก้ไขท่าไม้ตายเพลิงนิพพาน เขาจะสามารถเปลี่ยนร่างได้ตามใจปรารถนาและจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้ตลอดไป “ตอนนี้นางมารผลาญสวรรค์ต้องใช้ทรัพยากรของตนเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะและทำภารกิจของกองกำลังพันธมิตรผีดิบให้สำเร็จ หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ นางจะไม่ให้ข้ายืมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟทั้งสามแม้ข้าจะร้องขอก็ตาม ด้วยวิญญาณอมตะทั้งสามดวง มันช่วยในการอนุมานของข้าได้เป็นอย่างมาก” ฟางหยวนพอใจมากกับเรื่องนี้ แผนการของกองกำลังพันธมิตรผีดิบทำให้เขาได้รับผลประโยชน์โดยไม่คาดคิด วันต่อมาฟางหยวนอาบแสงแห่งปัญญาเพื่อหาวิธีแก้ไขท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน ในความเป็นจริงเขามีซากศพผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากและสามารถสร้างมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย แต่หลังจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน เขาไม่ต้องการใช้วิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายอีกต่อไป ขณะที่ฟางหยวนกำลังแก้ไขท่าไม้ตายดังกล่าว จ้าวเหลียนหยุนกำลังมุ่งหน้าสู่หุบเขาเหล่าโป นางเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยฟงจิวเก้อ มีสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณเพียงผู้เดียวที่มาพร้อมกับนาง เขาก็คือองค์ชายฟงเซี่ยน! การบ่มเพาะระดับแปดอนุญาตให้เขาเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง ฉากหน้า เขาเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือและเป็นผู้อาวุโสนอกของเผ่ากง เขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจินและอาศัยอยู่อย่างสันโดษมาตลอดหลายปี แต่ในความเป็นจริงเขาคือสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณของภาคกลาง เขามาที่ภาคเหนือในฐานะสายลับ ภารกิจหลักของเขาคือวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง โดยปกติองค์ชายฟงเซี่ยนจะไม่เคลื่อนไหวอย่างง่ายดาย หากร่องรอยบางอย่างถูกค้นพบ ความพยายามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของเขาจะกลายเป็นสูญเปล่า แต่ตอนนี้เพื่อฟงจิวเก้อที่เป็นใบหน้าของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ นิกายจึงต้องเสี่ยงส่งองค์ชายฟงเซี่ยนออกมา หลังจากทั้งหมดฟงจิวเก้อเป็นตัวตนที่สำคัญเกินไป หากเขาก้าวเข้าสู่ระดับแปด สถานการณ์ของภาคกลางหรือทั่งโลกจะเปลี่ยนแปลงไป องค์ชายฟงเซี่ยนและจ้าวเหลียนหยุนเดินเข้าไปในหุบเขาเหล่าโป “ผู้อาวุโส ข้าอยากรู้ว่าหากข้าสามารถช่วยเหลือท่านฟงจิวเก้อ ข้าจะได้รับตำแหน่งผู้นำนิกายคนต่อไปหรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนถาม องค์ชายฟงเซี่ยนสวมหน้ากาก ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอกทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลายเป็นผู้นำคนต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แต่หากเจ้าสามารถช่วยเหลือฟงจิวเก้อ มันแทบสามารถรับประกันความสำเร็จของเจ้า ข้าได้ยินมาว่าบุตรสาวของเขาเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเจ้า หากเจ้าช่วยชีวิตบิดาของนาง นางอาจถอนตัวออกจากการแข่งขัน” “เป็นเช่นนั้น” ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนส่องประกายขึ้นด้วยความคาดหวัง นางให้ความร่วมมือกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณเป็นอย่างดี กล่าวได้ว่านางเข้าใจวิธีอยู่บนโลกใบนี้ หากปราศจากความแข็งแกร่ง แม้จะฉลาดเพียงใด มันก็ไม่ต่างจากใบไม้ที่สามารถปลิวไปยังสถานที่อันตราย นางเข้าใจว่าตนเองต้องพึ่งพานิกายคฤหาสน์วิญญาณเพื่อช่วยเหลือหม่าหงหยุน แม้มันจะเป็นเรื่องยากที่นิกายคฤหาสน์วิญญาณจะบุกโจมตีกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะโดยตรง แต่ตราบเท่าที่นางได้รับตำแหน่งสำคัญ นางจะได้รับการดูแลอย่างดีและกลายเป็นผู้อมตะอย่างรวดเร็ว ‘เพื่อช่วยท่านพี่หม่าหงหยุน ข้าต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น ท่านพี่หม่าหงหยุน รอข้าด้วย!’ จ้าวเหลียนหยุนคิด องค์ชายฟงเซี่ยนหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน “พบแล้ว มันคือที่นี่” ด้วยวิญญาณอมตะจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณ องค์ชายฟงเซี่ยนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลังในการค้นหาด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ องค์ชายฟงเซี่ยนกับจ้าวเหลียนหยุนเดินเท้าเข้าไปเป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนจะพบเป้าหมาย องค์ชายฟงเซี่ยนกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงทำให้ประตูแสงเปิดออก “หวืด…” ลมแรงพัดออกมา องค์ชายฟงเซี่ยนตกใจ “ลมมรณะ! มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายบางอย่าง ลมมรณะพุ่งเข้ารวมตัวกันเป็นก้อนอยู่บนฝ่ามือของเขา อย่างไรก็ตามมือขององค์ชายฟงเซี่ยนยังสั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด “เร็วเข้า ข้าควบคุมมันได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น!” จ้าวเหลียนหยุนก้าวเข้าไปในทันที นางเห็นภาพที่คุ้นเคยเช่นเดียวกับด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จากก่อนหน้า มันมีเพียงความว่างเปล่าและลมมรณะ แม้นางจะไม่รู้ว่าลมมรณะคือสิ่งใด แต่ฟังจากน้ำเสียงขององค์ชายฟงเซี่ยน นางยังตระหนักว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย “ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่ เร็วเข้ามาหาข้า!” เสียงสายหนึ่งดังขึ้นในหูของนาง จ้าวเหลียนหยุนตกใจและถอยหลังกลับ “ผู้ใด?” “ข้าคือฟงจิวเก้อ มาหาข้า” เสียงที่อ่อนแรงดังขึ้นอีกครั้ง จ้าวเหลียนหยุนลังเล นางได้ยินเสียงดังมาจากลมมรณะที่หมุนวนอยู่ด้านหน้า จ้าวเหลียนหยุนตระหนักว่ามันเป็นศูนย์กลางของลมมรณะและกำลังดูดกลืนทุกสิ่งเข้าไปอย่างช้าๆ “อย่ากังวล เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกที่ได้รับการยอมรับจากเจตจำนงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ลมมรณะไม่สามารถทำสิ่งใดต่อเจ้า” ฟงจิวเก้อหยุดก่อนกล่าวต่อ “เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยข้างั้นหรือ? หากข้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะไม่สามารถรับสืบทอดมรดก” ริมฝีปากของจ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นแห้งผาก เวลาไม่รอคอยผู้ใด นางต้องตัดสินใจทันที จ้าวเหลียนหยุนค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนจะยื่นมือออกไปสัมผัสลมมรณะ หากเป็นผู้อมตะทั่วไป พวกเขาจะกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ แต่ความไม่รู้ของจ้าวเหลียนหยุนทำให้ความกลัวของนางน้อยกว่าคนทั่วไปและเลือกที่จะเชื่อคำกล่าวของฟงจิวเก้อ ดังคำกล่าวของฟงจิวเก้อ ลมมรณะที่กระทั่งองค์ชายฟงเซี่ยนยังไม่สามารถรับมือกลับไม่เป็นอันตรายต่อจ้าวเหลียนหยุน เมื่อจ้าวเหลียนหยุนสัมผัสมัน ลมมรณะพลันสูญสลายหายไปในพริบตา เสียงของฟงจิวเก้อดังขึ้นอีกครั้ง “เชื่อข้าหรือยัง? มิติแห่งนี้มีพลังอำนาจเหนือกว่าลมมรณะ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำลายมิติแห่งนี้ได้โดยง่าย เจ้าเป็นปีศาจต่างโลก ดังนั้นเจตจำนงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จึงปกป้องเจ้า เจ้าจะไม่ได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น” จ้าวเหลียนหยุนดีใจมาก “ท่านฟงจิวเก้อ ข้าจะไปช่วยท่านเดี๋ยวนี้!” นางทะยานร่างเข้าสู่ลมมรณะ ทุกที่ที่นางเคลื่อนผ่าน ลมมรณะจะสลายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้นนางจึงเห็นร่างของฟงจิวเก้อที่กำลังนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่กลางอากาศสูงจากพื้นสามเมตร “ท่านฟงจิวเก้อ…” จ้าวเหลียนหยุนเรียกเบาๆ ฟงจิวเก้อค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่เปิดฝ่ามือข้างขวาออก มีสองคำเขียนอยู่บนฝ่ามือของเขา จ้าวเหลียนหยุนมองมันด้วยความสับสน ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มบางก่อนที่ร่างของเขาจะสลายหายไปราวกับหมอกควัน จ้าวเหลียนหยุนเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุคฟงจิวเก้อล่วงลับแล้ว!
คอมเม้นต์