Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 510
“ซอมบี้ในเมืองอาจมีมากกว่า 800,000 ตัว” เหอเฟิงซึ่งยืนอยู่ข้างๆชูฮันเอ่ยขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัย “คุณดูสบายใจมาก ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรผิดพลาดเลยเหรอไง? ด้วยจำนวนฝูงซอมบี้ที่มหาศาลขนาดนี้มันมากพอที่จะทำลายล้างหน่วยทหารหลายพันหน่วยด้วยซ้ำ แต่กองทัพของคุณมีเพียงแค่ 230 คนเท่านั้น” ชูฮันนั่งอยู่บนขอบของดาดฟ้าบนตึกสูง พร้อมกับคาบหลอดในปากเพราะไม่รู้จะเอามันไปไว้ไหน ท่าทางของเขาสบายๆง่ายๆ “นั่งสิ” หลังจากร่ายยาวเป็นบท เหอเฟิงได้เพียงคำตอบเดียวจากชูฮัน แม้แต่คนที่มีความคิดดีก็ยังไม่สามารถปล่อยผ่านกับพฤติกรรมของชูฮันได้ และเขาคือเหอเฟิง? คิ้วของเหอเฟิงกระตุกเล็กน้อยและเอ่ยต่อ “แต่ผมสงสัยวิธีการกระจายกำลังของคุณมาก มันจะได้อะไรจากการส่งทหาร 20 นายเข้าไปก่อน? ให้พวกเขาไปไล่ฆ่าและล่อซอมบี้ออกมา ฆ่าโดยไม่มีแบบแผน ไม่กลัวว่าพวกเขาจะถูกฝูงซอมบี้กลืนกินไปหมดเหรอไง? แล้วผมก็ไม่เข้าใจกับการแบ่งอีกสองกลุ่มไว้ข้างหลัง มันไม่ยิ่งอันตรายกว่าเหรอไงที่แบ่งทหารออกเป็นกลุ่มแบบนี้?” ชูฮันถุยหลอดที่คาบไว้เล่นลงพื้น เขาไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเหอเฟิงด้วยซ้ำ น้ำเสียงไม่เป็นมิตรและเอ่ยออกมาแค่สี่คำเท่านั้น “หย่อนตูดลงมา” แม้จะอึ้ง แต่เหอเฟิงก็นิ่งไว้ ชูฮันเป็นคนระแวงตัวอย่างมาก เขารู้ว่านี่คือเหอเฟิงที่โด่งดังอย่างมากในด้านกลยุทธ์ในชาติที่แล้ว ถึงแม้ว่าเหอเฟิงจะร่ายยาวมากขนาดไหน แต่เขารู้ว่าเหอเฟิงมองเจตนาของเขาออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เหลือบตามองแล้ว ทีมนักฆ่าขนนกที่มีสมาชิก 20 คนเข้าไปในเมืองก่อนเพื่อจัดการฆ่าซอมบี้ทางฝั่งตะวันตกก่อน ผลลัพธ์ก็คือทั้งเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้มากมายจะเกิดอาการคลั่งและความวุ่นวายไปทั่วทั้งเมือง จากนั้นชูฮันก็จะส่งทั้งสองกลุ่มเข้าไป ใช้โอกาสที่พวกซอมบี้กำลังคลั่งและมึนงงจัดการไล่ฆ่าพวกมัน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองทีมก็มีภาระหน้าที่ของตัวที่ต้องทำให้สำเร็จ พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องฆ่าซอมบี้เท่านั้นแต่พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยให้พวกพ้องตายอย่างเด็ดขาด มันไม่ใช่การฝึกเล็กๆอีกต่อไป แต่นี่มันคือสนามรบที่แท้จริง! การรบประเภทนี้ ชูฮันอนุญาตให้พวกเขาได้ปฏิบัติมาแล้วหลายต่อหลายครั้งในสถานที่ต่างๆ หากทุกครั้งมันจะยากขึ้นเรื่อยๆ จากการเผชิญหน้ากับซอมบี้ตัวต่อตัว เป็นสงครามที่จำนวนซอมบี้มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีใครตายแต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่มันก็ส่งผลให้ความสามารถของทุกคนพุ่งขึ้นราวกับจรวด ถ้าพันธุกรรมของมนุษย์ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่เกิดการปะทุ งั้นมันอาจจะไม่ใช่แค่เฉพาะมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เท่านั้น เพราะการฟื้นฟูของคนธรรมดาทั่วไปก็รวดเร็วขึ้นอย่างมากเช่นกัน ครั้งนี้พวกเขาต้องเข้าไปเมืองเพื่อสู้กับฝูงซอมบี้ที่มากถึง 800,000 ตัว และมันก็เป็นครั้งแรกของคนกลุ่มใหม่ที่จะได้เข้าไปในเมืองเพื่อทำการรบจริงๆกับจำนวนซอมบี้ที่เรียกได้ว่ามหาศาล “นี่เป็นกลยุทธ์ของท่าน ผมไม่อยากมีปัญหาขัดแย้งเรื่องความคิดเห็นส่วนตัว” เหอเฟิงไม่ค่อยสนใจความหยาบคายของชูฮัน หลังจากร่ายยาวเรื่องไร้สาระมานาน ในที่สุดเหอเฟิงก็เข้าประเด็น “ชูฮัน ผมอยากจะขอความกรุณา” ชูฮันเงยหน้าขึ้นมองเหอเฟิงและยิ้มมุมปาก “ไม่” เหอเฟิงขมวดคิ้ว “ผมยังไม่ได้พูด——“ “คุยกับตูดฉันละกัน” ชูฮันขัดจังหวะเหอเฟิงอย่างจงใจ เหอเฟิงบิดยิ้มมุมปาก หลังจากเงียบไปพักใหญ่เขาก็ตัดสินใจนั่งลงกับชูฮันและมองลงไปที่เมืองที่ไร้ความหวังด้านล่าง เหอเฟิงไม่ได้พูด ชูฮันเองก็ไม่พูด เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดชูฮันก็หยิบเมล็ดแตงโมออกมาจากกระเป๋า เขาเพียงแค่เลียมันและถุยเปลือกลงพื้น แน่นอนว่างานแกะเปลือกครึ่งหนึ่งเป็นแรงงานของหวังไค “ผมไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ามา” จู่ๆเหอเฟิงก็พูดขึ้น ชูฮันที่กำลังวุ่นวายกับเมล็ดแตงโมอยู่หยุดชะงัก แววตาคมเฉียบจับจ้องไปที่เหอเฟิงตรงๆ หากเขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ชูฮันรอให้เหอเฟิงพูดต่อ เหอเฟิงบิดมุมปาก ในที่สุดเขาก็ทำให้ชูฮันสนใจได้ “ผมเจอซางจิ่วตี้และตกลงร่วมมือกับเธอ” ร่วมมือ? ซางจิ่วตี้? เหอเฟิงไม่พลาดแววตาตกใจของชูฮัน เขาหันหน้ามาและยิ้ม “เราจะกลายเป็นพวกเดียวกันในอนาคต เพราะฉะนั้นฉันสามารถพูดปกติกับนายได้?” แววตาของชูฮันเต็มไปด้วยอันตราย น้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันเกลียดคนที่ข่มขู่หรือคุกคามฉัน” “ฉันไม่ได้คุกคามซางจิ่วตี้และครั้งนี้ฉันก็ไม่ได้คิดจะข่มขู่นาย” เหอเฟิงยักไหล่ “ฉันแค่บอกเธอเกี่ยวกับตระกูลรอธไชลด์ที่กำลังจะมาที่จีนและต้นกำเนิดพิเศษของป่ายหวีเนอ การร่วมมือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้” เจตนาของเหอเฟิงคือการใช้ข้อมูลที่น่าตกใจจัดการน็อคชูฮัน แต่โชคร้ายที่เขามักจะได้พบกับความผิดหวังเสมอ แววตาของชูฮันยิ่งฉายความอันตรายออกมามากว่าเดิม “หนึ่ง…มันไม่เกี่ยวอะไรกับนาย และสอง…เราจะไม่ร่วมกับนายสอง สาม…ปล่อยเรื่องนี้ไปซะ” เหอเฟิงขมวดคิ้ว “ฉันปล่อยให้สมาชิกทั้งหลงยาและฮูหยาตายหมดในประวัติของทางการ ยกเว้นแค่สมาชิกสำคัญสองสามคนและกัปตันที่เหลือไว้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยถ้าจะให้ฉันปล่อยมือจากเรื่องนี้ คนอื่นๆค่อยๆปลอมตัวแทรกซึมเข้าไปในค่ายของนายแล้ว ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแผนการ” “นายต้องการเล่นแบบไหนก่อนล่ะ?” ชูฮันเย้ยหยัน “เมื่อไหร่ที่เหอเฟิงทำให้พลเอกชูฮันกลัวได้ งั้นเหรอ?” เหอเฟิงไม่สนใจปากร้ายๆของชูฮัน เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “ฉันกลัวว่านี่จะเป็นการทรมานกันซะเปล่าๆ ฉันเข้าใจว่ามันเป็นกลไกการป้องการตัว แต่ความจริงใจของเราก็เพียงพอแล้ว การให้ทั้งสองทีมที่เก่งที่สุดของจีนมาลงมือเองแค่นี้ยังแสดงถึงความจริงจิงไม่พออีกเหรอ?” “ขอโทษที ฉันไม่สนใจทีมหลงยาและฮูหยา ฉันมีกองทัพของฉันเองอยู่แล้ว ฉันไม่สนใจข้อเสนออะไรทั้งนั้น” น้ำเสียงของชูฮันเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “และที่นายพูดมาทั้งหมด ก็คือนายตัดสินใจเองทั้งหมดโดยไม่ถามความยินยอมของฉันก่อน คิดจะใช้เงื่อนไขพวกนี้มาบีบบังคับให้ฉันยอมร่วมมือด้วย?” เหอเฟิงนิ่วหน้า “มันเป็นสนธิสัญญาที่ยุติธรรม” “คิดว่างั้น?” ชูฮันไม่สนใจเลยสักนิด เหอเฟิงนิ่วหน้าอีกครั้ง “ตระกูลลึกลับนั่นเป็นเรื่องสำคัญมาก” ชูฮันกระซิบ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?” เหอเฟิงค่อยๆหมดความอดทน “นี่มันเป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการมู๋และท่านเลาหมิง” ชูฮันยังคงกวนอารมณ์ของเหอเฟิงไม่เลิก “งั้นฉันต้องทำยังไงดี?” มาถึงจุดนี้ เหองเฟิงที่หมดหนทางและอดไม่ได้ที่จะต้องพูด “นายไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของป่ายหวีเนอเหรอไง?” ชูฮันส่ายหัวทันที “ไม่สงสัย ฉันรู้ตัวตนของเธอดี” เหอเฟิงตกใจมาก “อะไรนะ!?” ชูฮันยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “เธอคือภรรยาของฉัน!” ในตอนนั้น ถึงแม้เหอเฟิงจะพยายามอารมณ์ดีและนิ่งมากแค่ไหนแต่เขาก็หมดความอดทนกับชูฮันและถามออกมาตรงๆ “เอาเป็นว่า นายต้องการอะไร?” เขาคิดว่าเพราะซางจิ่วตี้ชูฮันจะยอมไว้หน้าเขาบ้าง แต่โชคร้ายที่เหอเฟิงคิดผิดอย่างสิ้นเชิง เส้นบรรทัดฐานของชูฮันนั้นสูงยิ่งกว่าท้องฟ้า! ชูฮันมีท่าทีเย็นชา “ฉันต้องการพลังอำนาจสูงสุด”
คอมเม้นต์