Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 463
ชื่อของสองคนที่หายไปคือหลี่ซิงยูและฮัวหมิงนั่นเอง ชูฮันมองชื่อที่ซีดจางในระบบล่มสลายและอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมากุมคางพลางขบคิดอยู่ในหัว หรือหลิวยู่ติงเป็นคนยิง? จู่ๆในตอนนั้นเองเฉินช่าวเย่ที่นอนอยู่ที่พื้นก็เงยหน้าขึ้นมาเผยให้น้ำตาที่นองหน้าเต็มไปหมด “หัวหน้า! ผมสัมผัสได้ถึงพื้นที่กำลังสั่น มันไม่มีสัตว์ป่าในบริเวณนี้เลย มันต้องเป็นหิมะถล่มอีกแน่!” ชูฮันเลิกคิ้วและปัดเฉินช่าวเย่ให้หลบข้างไปโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้บนต้นไม้ใหญ่ที่แห้งตายไปแล้ว เฉินช่าวเย่หนักเกินไป ถึงแม้ต้นไม้นี่จะใหญ่โตแต่สำหรับสองคนนั้นมันมากเกินที่ต้นไม้นี่จะรับไหว และในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา ที่ความสูงมากกว่าหนึ่งเมตรของต้นไม้แห้งบนภูเขา ทันทีที่ผู้ชายสองคนปีนขึ้นมาต้นไม้ก็โอนเอนสั่นไปมาอย่างน่ากลัวว่าจะล้ม “ลดน้ำหนักซะ” ชูฮันคว้าเฉินช่าวเย่ที่เกือบจะตกเอาไว้ “โชคดีที่มันเป็นหิมะถล่มขนาดเล็ก ไม่อย่างนั้นเราคงโดนหิมะถล่มกวาดไปแล้ว” ทันทีที่ชูฮันพูดจบมันก็เกิดเสียงดังปัง ตามมาด้วยคลื่นหิมะขนาดใหญ่ที่ตามมาอีกรอบ “พระเจ้า!” เฉินช่าวเย่เกือบจะเป็นลม “เราเจอหิมะถล่มมากี่รอบกันแล้ววันนี้?” ชูฮันไม่มีเวลาจะพูด เขารีบดึงเจ้าอ้วนหนัก 200 ปอนด์นี่ขึ้นและกระโดดลงไปที่ก้อนหินจากนั้นก็ไล่กระโดดไปต่อเรื่อยๆที่ก้อนหินแต่ละก้อนเพื่อหนีคลื่นหิมะที่ไล่ตามมา ต้นไม้ที่ตายไปแล้วต้นแรกที่พวกเขาใช้หลบหิมะถล่มถูกคลื่นหิมะซัดหายไปแล้วทันทีที่ทั้งคู่กระโดดหลบจากมา มันกลิ้งหลุนๆและตกภูเขาไปแล้วเรียบร้อยและหลังจากกระแทกเข้ากับก้อนหินตรงหน้าผาหลายรอบไปมาในที่สุดมันก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆจนเหลือแต่ซากเศษไม้ เฉินช่าวเย่ที่เป็นพยานต่อภาพเหตุการณ์ทั้งหมดรู้สึกกลัวอยู่ในใจ เขาได้แต่กรีดร้องอยู่ในอกอย่างแสดงออกอะไรไม่ได้เพราะชูฮันกำลังแบกเขาอยู่ เฉินช่าวเย่อยากจะแหกปากออกมาดังๆว่าหัวหน้าเขาสุดยอดมากแค่ไหน! ถ้าตอนที่เกิดหิมะถล่มชูฮันไม่ได้อยู่ตรงนี้และลากคนอ้วนอย่างเฉินช่าวเย่หนีมาละก็ เฉินช่าวเย่ก็คงตายไปแล้ว ถึงแม้ชูฮันจะเป็นวิวัฒนาการระยะ 4 ที่แข็งแกร่งมากแต่การแบกเฉินช่าวเย่ตัวอ้วนมาตลอดทางก็สามารถทำให้ชูฮันหมดแรงได้เช่นกัน ยิ่งเข้าใกล้ยอดภูเขามากขึ้นเท่าไหร่ชูฮันก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ยิ่งขึ้นมาสูงมากเท่าไหร่หิมะถล่มควรจะมีน้อยลงเพราะพื้นที่บนเขานั่นน้อยลงทว่ามันกลับตรงกันข้ามยิ่งพวกเขาขึ้นมาสูงเท่าไหร่ความถี่ของหิมะถล่มยิ่งรุนแรงขึ้น นี่มันผิดปกติ เพราะทุกครั้งที่ชูฮันขึ้นมาสูงขึ้น แรงสั่นสะเทือนจะยิ่งรุนแรงขึ้นและทำให้เกิดหิมะถล่มตามมา ดูเหมือนว่าเขาจะหาสาเหตุของหิมะถล่มเจอแล้ว แต่อะไรคือสาเหตุของการสะเทือนอย่างรุนแรง? นี่มันไม่เหมือนกับแผ่นดินไหว! ในที่สุดหลังจากผ่านไปครึ่งวันกับการเร่งรีบวิ่งหนี ชูฮันที่ใช้งานมือและเท้าอย่างเต็มที่ในการหลบหนีก็ขึ้นมาถึงด้านบนยอดจนได้ ก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนสุดท้ายอยู่ตรงหน้า ชูฮันต้องปีนขึ้นไปหากในขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกระแทกครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทุกๆสองสามวินาที ชูฮันเหวี่ยงร่างของเฉินช่าวเย่ขึ้นไปก่อนจากนั้นก็ปีนตามขึ้นมาโดยใช้สองมือพร้อมกับหวังไค และทันทีที่ขึ้นมาถึง ชูฮันและเฉินช่าวเย่ก็ต้องกระพริบตาปริบ ปัก! เปรี้ยะ! ทั้งสองที่ขึ้นมาถึงยอดเขาได้ยินเสียงปะทะของอาวุธทั้งสองชิ้นตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนของยอดเขาที่ตามมาอย่างต่อเนื่อง บนยอดเขาเป็นพื้นเรียบและมีร่างของคนสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า…ไม่วันนี้ใครคนหนึ่งต้องตายกันไปข้าง! “นั่น…มัน” หวังไคเองก็ช็อคเช่นกัน “นี่มันทรงพลังขนาดสร้างแรงสะเทือนขนาดใหญ่จนก่อให้เกิดหิมะถล่มบนภูเขาสิบกว่าครั้งได้เลยเหรอ!” มันมีความตึงเครียดฉายอยู่ในแววตาของชูฮันขณะมองไปที่ภาพตรงกันข้ามกับตัวเอง “เราเจอกับหิมะถล่มครั้งแรกเมื่อประมาณสองวันก่อนแปลว่าพวกเขาน่าจะต่อสู้กันมาได้สองวันแล้ว และสู้กันจนยอดภูเขาพังจนกลายเป็นพื้นเรียบแบบนี้ได้” เฉินช่าวเย่ตบหน้าตัวเองขณะมองไปที่ภาพตรงหน้าอย่างสยอง สองคนนี้ทำให้พื้นที่ไม่เรียบกลายเป็นเรียบได้ นี่มันเทพเจ้าหรืออะไร? ทั้งสามนิ่งเงียบอยู่ราวห้านาทีด้วยความตะลึงจนเริ่มฟื้นพละกำลังของตัวเองกลับมา ในที่สุดเฉินช่าวเย่ก็เริ่มชินกับภาพตรงหน้า ชูฮันมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นเต้นและเดินหน้าเข้าไปหาทั้งสองคนที่ต่อสู้กันอยู่พร้อมกับเจ้าอ้วนเฉินช่าวเย่ ปรมาจารย์ นี่มันระดับปรมาจารย์! และเมื่อเข้าไปใกล้ในระยะหนึ่งร้อยเมตร ในที่สุดชูฮันก็เห็นภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้น ทั้งสองคนที่สู้กันอยู่นั้นคือผู้ชายและผู้หญิง ก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถสัมผัสได้เพราะระยะที่ห่างไกลเกินไปแต่ตอนนี้เขาเข้ามาใกล้ขึ้นแล้ว อาวุธของทั้งคู่นั้นทรงพลังและพิเศษอย่างมาก อาวุธในมือของผู้ชายคือปืนยาว ตัวปืนชเป็นสีทอง และทุกครั้งที่เกิดการปะทะมันจะมีรอยฝังลึกบนด้ามปืน และตัวปืนจะเปล่งแสงสะท้อนทุกครั้งที่มันยิงกระสุนออกมา อาวุธในมือของผู้หญิงนั่นเห็นได้โจ่งแจ้งชัดเจนกว่า มันเป็นเคียวยาวขนาดใหญ่ยิ่งกว่าขวานซิ่วโหลของชูฮันซะอีก ตัวเคียวนั้นมีสีขาวล้วนราวกับเกิดมาเพื่อเป็นพญามัจจุราชที่เก็บเกี่ยวความตาย ตัวใบมีดแกะสลักด้วยลวดลายซับซ้อนที่ทำให้ชูฮันสัมผัสได้ถึงความลึกลับอันน่าพิศวง “ฉันจะเข้าไปก่อน” ชูฮันหันมาพูดกับเฉินช่าวเย่ด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็พุ่งตัวออกไปอย่างเรวเร็ว ยิ่งชูฮันเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแต่กับเคียวยักษ์ในมือของผู้หญิงเท่านั้น แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้มากขึ้นเขาก็ค้นพบว่าปืนยาวสีทองของผู้ชายคนนั้นก็มีรอยสลักด้วยลวดลายที่ซับซ้อนและลึกลับเช่นเดียวกัน แต่ละครั้งที่ปืนยิงออกมาตัวลวดลายจะส่องประกายให้เห็นชัดขึ้น ลวดลายแบบนี้ ชูฮันจำมันได้ในทันทีที่เห็น เห็นได้ชัดว่ามันมาจากหุบเขาหยินหยาง! นี่คือสิ่งที่ทำให้เหอซางกลายเป็นคนโด่งดังท่ามกลางสงครามและหุบเขาหยินหยางที่ทุกคนต่างใคร่อยากจะเห็น แต่ตอนนี้ทำไมสองคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี้ได้? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหุบเขาหยินหยางนั้นอยู่ไกลออกไปหลายพันไมล์จากตรงนี้ แต่เป็นไปได้อย่างไรที่อาวุธจากหุบเขาหยินหยางถึงปรากฏขึ้นเร็วขนาดนี้? การเข้ามาใกล้ของชูฮันถูกค้นพบโดยทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว หลังจากตกใจไปเพียงแค่เสี้ยววินาที ทั้งสองก็ถอยหนีทันทีอย่างพร้อมเพรียงและทิ้งระยะห่างกันและกันไว้ที่สิบเมตรอย่างสงบศึกชั่วคราว จากนั้นทั้งสองก็หันมาประจันหน้าชูฮันและสบตากันและกันไปมา ใบหน้าของฝ่ายชายดูหนุ่มมากและดูเหมือนน่าจะอยู่ในช่วงอายุยี่สิบ ผมที่ตัดสั้นอย่างเป็นระเบียบประกอบกับสายตาแหลมคมที่มองมา อีกทั้งแววตาที่แสดงออกถึงความเย่อหยิ่งและความสงสัย ส่วนฝ่ายหญิงนั้นมีผมยาวสีม่วง เนื้อตัวสะอาดสะอ้านและแต่งกายเรียบร้อยดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูแล้วไม่น่าจะอายุเกินยี่สิบ แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยม นัยน์ตาสีม่วงของเธอสามารถแช่แข็งคนที่มองได้ทันทีที่สบตา เช่นเดียวกับร่างกายที่ดูเย็นชาไปทั้งร่าง ในขณะนั้นชูฮันได้เข้ามาถึงสนามรบของทั้งคู่ที่ระยะห่างยี่สิบเมตรและรักษาระยะปลอดภัยนี้ไว้โดยไม่ได้ขยับตัวอีก ข้อแรกเลยมันเป็นเพราะว่าทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งมากเกินเขาจะจินตนาการได้ ส่วนข้อสองนั่นเป็นเพราะผู้ชายคนนั้น ทันทีที่ชูฮันเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นชัดๆเขาก็ต้องช็อค เขาเป็นอย่างไรบ้าง?
คอมเม้นต์