Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1362 ร่วมมือ
ความหวังมีน้อยมาก ตอนนี้มันเป็นการต่อสู้สามทางที่ชุลมุนวุ่นวาย ฝ่ายหนึ่งคือวังสวรรค์ ฝ่ายที่สองคือนิกายเงา ฝ่ายที่สามคือกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ สำหรับฟางหยวน เขาเป็นสมาชิกของกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ แต่ความจริงคือเขามีความใกล้ชิดกับนิกายเงามากกว่า จากสถานการณ์ วังสวรรค์และกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้พยายามโจมตีนิกายเงา นิกายเงาไม่สามารถแข่งขันกับวังสวรรค์ ตอนนี้พวกเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ‘วูหยงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อมาที่นี่’ ‘หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป ข้าจะไม่สามารถอดทนจนถึงเวลานั้น’ ‘ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนิกายเงาพ่ายแพ้ วังสวรรค์และกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะจัดการข้าในฐานะผู้ทรยศ’ ‘ยังไม่ต้องกล่าวถึงนิกายเงา ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่สามารถทนได้ถึงหนึ่งวัน’ ฟางหยวนมองค่ายกลวิญญาณด้วยความกังวล เนื่องจากจื่อชิวหยูออกแบบค่ายกลวิญญาณนี้ให้ถูกควบคุมโดยคนเพียงผู้เดียว ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ใดและไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านการรุกรานจากเทพธิดาจื่อเว่ย สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวตนของฟางหยวนมีปัญหา หากผู้อมตะภาคใต้รู้ตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวนจากวังสวรรค์ ฟางหยวนจะตกอยู่ในอันตราย ค่ายกลวิญญาณเหลือแนวป้องกันสองแนว หากเทพธิดาจื่อเว่ยประสบความสำเร็จในการทำลายแนวป้องกันที่สาม ตามทฤษฎี ฟางหยวนจะสามารถกระตุ้นใช้แนวป้องกันที่สี่เพื่อต่อต้านนาง แต่จากข้อมูลของจื่อกุ้ย คนที่สามารถกระตุ้นการทำงานของแนวป้องกันสุดท้ายต้องเป็นสมาชิกตระกูลจื่อเท่านั้น นี่คือการจัดเตรียมของจื่อชิวหยู เขาทำเช่นนี้โดยคิดถึงผลประโยชน์ของตระกูลจื่อเป็นหลัก ค่ายกลวิญญาณมีหลายวิธีในการตรวจสอบ ฟางหยวนอาจสามารถปลอมแปลงสายเลือด แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดเกี่ยวกับป้ายวิญญาณหรือโคมไฟวิญญาณ เกี่ยวกับเรื่องนี้ฟางหยวนทำได้เพียงถอนหายใจ เขาลอบสาปแช่งอยู่ภายใน ‘จื่อชิวหยู จิ้งจอกเฒ่า!’ ผู้อมตะระดับแปดล้วนไม่ใช่ตัวตนที่สามารถจัดการได้โดยง่าย ตั้งแต่จื่อชิวหยูออกแบบมัน เขาก็คิดถึงสถานการณ์ที่ซับซ้อนเหล่านี้เอาไว้แล้ว ฟางหยวเหมือนติดอยู่ในทางตัน สถานการณ์มีความซับซ้อน สามฝ่ายกำลังต่อสู้กัน ฟางหยวนมีสถานะพิเศษ แม้เขาจะอยู่ในค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะแต่มันก็ไม่สามารถเชื่อถือ มีตัวแปรมากเกินไป เขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาในการคิดวิเคราะห์และหาทางออก จิตใจของฟางหยวนเต็มไปด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง สมองของเขาราวกับกำลังพ่นควันออกมา เขาจะหลบหนีได้อย่างไร? นี่เป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไข ‘วิญญาณกาลเวลา?’ ฟางหยวนคิดแต่เขาก็ปฏิเสธความคิดนี้ทิ้งไปทันที ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถใช้วิญญาณกาลเวลา เจตจำนงสวรรค์ซ่อนตัวอยู่ภายใน หากเขาใช้งานมัน เขาจะล้มเหลวอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ฟางหยวนสามารถกำเนิดใหม่เพราะความช่วยเหลืออย่างลับๆจากเจตจำนงสวรรค์ แต่ตอนนี้เขายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เจตจำนงสวรรค์ต้องการกำจัดเขา แล้วมันจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร? การใช้วิญญาณกาลเวลาก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย เว้นเพียงเขาจะใช้วิธีของนิกายเงาเพื่อปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ฟางหยวนมีเวลาสำหรับเรื่องนี้งั้นหรือ? ‘เดี๋ยว!’ ‘ข้าสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลากับมิติช่องว่างของข้า ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาได้อย่างรวดเร็ว’ ‘ไม่ นี่ทำไม่ได้ ยังมีภัยพิบัติ!’ ‘หากข้าเร่งเวลา ข้าจะพบกับภัยพิบัติ เจตจำนงสวรรค์จะเข้าแทรกแซงและทำให้มันทรงพลังยิ่งขึ้น’ ‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้าต่ำเกินไป ข้าไม่มีความมั่นใจว่าการปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาจะสำเร็จหรือไม่โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์นี้’ ‘และการเลิกใช้ค่ายกลวิญญาณก็เป็นวิธีที่งี่เง่าที่สุด มันเป็นการตัดแขนตัดขาตัวเอง!’ ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำได้ โชคชะตาโหดร้ายเกินไป ในสถานการณ์นี้เขาไม่มีทางรอด แต่ฟางหยวนไม่ยอมแพ้ เขายังอดทนต่อไป ความมุ่งมั่นของเขายังไม่สั่นคลอนแม้แรงกดดันจะรุนแรงมากเพียงใด อดทน! ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความมุ่งมั่น ไม่เกรงกลัว จิตใจของเขาสงบมาก นี่ไม่ใช่สถานการณ์สิ้นหวังครั้งแรกที่เขาเผชิญ แท้จริงแล้วเขาผ่านสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ในโลกนี้ การบ่มเพาะและการดำเนินชีวิตเต็มไปด้วยความเสี่ยงและอันตราย จะมีกำไรได้อย่างไรหากปราศจากความเสี่ยง? กระทั่งปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ยังแบกรับความเสี่ยงที่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะล่มสลายเพื่อแผนการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ก่อนจะล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แม่น้ำหวนคืนถูกพรากไป และกระทั่งภรรยาของเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส สำหรับวังสวรรค์ พวกเขาสูญเสียสองผู้อมตะระดับแปดที่ทรงพลังไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยาง แต่สุดท้ายพวกเขากลับไม่ได้รับสิ่งใด ย้อนกลับไปในชีวิตแรกของฟางหยวน ฟงจิวเก้อยังเสียชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนไม่ใช่หม่าหงหยุน เขาไม่ใช่บุตรแห่งโชค หากเปรียบเทียบ เขาเป็นคนธรรมดามาก ในความเป็นจริงแม้แต่หม่าหงหยุนก็ยังพบกับความตายแม้เขาจะได้รับการปกป้องจากวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ สวรรค์ปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเหมือนตัวหมากเบี้ย ไม่ว่าผู้อมตะจะมีความสามารถเพียงใด พวกเขาก็เป็นรูปแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่จะพบกับการปฏิบัติที่เท่าเทียม ประสบการณ์ห้าร้อยปีของฟางหยวนจะสามารถเปรียบเทียบกับสวรรค์พิภพได้อย่างไร? มนุษย์มีขีดจำกัด ไม่มีผู้ใดไม่เคยทำผิด กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แม้แต่มนุษย์คนแรกก็ยังถูกหลอกโดยวิญญาณสติปัญญา ในทางตรงข้าม เจตจำนงสวรรค์ยิ่งใหญ่และกว้างใหญ่มาก การท้าทายสวรรค์เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างที่สุด อย่างไรก็ตามไม่ใช่ฟางหยวนเพียงผู้เดียวที่รู้สึกถึงความยากลำบาก อิงอู๋เซี่ยก็รู้สึกคล้ายกัน เขากำลังต่อสู้ ศัตรูของเขาคือผู้อมตะระดับเจ็ดฝ่ายธรรมะขณะที่เขาเป็นผีดิบอมตะระดับหก แม้เขาจะมีท่าไม้ตายอมตะที่น่าเหลือเชื่อ แต่คู่ต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งมาก อิงอู๋เซี่ยแทบไม่สามารถอดทน หลังจากการต่อสู้ที่วุ่นวาย อิงอู๋เซี่ยถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง สถานการณ์ของเขาอันตรายมาก อัญเชิญอสูรวิญญาณ! อิงอู๋เซี่ยมใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาอัญเชิญอสูรวิญญาณสามตัวออกมา แต่ศัตรูของเขายังหัวเราะเย้ยหยัน ก่อนหน้านี้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายอัญเชิญอสูรวิญญาณ แต่ตอนนี้เขามีประสบการณ์แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบโต้โดยใช้ประโยชน์จากอาณาจักรแห่งความฝัน สัตว์อสูรมีสติปัญญาต่ำ ด้วยการวางอุบาย ผู้อมตะตระกูลเซี่ยสามารถล่อลวงให้อสูรวิญญาณเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝัน เมื่อพวกมันเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน พวกมันก็จะกลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียง การใช้ประโยชน์จากสนามรบเป็นหนึ่งในความสามารถของผู้อมตะ สุดท้ายอสูรวิญญาณที่ถูกอันเชิญมาก็ถูกจัดการโดยผู้อมตะตระกูลเซี่ยผู้นี้ อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาต้องการความช่วยเหลือจากภายนอก แต่ในเวลานี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป เขาได้รับจดหมายจากผมที่หก ในจดหมายกล่าวว่าฟางหยวนต้องการร่วมมือกับนิกายเงา! ตั้งแต่ราชันภูเขาม่วงตื่นขึ้น เขาต้องการทำงานร่วมกับฟางหยวนมาตลอด น่าเสียดายที่ฟางหยวนระวังตัวมากเกินไป ดังนั้นความร่วมมือจึงไม่เคยเกิดขึ้น อิงอู๋เซี่ยไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะเป็นฝ่ายร้องขอความร่วมมือในเวลานี้ ‘สายไปแล้ว!’ ความขมขื่นทวีความรุนแรงมากขึ้นในหัวใจของอิงอู๋เซี่ย สายเกินไป มันสายเกินไปแล้ว! เขาไม่รู้ว่าฟางหยวนอยู่ที่ใดแต่นิกายเงาได้เริ่มภารกิจช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณไปแล้ว ผมที่หกบอกว่าฟางหยวนต้องการวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเพื่อสื่อสารกับอิงอู๋เซี่ยโดยตรง ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่สามารถติดต่อกับสมาชิกนิกายเงาได้โดยตรง พวกเขาต้องสื่อสารผ่านผมที่หกเท่านั้น นี่เป็นเพราะวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลต้องใช้เป็นคู่ ด้วยวิธีนี้มันจะทิ้งเบาะแสของกันและกันไว้เบื้องหลัง มันง่ายที่จะอนุมานตำแหน่งของพวกเขาจากสิ่งนี้ ‘มอบให้เขา’ อิงอู๋เซี่ยคิดและไม่ปฏิเสธ ต่อมาเสียงของฟางหยวนก็ดังขึ้นในใจของอิงอู๋เซี่ย “อิงอู๋เซี่ย เจ้าอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช ผู้อมตะตระกูลเซี่ยจะฆ่าเจ้า เหตุใดไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน?” อิงอู๋เซี่ยเบิกตากว้างเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ “ฟางหยวน!” เขาตอบกลับ “เจ้าอยู่ที่นี่งั้นหรือ?” “เจ้าคิดอย่างไร?” ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก “หยุดใช้วิธีอัญเชิญอสูรวิญญาณอย่างไร้ประโยชน์ เจ้าใช้มันไปสามครั้งแล้วและผลลัพธ์ก็แย่ลงทุกครั้ง เจ้ากำลังเพิ่มความเสี่ยงและสูญเสียพลังงานอมตะโดยไร้ประโยชน์” อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะ “ฟางหยวน เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ บัดซบ! เจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด? เดี๋ยว! คู่ต่อสู้ของข้าคือเจ้าหรือไม่?” “หากเป็นข้า เจ้าคงตายไปแล้ว อย่าไร้สาระ เรามา…” ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “ร่วมมือกันเถอะ!”
คอมเม้นต์