Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1351 การต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวาย

อ่านนิยายจีนเรื่อง Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1351 การต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวาย 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

“ฆ่า!”
 
“โจมตี!”
 
“ป้องกัน เราต้องการเวลามากกว่านี้”
 
“อย่ากลัว ค่ายกลวิญญาณของเราสามารถป้องกันจ้าวเย่ฮุ้ยจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง”
 
นิกายเงาโจมตีขณะที่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ป้องกันอย่างสิ้นหวัง
 
ค่ายกลวิญญาณชั้นที่สองถูกทำลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง มันแทบไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขา
 
นี่ทำให้การต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายปะทุขึ้น
 
“บึม บึม บึม…”
 
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างไม่รู้สิ้นสุด
 
ไม่มีการลองเชิงใดๆ ท่าไม้ตายอมตะถูกนำมาใช้ตั้งแต่เริ่มต้น
 
“เจ้าไม่สามารถปกป้องสถานที่แห่งนี้” เทพธิดาเมี่ยวหยินยิ้มขณะลอยอยู่กลางอากาศ
 
เฉียวซื่อหลิวอยู่ด้านหน้านาง
 
เฉียวซื่อหลิวเงียบ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ก่อนหน้านี้ฝ่ายธรรมะยังมีข้อได้เปรียบ แต่ตอนนี้พวกเขากลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ค่ายกลวิญญาณแทบไม่สามารถปกป้องพวกเขา โอกาสเดียวของพวกเขาคือรอการมาถึงของกำลังเสริม
 
“พวกเจ้าเป็นผู้ใด? เหตุใดถึงสามารถใช้งานสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานจ้าวเย่ฮุ้ย?” เฉียวซื่อหลิวถาม
 
เทพธิดาเมี่ยวหยินหัวเราะ “คนที่จะจบชีวิตเจ้า”
 
เจตนาสังหารของนางพุ่งสูงขึ้นพร้อมกับแสงจันทร์ที่ปะทุขึ้นในดวงตาของนาง
 
ท่าไม้ตายอมตะเงาจันทร์!
 
นี่เป็นการโจมตีด้วยการมอง เมื่อมันถูกใช้งาน ฝ่ายตรงข้ามจะไม่มีเวลาตอบสนอง มันเป็นเรื่องยากที่จะป้องกัน
 
เฉียวซื่อหลิวถูกโจมตีทันที
 
แต่ในไม่ช้าแสงสีเขียวก็ส่องประกายขึ้นบนร่างของนาง กิ่งหลิวก่อตัวขึ้นและเกี่ยวพันไปรอบๆตัวนาง
 
นอกจากป้องกัน กิ่งหลิวยังพุ่งเข้าโจมตีเทพธิดาเมี่ยวหยินด้วยความเร็วและความคล่องตัวที่น่าประทับใจ
 
เทพธิดาเมี่ยวหยินตะลึงและรีบล่าถอย
 
นางสามารถหลบกิ่งหลิว แต่นางไม่สามารถป้องกันเงาที่พุ่งเข้าโจมตีจากด้านล่าง
 
“นี่คือ…ท่าไม้ตายลอบโจมตีงั้นหรือ?” เทพธิดาเมี่ยวหยินไม่สามารถปกปิดความตกใจบนใบหน้าที่งดงามของนาง
 
ท่าไม้ตายลอบโจมตีเหมือนการโจมตีต่อเนื่อง มันเป็นทักษะพิเศษที่หาได้ยาก
 
โดยทั่วไปแล้วมันหมายถึงท่าไม้ตายอมตะสองท่าที่แตกต่างกัน หนึ่งเป็นท่าไม้ตายหลักและอีกหนึ่งเป็นท่าไม้ตายรอง ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายกิ่งหลิวของเฉียวซื่อหลิวเป็นท่าไม้ตายหลัก เงาใต้กิ่งหลิวคือท่าไม้ตายรอง พวกมันจะทำงานร่วมกัน
 
เทพธิดาเมี่ยวหยินไม่ได้คาดหวังว่าเฉียวซื่อหลิวจะเชี่ยวชาญทักษะที่ยากลำบากเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงถูกเงาของกิ่งหลิวโจมตี
 
ปรากฏบาดแผลเลือดไหลขึ้นบนใบหน้าของเทพธิดาเมี่ยวหยิน
 
เฉียวซื่อหลิวเย้ยหยัน “โอ้ ไม่ ข้าเผลอทำลายโฉมหน้าของเจ้าไปแล้ว หากเรายังต่อสู้กันอีก เจ้าจะไม่สามารถแข่งขันด้านความงามกับข้าได้อีกต่อไป”
 
เทพธิดาเมี่ยวหยินก่นเสียงเย็น
 
เฉียวซื่อหลิวฉวยโอกาสนี้ใช้กิ่งหลิวหลายสิบเส้นระดมฟาดเทพธิดาเมี่ยวหยินอย่างไม่หยุดยั้ง
 
เทพธิดาเมี่ยวหยินไม่เพียงต้องป้องกันตัวจากแส้หลิวแต่นางยังต้องระวังเงาของพวกมันอีกด้วย
 
เมื่อเวลาผ่านไปเสื้อผ้าของเทพธิดาเมี่ยวหยินก็เริ่มฉีกขาดและเผยให้เห็นร่างกายที่เย้ายวนใจของนาง
 
เทพธิดาเมี่ยวหยินล่าถอยขณะที่เฉียวซื่อหลิวไล่ล่านางไปตลอดทาง
 
แต่ช่วงเวลาดีๆมักอยู่ไม่นาน เทพธิดาเมี่ยวหยินกรีดร้องพร้อมกับแขนอีกสองข้างที่งอกออกมาจากแผ่นหลัง
 
ด้วยแขนสี่ข้าง นางสามารถป้องกันตนเองและสร้างเสถียรภาพ
 
เฉียวซื่อหลิวถอนหายใจ
 
นี่คือท่าไม้ตายอมตะหัตถ์เทวะที่มีชื่อเสียงของเทพธิดาเมี่ยวหยิน
 
กลยุทธ์ของเฉียวซื่อหลิวพังทลายลงทันทีภายใต้ท่าไม้ตายนี้
 
แม้เทพธิดาเมี่ยวหยินจะเผชิญหน้ากับแรงกดกันมหาศาลแต่นางไม่ใช่มือใหม่เช่นจ้าวเหลียนหยุน เทพธิดาเมี่ยวหยินไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาด นางอดทนต่อแรงกดดันและสามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของตนได้สำเร็จ
 
ด้วยความสำเร็จนี้ สถานกาณณ์จึงเปลี่ยนแปลงไป
 
เฉียวซื่อหลิวกลายเป็นฝ่ายถอยหลังอย่างช้าๆ
 
นางออกมาจากค่ายกลวิญญาณขณะไล่ล่าเทพธิดาเมี่ยวหยิน แต่ตอนนี้นางต้องการกลับเข้าไป
 
“ถึงคราวข้าแล้ว น้องซื่อหลิว เจ้าต้องอดทนไว้” เทพธิดาเมี่ยวหยินยิ้ม
 
แขนทั้งสี่ของนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและสร้างคลื่นเสียงขึ้นในอากาศ
 
คลื่นเสียงพุ่งออกไปรอบๆในรัศมีหลายร้อยก้าว
 
กระทั่งแนวป้องกันที่สองของค่ายกลวิญญาณยังพังทลายลงภายใต้ผลกระทบของคลื่นเสียงเหล่านี้
 
การแสดงออกของเฉียวซื่อหลิวกลายเป็นเคร่งเครียด นางพยายามป้องกันตนเองอย่างสุดความสามารถ
 
…..
 
อีกด้านหนึ่ง
 
ผู้อมตะตระกูลเฉิง เฉิงกุ้ยหลี่ยืนมือไพล่หลังอยู่ต่อหน้าไห่ลั่วหลัน
 
เขาแสดงออกด้วยความเย่อหยิ่งและกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน “เพียงผู้อมตะระดับหกแต่กล้าโจมตีพวกเรา รนหาที่ตาย ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนที่กำลังเสริมของพวกเราจะมาถึง”
 
หลังกล่าวจบคำ ร่างของเขาก็หายไปทันที
 
ในเวลาต่อมาเขาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังไห่ลั่วหลัน
 
มือขาวของที่กลายเป็นกรงเล็บกระดูกขาวของเขาพุ่งเข้าโจมตีแผ่นหลังของไห่ลั่วหลัน
 
“ปุ”
 
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา
 
กรงเล็กกระดูกแทงทะลแผ่นหลังของไห่ลั่วหลันขณะที่เลือดสาดกระเซ็นออกมา
 
ไห่ลั่วหลันหันหลังกลับขณะที่เฉิงกุ้ยหลี่หายตัวไปอีกครั้ง
 
เฉิงกุ้ยหลี่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งด้านหลังแนวป้องกันที่สองและเย้ยหยัน “ข้าจะเอาชีวิตเจ้าในการโจมตีครั้งต่อไป…หือ?”
 
แต่การแสดงออกบนใบหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
 
กรงเล็บกระดูกขาวที่เปื้อนเลือดของไห่ลั่วหลันเริ่มลุกเป็นไฟ
 
“เจ้าถูกหลอกง่ายมาก” ไห่ลั่วหลันหัวเราะ
 
ท่าไม้ตายอมตะเพลิงเลือดเนื้อ!
 
…..
 
“มนุษย์มังกร?” ผู้อมตะวัยกลางคนที่มีรูจมูกใหญ่และเปลือยร่างส่วนบนเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อสีแดง ช่ายเฮ่าว่ง รู้สึกประหลาดใจ
 
“อย่างน้อยเจ้าก็พอมีความรู้อยู่บ้าง” ไป่หนิงปิงกล่าวเสียงเรียบและชี้นิ้วออกไป
 
ก้อนน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงจากท้องฟ้า
 
“ปัง ปัง ปัง ปัง…”
 
ช่ายเฮ่าซ่งพุ่งเข้าโจมตีไป่หนิงปิงราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
 
“รับนี่!” ช่ายเฮ่าซ่งตะโกนและพ่นไฟออกมาจากรูจมูก
 
ไป่หนิงปิงจ้องมองอย่างเย็นชา นางไม่หลบและอนุญาตให้ช่ายเฮ่าซ่งเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา
 
ริมฝีปากของนางขดตัวขึ้น นางกล่าวด้วยความตื่นเต้น “เข้ามา ข้ากำลังรออยู่”
 
ก่อนที่นางจะกล่าวจบ นางก็พุ่งออกไปข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว
 
ร่างกายของนางเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่ายเฮ่าซ่ง มันดูเหมือนแมลงวันบินเข้ากองไฟ
 
“บึม!”
 
เกิดการปะทะที่รุนแรง
 
สนามรบถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
 
ครึ่งหนึ่งเป็นไฟ อีกครึ่งเป็นน้ำแข็ง
 
เปลวเพลิงเผาทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดขณะที่โลกน้ำแข็งแช่แข็งสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
 
ไม่ปรากฏผู้ชนะที่ชัดเจน
 
เมื่อเปลวเพลิงและน้ำแข็งหายไป สองร่างก็ปรากฏขึ้น
 
ไป่หนิงปิงยืนอยู่ที่นั่นด้วยความตื่นเต้น
 
ด้านช่ายเฮาซ่ง เขาถอยหลังกลับไปหลายก้าวและมองไป่หนิงปิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก!”
 
ไป่หนิงปิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ข้าชื่นชมเจ้าก่อนหน้านี้ แต่ดูเหมือนข้าต้อง…กลับคำพูด”
 
นางเคลื่อนไหวทันที
 
แขนขวาของนางราวกับใบมีดยักษ์ที่พุ่งเข้าโจมตีช่ายเฮ่าซ่ง
 
…..
 
“นังกระต่ายขาว บัดซบ!” วูเหลียวคำรามด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เขาเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชัง
 
แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับความคิดหลายๆอย่างของวูอันแต่พวกเขาก็เป็นผู้อมตะตระกูลวูเช่นเดียวกัน
 
เมื่อวูอันถูกสังหารโดยเทพธิดากระต่ายขาว วูเหลียวจึงต้องการแก้แค้น
 
แต่น่าเสียดายที่เทพธิดากระต่ายขาวเปลี่ยนเป็นนางเสือดำซึ่งมีการบ่มเพาะระดับเจ็ดไปแล้ว ตอนนี้พลังการต่อสู้ของนางเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
 
วูเหลียวเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เขาไม่สามารถทำสิ่งใดกับฝ่ายตรงข้ามขณะที่ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย
 
“ถอยไป วูเหลียว เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง” ฟางหยวนเข้ามาช่วยวูเหลียวและยืนอยู่ต่อหน้านางเสือดำ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด