Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1119
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1119 เข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแปลโดย iPAT หนึ่งวันครึ่งต่อมา อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดนำฟางหยวนไปยังน่านฟ้าบางแห่ง ความเร็วของอินทรีย์สวรรค์เริ่มลดลง มันกำลังยืนยันสถานที่ก่อนจะใช้ปากจิกไปที่จุดหนึ่ง ทันใดนั้นห้วงมิติพลันเปิดออกและเผยให้เห็นทัศนียภาพที่ซ่อนอยู่ อินทรีย์สวรรค์นำฟางหยวนเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและหายตัวไปจากท้องฟ้าของภาคเหนือ ‘อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมีความสามารถเจาะทะลวงมิติและเดินทางเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย แม้มันจะยังไม่โตเต็มวัยแต่มันก็ยอดเยี่ยมมาก!’ ฟางหยวนยกย่องอยู่ในใจขณะกวาดตามองไปรอบๆ ถ้ำสวรรค์แห่งนี้กว้างใหญ่มาก ด้านล่างมีป่าไม้โบราณและมีสัตว์น้อยใหญ่อาศัยอยู่มากมาย ‘ต้นไม้ดนตรี’ บนต้นไม้สีรุ้งมีนกจำนวนนับไม่ถ้วนเกาะอยู่ขณะที่ต้นไม้และนกส่งเสียงสอดประสานเป็นบทเพลงอันไพเราะ ‘วิหคปราณมรณะ’ นกตัวอวบอ้วนที่มีพลังปราณปกคลุมอยู่บนร่างกายเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง ‘แม่น้ำชา’ ท่ามกลางป่าไม้ขนาดใหญ่ มีลำธารสีเขียวอ่อนแทรกตัวอยู่ ฟางหยวนพบแหล่งเพาะปลูกมากมายอยู่ที่นี่ เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ‘ดูเหมือนไห่ฟานจะได้รับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้ามาจริงๆ หลังจากหลอมรวมกับถ้ำสวรรค์ ท้องฟ้าของที่นี่จะไม่เคยเปลี่ยนเป็นสีอื่น’ หลังจากชั่วครู่ระฆังทองเหลืองใบใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหน้าฟางหยวน ‘จิตวิญญาณสวรรค์! มีจิตวิญญาณสวรรค์อยู่ที่นี่!’ หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น เขาเริ่มรู้สึกระวนกระวาย เขาไม่มีสายเลือดของเผ่าไห่ แม้เขาจะสามารถหลอกอินทรีย์สวรรค์ แต่เขาจะสามารถหลอกจิตวิญญาณสวรรค์หรือไม่? ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีภูเขาสูงอยู่ลูกหนึ่ง ชาวบ้านเรียกมันว่าภูเขาหวังกู่ มันถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ในถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขา ผู้อมตะสามคนกำลังพูดคุยกัน “หากปราศจากความเสี่ยง เราจะได้รับกำไรขนาดใหญ่ได้อย่างไร? เพื่อปลดปล่อยตนเองจากกรงขังนี้ เราจำเป็นต้องรับความเสี่ยงเท่านั้น” ผู้อมตะเฟิงจุนกล่าวด้วยความกระวนกระวายใจ ผู้อมตะเฉิงเทามองเฟิงจุน “นี่เป็นเรื่องใหญ่ หากประมาท เราอาจตาย แล้วเราจะไม่ระวังตัวได้อย่างไร?” ผู้อมตะหญิงโจวหมิงกล่าวต่อ “พี่เฟิงจุนโปรดอย่าร้องใจ มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการเจตจำนงสวรรค์ เราต้องวางแผนอย่างชาญฉลาดและไม่สามารถรีบร้อน อย่ากังวล พวกเราสามคนเป็นพี่น้องร่วมสาบาน เราจะร่วมมือกันก้าวไปข้างหน้า” เฟิงจุนเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจ “จิตวิญญาณสวรรค์ไม่ใช่ปัญหา เราได้รับความไว้วางใจจากมันแล้ว ด้วยการใช้ท่าไม้ตายแสงสีเลือดที่ข้าคิดค้นขึ้น ข้ามั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ” เฉิงเทาตอบ “พี่น้องของข้า เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนนัก เจ้าเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าท่าไม้ตายอมตะแสงสีเลือดของเจ้าพึ่งถูกสร้างขึ้น มันยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่กระทั่งมันจะสมบูรณ์แบบ พวกเราก็ยังต้องฝึกฝนมันเป็นอันดับแรก เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนนัก?” “ถูกต้อง” โจวหมิงเห็นด้วย “การเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเราสามคนยังไม่เพียงพอ พวกเราต้องได้รับความร่วมมือจากผู้อาวุโสเฉินไคของภาคตะวันตก เขามีผู้อมตะในการปกครองถึงสามคน” เฟิงจุนเย้ยหยัน “เฉินไคกำลังจะตาย เขายังเป็นคนหัวโบราณมาก เราไม่ควรพึ่งพาเขา!” เฟิงจุนส่ายศีรษะ โจวหมิงพยักหน้า “แม้ท่านจะดูแคลนผู้อาวุโสเฉินไค แต่เขาก็เป็นผู้อมตะที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุด กระทั่งพวกเราจะไม่ร่วมมือกับเขาเพื่อต่อต้านจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเรายังต้องขอให้เขามองดูอยู่ด้านข้างและไม่สอดมือเข้ามา” “น้องสาวกล่าวมีเหตุผล” เฉิงเทาเห็นด้วย เฟิงจุนลังเล “ข้าจะไม่ปิดบังพวกเจ้า พวกเจ้าทั้งสองรู้ว่าข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชค ตอนนี้ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบาย หากเราไม่ฉวยโอกาสนี้ เราอาจไม่มีโอกาสอีกต่อไป!” นี่เป็นเพียงความรู้สึกของเฟิงจุน เขาไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ แต่ใบหน้าของผู้อมตะอีกสองคนกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด โจวหมิงกล่าว “ท่านบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชค แม้การบ่มเพาะของท่านจะไม่ถึงระดับเจ็ด แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของท่านก็ไม่ด้อยกว่าผู้อมตะระดับเจ็ด ข้าเคยได้ยินมาว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคจะช่วยให้คนผู้นั้นประสบความสำเร็จโดยไม่คาดคิด” เฉิงเทาตอบ “ถูกต้อง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะช่วยสนับสนุนความสามารถของผู้อมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมให้กับพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟจะทำให้พวกเขาตระหนักรู้เกี่ยวกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาจะช่วยในการอนุมาน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคจะทำให้พวกเขารู้สึกถึงโชคของตนเองหรือผู้คนรอบข้าง” “ถูกต้อง” เฟิงจุนถอนหายใจและรู้สึกสงบลง โจวหมิงกับเฉิงเทาเข้าใจเรื่องนี้ นั่นถือเป็นเรื่องดี ท้ายที่สุดแล้วท่าไม้ตายแสงสีเลือดที่เขาคิดค้นขึ้นไม่สามารถใช้งานได้โดยตัวเขาเองเพียงลำพัง ทันใดนั้นเสียงระฆังพลันดังขึ้นอย่างกะทันหัน “มีบางคนขึ้นไปบนภูเขาและรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงงั้นหรือ?” ดวงตาของเฉิงเทาส่องประกายขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดพวกเราก็ต้องนำตัวเขามาอยู่ฝ่ายของเรา!” โจวหมิงกล่าว “ฟัง มันดังห้าครั้งแล้ว” เฟิงจุนตั้งใจฟัง “น่าประทับใจนัก คนผู้นี้ไปได้ไกลมาก เขาก้าวข้ามพวกเราไปแล้ว!’ เฉิงเทาชื่นชม แต่ในไม่ช้าการแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไป “เจ็ดครั้ง!” โจวหมิงกรีดร้อง “นี่เป็นไปได้อย่างไร? เขากระทั่งเหนือกว่าผู้อาวุโสเฉินไค!” เฟิงจุนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แต่เสียงระฆังยังดังไปถึงครั้งที่สิบ ร่างกายของผู้อมตะทั้งสามแข็งค้างราวกับรูปปั้น ครู่ต่อมาโจวหมิงจึงแสดงออกด้วยความตกใจ “ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? ระฆังดังขึ้นสิบครั้ง!” ใบหน้าของเฟิงจุนกลายเป็นมืดครึ้ม “ตามคำจารึก เสียงระฆังสิบครั้งหมายความว่าคนผู้นี้มาจากเผ่าหลักและมีคุณสมบัติรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน! อย่าบอกข้าว่าสังหรณ์ร้ายของข้าเกิดจากคนผู้นี้!” “หลังจากผ่านไปหลายปี ข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงนี้ได้อีก!” เฉิงเทาส่ายศีรษะ คนทั้งสามแสดงออกด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง เฉิงเทาสงบจิตใจลง “ไป ตามกฎเมื่อผู้สืบทอดที่เหมาะสมปรากฏตัว จิตวิญญาณสวรรค์จะออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง พวกเราต้องออกไปแสดงความเคารพเขาเช่นกัน” “แสดงความเคารพงั้นหรือ?” ร่างของเฟิงจุนสั่นสะท้านขึ้น “เหตุใดพวกเราต้องทำความเคารพเขา พวกเราเป็นสมาชิกเผ่าไห่เช่นกัน เพียงเพราะบรรพชนของพวกเราทำความผิด พวกเราจึงต้องก้มศีรษะให้เผ่าหลักตลอดไปงั้นหรือ?” โจวหมิงเร่งปลอมใจเฟิงจุน “คำกล่าวของท่านมีเหตุผล แต่พวกเราต้องทำตามกฎขณะที่เขายังต้องผ่านการทดสอบ ไม่ว่าพวกเราจะต้องการสร้างปัญหาให้เขาหรือโค่นล้มจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเราก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี” เฟิงจุนถอนหายใจ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว เรายังมีโอกาส ไปกันเถอะ เราจะไม่เปิดเผยเบาะแสใดๆ ข้าอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะน่าทึ่งสักเพียงใด เขามีสามเศียรหกกรหรือไม่? ฮืม!” ระฆังทองเหลืองลอยอยู่ตรงหน้าฟางหยวน หลังจากเสียงระฆังดังขึ้นสิบครั้ง มันก็สงบลง ฟางหยวนพยายามถาม “เจ้าเป็นจิตวิญญาณสวรรค์ใช่หรือไม่? ข้าคือไห่เจิ้ง ข้าเปิดรังอินทรีย์สวรรค์และฟักไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ข้ามาที่นี่เพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน” แต่ระฆังทองเหลืองยังเงียบ มันลอยอยู่ด้านหน้าฟางหยวนโดยไม่ขยับเขยื้อน ‘ดังคาด หลังจากกลืนกินชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้า จิตวิญญาณสวรรค์กลายเป็นไร้สติ’ ฟางหยวนเข้าใจเหตุผลนี้ นี่เป็นข้อมูลที่เขาได้รับมาจากนิกายเงา หลังจากดูดซับชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า แม้ถ้ำสวรรค์จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอีกต่อไป แต่หลังจากผู้อมตะตาย จิตวิญญาณสวรรค์ของพวกเขาจะสูญเสียสติสัมปชัญญะ มันจะกลายเป็นเจตจำนงสวรรค์ เจตจำนงสวรรค์มีต้นกำเนิดจากห้าภูมิภาคและเก้าสวรรค์ ถ้ำสวรรค์เป็นโลกใบเล็กที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แต่ทันทีที่ถ้ำสวรรค์ดูดซับชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้าเข้าไป พวกมันจะถูกแทรกแซงโดยเจตจำนงสวรรค์ เจตจำนงของตนเองจะลดลงอย่างมาก นิกายเงาทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้อย่างลึกซึ้ง ในอดีตสมาชิกของนิกายเงาเทพเจ็ดดาราทดลองกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์และพยายามคิดวิธีกำจัดเจตจำนงสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่เจตจำนงสวรรค์ใช้ประโยชน์จากมันและทำให้เทพเจ็ดดาราติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาว จากเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าถ้ำสวรรค์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจตจำนงสวรรค์ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับฟางหยวน สถานที่ปลอดภัยของเขามีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์เช่นแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เหตุผลเป็นเพราะเจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเข้าไปภายในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์เหล่านั้น บรรพชนผมยาวเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประวัติศาสตร์ มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะได้รับชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่มีความคิดที่จะดูดซับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า ‘ดังนั้นถ้ำสวรรค์นี้จึงมีคุณค่าสำหรับข้าน้อยกว่ามรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน’ ‘หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ข้าจะมอบถ้ำสวรรค์แห่งนี้ให้กับชูตู๋ นี่จะเป็นการบรรลุข้อตกลงส่วนแบ่งผลประโยชน์สามสิบส่วนของเขา’ ขณะที่ฟางหยวนกำลังวางแผน คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น ‘เกิดสิ่งใดขึ้น? ถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานมีผู้อมตะอาศัยอยู่งั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ
คอมเม้นต์