Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1095
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1095 เตรียมความพร้อมแปลโดย iPAT หนึ่งชั่วโมงต่อมา อสูรหิมะเดียวดายเหลือเพียงศีรษะทิ้งไว้ข้างหลัง “กรอ…” แต่แม้มันจะเหลือเพียงศีรษะ มันก็ยังสามารถคำรามด้วยความดุร้าย อสูรหิมะแตกต่างจากสัตวอสูรทั่วไป ร่างกายของพวกมันสร้างขึ้นจากหิมะและน้ำแข็ง พวกมันเหมือนสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล อสูรโลหิต หรืออสูรโคลน ฟางหยวนควบคุมร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและวางมือลงบนศีรษะของอสูรหิมะตัวนี้ ในครั้งเดียวชั้นน้ำแข็งปกคลุมมือของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเอาไว้ทันที ฟางหยวนเย้ยหยันและกระตุ้นใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเอง เจตจำนงของตนเองพุ่งเข้าสู่ศีรษะของอสูรหิมะราวกับคลื่นน้ำและปะทะกับเจตจำนงสวรรค์โดยตรง เจตจำนงสวรรค์มีอยู่ไม่มาก ดังนั้นมันจึงถูกทำลายโดยเจตจำนงของตนเองในที่สุด “บึม!” แต่ในช่วงเวลาสำคัญศีรษะของอสูรหิมะกลับระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง หิมะและเศษน้ำแข็งกระจายออกไปรอบๆ ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งถูกฝังอยู่ใต้กองหิมะ อย่างไรก็ตามการระเบิดตัวเองของอสูรหิมะไม่มีพลังทำลายล้าง ในไม่ช้าร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งก็ยืนขึ้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่การแสดงออกของฟางหยวนค่อนข้างมืดมน ‘แม้ข้าจะใช้เจตจำนงของตนเองกำจัดเจตจำนงสวรรค์ แต่ผลที่ตามมาก็คืออสูรหิมะระเบิดตัวเอง มันไม่มีทางกำหราบจริงๆงั้นหรือ?’ ‘แต่กระทั่งข้าจะสามารถกำหราบมัน ข้าก็ยังสูญเสียวิญญาณเจตจำนงของตนเองนับร้อยดวง ค่าใช้จ่ายของมันสูงเกินไป’ หลังจากทั้งหมดวิญญาณเจตจำนงของตนเองเป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์ นอกจากนั้นฟางหยวนยังต้องจ่ายด้วยแต้มผลงานเพื่อขอให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลอมรวมมัน นี่เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปสำหรับฟางหยวน และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือมันทำให้ฟางหยวนเสียเวลา ฟางหยวนต้องโจมตีอสูรหิมะเดียวดายเป็นอันดับแรกก่อนจะสามารถใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองเพื่อกำจัดเจตจำนงสวรรค์ ภัยพิบัติพิภพครั้งต่อไปกำลังจะมาถึง เขาไม่มีเวลาทำเรื่องเช่นนี้ ‘แท้จริงแล้วแม้ข้าจะสามารถกดขี่หรือขายอสูรหิมะเดียวดายเหล่านี้ มันก็ยังอันตราย’ ‘ย้อนกลับไปหนึ่งในร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ผู้อมตะที่ใช้นามแฝง สีเขียว ทำวิจัยเกี่ยวกับมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายในค่ายกลวิญญาณที่โลกใต้บาดาลของภาคเหนือประสบความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนเนื่องจากเจตจำนงสวรรค์ที่แฝงตัวอยู่ในทรัพยากรอมตะ ดังนั้นเขาจึงโยนทรัพยากรอมตะเหล่านั้นทิ้งไปอย่างไม่แยแส นั่นเป็นทัศนคติที่แน่วแน่มาก’ ‘หากข้าขายอสูรหิมะที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ผลที่ตามมาอาจน่ากลัวเกินกว่าที่จะจินตนาการถึง’ เมื่อความพยายามล้มเหลว ฟางหยวนตัดสินใจดำเนินการตามแผนการก่อนหน้า นั่นคือกำจัดอสูรหิมะทั้งหมด เขาต้องกำจัดพวกมันก่อนที่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะมาถึง เขายังต้องชำระล้างเจตจำนงสวรรค์ที่เหลืออยู่ออกไป อสูรหิมะทั่วไปไม่ใช่ปัญหา ฟางหยวนสามารถกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย อสูรหิมะเดียวดายรับมือได้ยากกว่า เขาต้องใช้เวลาเล็กน้อย สำหรับอสูรหิมะบรรพกาล พวกมันเป็นปัญหามากที่สุด ฟางหยวนเริ่มคิดถึงวิญญาณอมตะดาบบิน ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดาบบินเป็นแกนกลาง ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการกำจัดอสูรหิมะบรรพกาล ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นเป็นการโจมตีในวงกว้าง มันไม่เหมาะสมที่จะใช้กำจัดอสูรหิมะบรรพกาลเพียงตัวเดียว นอกจากนั้นท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก โชคดีที่ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งกลับมาและสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนได้อีกครั้ง เส้นทางความแข็งแกร่งใช้พลังงานอมตะค่อนข้างน้อย ไม่กี่วันที่ผ่านมาฟางหยวนเริ่มใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งกำจัดอสูรหิมะเดียวดายและอสูรหิมะบรรพกาล แรกเริ่มเขาจะใช้วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรกับพวกมัน แม้ผลลัพธ์จะเป็นความล้มเหลว แต่มันทำให้อสูรหิมะเดียวดายเหล่านั้นโกรธและอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง เมื่อฟางหยวนล่าถอย พวกมันจะไล่ล่า ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนกำจัดพวกมันทิ้งไป ด้วยวิธีนี้พวกมันจึงไม่มีเวลาแจ้งเตือนสมาชิกในฝูง เมื่อเวลาผ่านไป อสูรหิมะทั้งหมดเหลืออยู่ไม่ถึงสามสิบส่วน แต่เหลืออีกไม่ถึงสิบวันก่อนที่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะมาถึง ฟางหยวนบังคับร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งบินไปยังภาคใต้น้อยในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ณ สถานที่หนึ่ง ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งดั่งเดิมของฟางหยวนนอนอยู่ ‘แม้ข้าจะมีร่างเดิม แต่ข้าก็ทำได้เพียงมองดูเท่านั้น ข้าไม่สามารถใช้งานมัน’ ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะเริ่มวางค่ายกลวิญญาณ หลังจากนั้นค่ายกลวิญญาณที่ใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองจำนวนหลายร้อยดวงเป็นส่วนประกอบจึงถูกสร้างขึ้น มันเป็นค่ายกลวิญญาณปิดผนึก ฟางหยวนได้รับวิธีนี้มาจากนิกายเงาเช่นกัน ด้วยการใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณ มันสามารถป้องกันเจตจำนงสวรรค์ สุดยอดค่ายกลวิญญาณของนิกายเงาก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนจึงสามารถผ่อนคลาย ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนนอนอยู่ตรงกลางค่ายกลวิญญาณ ตอนนี้วิญญาณกาลเวลาถูกปิดผนึกไว้อย่างสมบูรณ์ เดิมทีวิญญาณกาลเวลาถูกผนึกไว้โดยผู้อมตะจากวังสวรรค์เว่ยหลิงหยาง อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถใช้งานมันได้ ดังนั้นเขาจึงขายมันให้กับฟางหยวนพร้อมกับร่างผีดิบอมตะ หลังจากได้รับวิญญาณกาลเวลา ฟางหยวนตระหนักว่ามันถูกปิดผนึกและไม่สามารถเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลาเป็นเหตุให้มันอ่อนแอลงเรื่อยๆ ฟางหยวนพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายผนึกนี้แต่ไม่ประสบความสำเร็จและต้องยอมแพ้ต่อเรื่องนี้อย่างไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตามไม่นานมานี้ดูเหมือนผนึกของผู้อมตะเว่ยหลิงหยางจะหมดสภาพไปแต่ยังมีเจตจำนงสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่ ฟางหยวนไม่กล้าวางร่างผีดิบอมตะของเขาไว้ข้างนอก การเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่ฟางหยวนยังเกรงว่าภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะทำงานร่วมกับวิญญาณกาลเวลาและกลายเป็นภัยคุกคายร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงต้องสร้างค่ายกลวิญญาณผนึกและป้องกันเจตจำนงสวรรค์ หลังจากสามวัน อสูรหิมะทั้งหมดก็ถูกกำจัดออกไปจากมิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์ ต่อมาฟางหยวนยังใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองชำระล้างเจตจำนงสวรรค์ที่ตกค้างทั้งหมด สำหรับเรื่องนี้ฟางหยวนต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล แม้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนจะมีต้นทุนต่ำ แต่การใช้หลายครั้งก็ทำให้เขาสูญเสียไม่น้อยเช่นกัน ตอนนี้ฟางหยวนไม่เหลือองุ่นเขียวอมตะและหินวิญญาณอมตะแม้แต่ก้อนเดียว เนื่องจากการปิดตัวของสวรรค์สีเหลือง แม้ฟางหยวนจะมีทรัพยากรมากมายเพียงใดแต่เขาก็ไม่สามารถขายพวกมันขณะที่แต้มผลงานจากนิกายหลางหยาของเขาก็ลดลงเรื่อยๆ แม้ฟางหยวนจะได้รับแต้มผลงานจากการชี้แนะทักษะการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเริ่มลดรางวัลสำหรับภารกิจนี้และเพิ่มรางวัลให้กับภารกิจล่าสุนัขดาวตกเพลิง ‘สวรรค์สีเหลือง เมื่อใดเจ้าจะเปิด?’ ฟางหยวนรอคอยการเปิดตัวของสวรรค์สีเหลืองขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมสำหรับภัยพิบัติพิภพที่ใกล้เข้ามา เหลือเวลาห้าวันก่อนที่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวนจะมาถึง ฟางหยวนชำระล้างเจตจำนงสวรรค์ที่ตกค้างอีกครั้งก่อนจะเดินทางไปยังภูเขาตงฮัน ด้วยการใช้ท่าไม้ตายอมตะกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนและวิธีอื่นๆ ภูมิประเทศของภูเขาตงฮันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ ต่อมาด้วยการใช้วิญญาณอมตะยกภูเขา เขานำภูเขาตงฮันเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ หากฟางหยวนไม่มีวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า เขาจะไม่กล้าทำเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน ความปั่นป่วนดังกล่าวทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปรากฎตัวขึ้น เขาถามด้วยความกังวล “ผู้อาวุโสฟางหยวน เจ้ากำลังทำสิ่งใด?” ภูเขาตงฮันไม่เหมือนหุบเขาเหล่าโป หากฟางหยวนต้องการนำมันจากไป จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่สามารถหยุดเขา ฟางหยวนเตรียมข้องอ้างไว้แล้ว เขาบอกว่าตนเองจะออกเดินทางฝึกตนอยู่ในโลกภายนอกสักพัก จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเชื่อคำกล่าวของฟางหยวน เนื่องจากเขาพยายามบีบบังคับให้ฟางหยวนออกล่าสุนัขดาวตกเพลิง ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้และสมเหตุสมผลที่ฟางหยวนจะตัดสินใจจากไปพร้อมกับภูเขาตงฮัน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากังวลมาก ฟางหยวนใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนแต้มผลงานทั้งหมดของนิกาย เขายังใช้วิญญาณสติปัญญาเป็นหลักประกันในการยืมวิญญาณอมตะและหินวิญญาณอมตะจำนวนมากจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ในที่สุดเขาก็สามารถเติมองุ่นเขียวอมตะ! น่าเสียดายที่สวรรค์สีเหลืองยังไม่เปิด ฟางหยวนถอนหายใจและย้ายทรัพยากรส่วนหนึ่งเก็บไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อความปลอดภัย “ทรัพยากรมากมายนัก ดูเหมือนเจ้าจะเชี่ยวชาญในการดูแลมิติช่องว่าง” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับจำนวนทรัพยากรของฟางหยวน แต่ในความเป็นจริงนี่ยังเป็นเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น มันยังไม่ถึงแม้แต่สามสิบส่วนของทั้งหมด ฟางหยวนจะไม่นำทรัพยากรทั้งหมดของตนออกมาขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่ใช่คนโง่ที่ไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ ครึ่งวันก่อนภัยพิบัติพิภพจะมาเยือน ฟางหยวนเดินทางไปยังที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ แม้แดนน้ำแข็งของภาคเหนือจะถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจคลั่งและมีความหมายที่แท้จริงมากมายของเขาอยู่ที่นี่ แต่มันยังมีเจตจำนงสวรรค์ ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่เดินทางมาที่นี่ล่วงหน้า แดนน้ำแข็งมีพื้นที่กว้างใหญ่ ฟางหยวนเลือกทิศทางและตำแหน่งวางมิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งเดิม ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะเป็นเช่นไร แต่ไม่ว่าอย่างไรมันย่อมทรงพลังกว่าครั้งแรก ฟางหยวนรอคอยสิ่งนี้อย่างระมัดระวัง
คอมเม้นต์