Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1091

อ่านนิยายจีนเรื่อง Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1091 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1091 กำจัดอสูรหิมะ
แปลโดย iPAT 
 
ฟางหยวนตรวจสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิ
 
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเดินทางไปรอบๆและมองเห็นดินแดนที่แห้งแล้ง
 
‘ข้ามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีน้อยเกินไป ดินแดนที่แห้งแล้งไม่สามารถเพาะปลูก ข้าต้องเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีและใช้ทุกวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นฐาน’ ฟางหยวนคิด
 
มิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินไป
 
กระทั่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฟางหยวนก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างสมบูรณ์ภายในเวลาอันสั้น
 
ฟางหยวนส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปยังพื้นที่ต่างๆ
 
แหล่งเพาะปลูกทรัพยากรค่อยๆปรากฏขึ้นในใจของเขา
 
ทะเลทรายตะวันตกมีหลุมทรายขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยมวลความร้อน
 
ภายในมีอสรพิษเพลิงจำนวนมากขดตัวอยู่รอบๆ
 
โดยปกติอสรพิษเพลิงจะอาศัยอยู่เป็นกลุ่มสองหรือสามตัว แต่ฟางหยวนใช้วิธีการพิเศษของเผ่าตงฟางในการเลี้ยงดูพวกมัน ด้วยเหตุนี้อสรพิษเพลิงจำนวนมากจึงสามารถอยู่รวมกลุ่ม สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมเรื่องการสืบพันธุ์ของพวกมัน
 
อสรพิษเพลิงเหล่านี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์สระหยกของเผ่าตงฟาง
 
สำหรับวิธีการเลี้ยงดู ฟางหยวนได้รับมาจากตงฟางชางฟาน
 
ด้วยเหตุนี้อสรพิษเพลิงจึงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
 
ห่างออกไปยังมีหลุมทรายอีกสามหลุม
 
จำนวนอสรพิษเพลิงในแต่ละหลุมไม่น้อยกว่าหลุมแรก
 
‘ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่เวลาของที่นี่เร็วกว่าโลกภายนอกหกสิบเท่า ตอนนี้จำนวนของอสรพิษเพลิงเพิ่มขึ้นสี่เท่าแล้ว’ ฟางหยวนพยักหน้าพึงพอใจ
 
เวลาเดินเร็วกว่าโลกภายนอกหกสิบเท่า นี่เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวมาก!
 
อสรพิษเพลิงฝูงนี้อาศัยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามาเป็นเวลานาน แต่การเติบโตของพวกมันค่อนข้างน้อยและไม่สามารถเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
 
นี่เป็นเพราะเวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูเดินค่อนข้างช้า
 
เช่นเดียวกับอสรพิษเพลิง ฝูงปลามังกร แมงมุมหน้าคน ป่าไผ่ลูกศร ทุ่งหญ้าสะเก็ดดาว และทรัพยากรอื่นๆก็เติบโตขึ้นด้วยความเร็วสูง
 
แต่ในแง่ของคุณภาพ ป่าไผ่ลูกศรและทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวยังด้อยกว่าเมื่อครั้งที่พวกมันอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
 
เหตุผลเป็นเพราะมิติช่องว่างจักรพรรดิมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดวงดาวน้อยกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
 
เมื่อผู้อมตะจัดการมิติช่องว่างของตน พวกเขาต้องตรวจสอบและพิจารณาทุกแง่มุมเพื่อป้องกันไม่ให้บางสิ่งขาดหาย
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมิติช่องว่างมีขนาดเล็ก ทรัพยากรทุกประเภทจะถูกวางไว้ใกล้กันและอาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่อการเติบโตของพวกมัน
 
แต่สถานการณ์ของฟางหยวนจัดว่าดี
 
มิติช่องว่างจักรพรรดิมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ทรัพยากรทั้งหมดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีโอกาสน้อยมากที่พวกมันจะเกิดปัญหา
 
‘เมื่อสวรรค์สีเหลืองเปิด ข้าจะขายทรัพยากรเหล่านี้ มันจะเป็นรางวัลใหญ่ของข้า’ ฟางหยวนสรุปและรู้สึกยินดี
 
การปิดตัวของสวรรค์สีเหลืองส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมาก
 
เขาพยายามจัดการและสร้างแหล่งทรัพยากรในมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่หากปราศจากสวรรค์สีเหลือง เขาก็ไม่สามารถซื้อขาย แม้นิกายหลางหยาจะมีสมบัติมากมาย แต่พวกมันส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่ใช้ในการหลอมรวมวิญญาณที่ไม่มีประโยชน์ต่อฟางหยวน
 
เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์สุดท้ายเข้าสู่ภาคเหนือน้อย
 
“กรอ…กรอ…”
 
เสียงคำรามของอสูรหิมะจำนวนมากดังขึ้น
 
ภูมิประเทศของภาคเหนือน้อยเริ่มเปลี่ยนเป็นทุ่งหิมะอันหนาวเย็น
 
ฟางหยวนสังเกตอย่างระมัดระวังและพบว่าทุ่งหิมะขยายตัวออกไปมากกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาตรวจสอบ
 
ทั้งหมดนี้เกิดจากภัยพิบัติพิภพครั้งก่อนหน้า
 
ฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ แม้มันจะทรงพลัง แต่ฟางหยวนก็ได้รับผลประโยชน์มหาศาลโดยเฉพาะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง
 
เนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ ภาคเหนือน้อยจึงมีหิมะตกลงมาจากท้องฟ้า
 
สภาพแวดล้อมนี้เหมาะสมกับอสูรหิมะ
 
ปัจจุบันภาคเหนือน้อยมีอสูรหิมะทั่วไปอยู่นับไม่ถ้วน มีอสูรหิมะเดียวดายมากมาย และมีอสูรหิมะแรกกำเนิดจำนวนหนึ่งเป็นผู้ปกครอง
 
ก่อนทำธุรกรรมกับนิกายเงา ฟางหยวนวางแผนที่จะเก็บอสูรหิมะเหล่านี้เอาไว้เป็นทรัพยากรในมิติช่องว่างของเขา
 
แต่หลังจากทำธุรกรรม ฟางหยวนได้เรียนรู้เกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงต้องกำจัดอสูรหิมะทั้งหมด
 
เหตุผลเป็นเพราะอสูรหิมะเหล่านี้เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์
 
ฟางหยวนมาที่นี่ด้วยเจตนาสังหาร เขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์บังคับร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งตนหนึ่งและกระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนมาก
 
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ คลื่นดาบสามชั้น!
 
“ฟิ้ว…”
 
คลื่นดาบสีเงินพุ่งออกมาพร้อมเจตนาสังหารที่เย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง
 
อสูรหิมะทั่วไปไม่สามารถต้านทาน พวกมันถูกคลื่นดาบตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์
 
อสูรหิมะเดียวดายสามารถต่อต้าน แต่หลังจากไม่กี่ลมหายใจ พวกมันก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด
 
เส้นทางแห่งดาบเป็นหนึ่งในห้าเส้นทางที่มีพลังการโจมตีแข็งแกร่งที่สุดในโลกของผู้อมตะ
 
คลื่นดาบสามชั้นเป็นท่าไม้ตายอมตะที่โดดเด่น พลังโจมตีของมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพ เขาใช้ท่าไม้ตายนี้กำจัดค้างคาวมรณะและสามารถผ่านพ้นสถานการณ์คับขันมาได้
 
หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น เขาสามารถสังหารอสูรหิมะทั่วไปหลายพันตัวและอสูรหิมะเดียวดายอีกหกตัว มันถือเป็นผลลัพธ์ที่ดี
 
อสูรหิมะหลายพันตัวไม่ถือเป็นสิ่งใด แต่อสูรหิมะเดียวดายหกตัวทำให้คลื่นดาบสามชั้นสูญเสียพลังงานไปมากมาย
 
“กรอ…”
 
เสียงคำรามแห่งความโกรธดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของอสูรหิมะสูงเจ็ดสิบเมตร
 
นอกจากนี้ยังมีอสูรหิมะเดียวดายอีกหลายตัวและอสูรหิมะทั่วไปอีกนับหมื่นตัว
 
อสูรหิมะฝูงใหญ่เคลื่อนที่เข้ามาหาฟางหยวนด้วยเจตนาสังหาร
 
ฟางหยวนบังคับร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งล่าถอย
 
เขาควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้โดยใช้พลังงานอมตะและวิญญาณของเขา
 
ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งตนนี้ฟางหยวนได้มาจากนางมารผลาญสวรรค์ มันถูกเก็บไว้ในมิติช่องว่างของเขานานแล้ว
 
ต่อสู้และล่าถอย
 
นี่เป็นกลยุทธ์ที่ไร้ยางอายอย่างไม่ต้องสงสัย
 
การต่อสู้ทุกครั้งเกิดขึ้นในสถานที่ใหม่
 
หลังจากต่อสู้ เขาก็ล่าถอยอีกครั้ง
 
เมื่อฝูงอสูรหิมะมาถึง ฟางหยวนก็ไปที่อื่นแล้ว
 
อสูรหิมะที่ไม่สามารถระบายความโกรธทำได้เพียงส่งเสียงคำราม อสูรหิมะบรรพกาลโยนก้อนหิมะขึ้นสู่ท้องฟ้า
 
มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ด้วยความแตกต่างด้านสติปัญญา ฟางหยวนสามารถวางแผนการที่เหมาะสม
 
หลังจากล่าถอยไปย้งสถานที่ปลอดภัย ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ฟางหยวนควบคุมจึงหยุดเคลื่อนไหวและพักผ่อน
 
แม้ร่างกายของมันจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ฟางหยวนยังต้องจ่ายด้วยองุ่นเขียวอมตะ
 
การกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก
 
นี่รวมถึงแต้มผลงานของนิกายหลางหยา
 
เนื่องจากวิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นหลายดวงถูกหยิบยืมมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องจ่ายด้วยแต้มผลงาน
 
หลังจากทั้งหมดค่าใช้จ่ายของท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นสูงมาก
 
แต่ตอนนี้ฟางหยวนมีทรัพยากรมากมายรวมถึงแต้มผลงานจำนวนมากจากการเดินทางไปไท่ชิว กล่าวโดยสรุปเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟางหยวนในเวลานี้
 
หลังจากพักผ่อน ฝูงอสูรหิมะสงบลงขณะที่ฟางหยวนเริ่มล่าสังหารอีกครั้ง
 
‘ข้าต้องกำจัดอสูรหิมะทั้งหมดก่อนที่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะมาถึง มิฉะนั้นภัยพิบัติทั้งสองจะหลอมรวมกันและสร้างความยากลำบากให้แก่ข้า’ ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้
 
ภัยพิบัติของผู้อมตะจะทรงพลังขึ้นเรื่อยๆในแต่ละครั้ง
 
ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวนจะทรงพลังกว่าครั้งแรก
 
หากอสูรหิมะเหล่านี้ยังอยู่และประสานงานกับภัยพิบัติพิภพครั้งที่สอง โอกาสรอดชีวิตของฟางหยวนจะลดน้อยลง มันจะกลายเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างแน่นอน
 
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟางหยวนลงมือ
 
สิบวันหลังจากกลับมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนเข้ามาล่าสังหารอสูรหิมะในมิติช่องว่างจักรพรรดิทุกวัน
 
อสูรหิมะลดจำนวนลงแต่ยังเหลืออีกมากมาย ฟางหยวนต้องทำงานอย่างหนัก
 
หากเขาสังหารอสูรหิมะจำนวนมากในวันเดียว มันจะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก
 
กระทั่งอสูรหิมะจะมีสติปัญญาต่ำ พวกมันก็มีสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด นอกจากพวกมันจะส่งเสียงคำรามเพื่อระบายความโกรธ พวกมันยังสามารถติดต่อสื่อสารและแจ้งเตือนซึ่งกันและกัน
 
หลังจากฟางหยวนโจมตีอสูรหิมะหลายครั้ง พวกมันเริ่มตื่นตัวและรวมตัวกันอยู่ภายใต้การคุ้มครองของอสูรหิมะบรรพกาล
 
ฟางหยวนไม่สามารถโจมตีได้โดยง่าย ดังนั้นเขาจึงหยุดการเข่นฆ่าในวันนี้
 
ฟางหยวนดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิก่อนจะลุกขึ้นยืน
 
เขาบินออกจากเมืองเมฆาและไปถึงหุบเขาเหล่าโปในไม่ช้า
 
ทุกวันเขาต้องบ่มเพาะจิตวิญญาณ
 
“ท่านฟางหยวน”
 
“ผู้อาวุโสฟางหยวนมาที่นี่อีกแล้ว? ท่านทำงานหนักจริงๆ ช่างน่ายกย่องนัก”
 
ในหุบเขาเหล่าโป มีผู้อมตะหลายคนอยู่ที่นี่ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้คุ้นเคยกับฟางหยวนเพราะฟางหยวนให้คำแนะนำเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้แก่พวกเขา
 
เมื่อเห็นฟางหยวนเข้าสู่หุบเขาเหล่าโป พวกเขาจึงรีบทักทาย
 
ฟางหยวนทักทายกลับอย่างสุภาพ
 
ต้องขอบคุณผมที่หกที่ทำให้ฟางหยวนเข้าถึงผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้
 
หลังจากเลือกตำแหน่ง ฟางหยวนส่งดวงวิญญาณบินออกไปและเริ่มบ่มเพาะ
 
ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้ดวงวิญญาณของเขาเกิดการสั่นสะเทือน
 
ฟางหยวนกัดฟันแน่นแต่ยังไม่เคลื่อนไหว
 
หลังจากนั้นไม่นานผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสองสามคนก็หันหน้าเข้าซุบซิบกัน
 
“ช่างบ้าคลั่งนัก!”
 
“ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะสามารถอยู่ในหุบเขาเหล่าโปได้นานถึงสองชั่วโมงในแต่ละวัน!”
 
“ความเจ็บปวดชนิดนี้…ข้าไม่สามารถทนได้แม้แต่หนึ่งนาที…”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด